เปิดเอกสารโครงการสั่งทุบอาคารเก่า ใช้งบกว่า4.6ล้าน แวดวงวิชาการช็อก สุดเสียดาย





นักวิชาการสับเละ จวกคนทุบอาคารประวัติศาสตร์ จ.แพร่ “อดีตปลัด ทส.” ชี้ไม้ทุกแผ่นจากป่า 128 ปีมีความหมายให้เรียนรู้ แม้สร้างใหม่สวยกว่าแต่คุณค่าประวัติศาสตร์หายไป “อ.ขวัญชัย” ระบุเป็นอาคารประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของการป่าไม้ไทยลึกซึ้งมากกว่าอ่านในตำรา ขณะที่ ดร.ธรณ์ จวกสร้างอาคารใหม่ได้ แต่สร้าง “อายุ” ของอาคารไม่ได้

กรณีสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารศูนย์เรียนรู้ป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตวัน ที่บริเวณชุมชนเชตวัน ริมแม่น้ำยม อ.เมือง จ.แพร่ ด้วยราคาจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด แพร่โกสินทร์ก่อสร้าง ชนะการประมูลที่ราคา 4,560,000 บาท แต่ผู้รับเหมากลับทุบอาคารดังกล่าวทิ้ง ทำให้เครือข่ายรักษ์เมืองเก่า และชาวแพร่ ต่างไม่พอใจ เพราะอาคารดังกล่าวมีอายุกว่า 120 ปี ถือเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของเมืองแพร่ ขณะที่ ผวจ.แพร่ ได้สั่งตั้งกรรมการสวนสวนเอาผิดการรื้อถอน พร้อมกำชับให้สร้างอาคารกลับมาให้เหมือนเดิม นั้น

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้การรื้อถอนอาคารดังกล่าวทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของข้าราชการในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และแวดวงนักวิชาการด้านการป่าไม้เป็นอย่างมาก

โดย ดร.วิจารย์ สิมาฉายา อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่าก็ได้แต่เสียดาย มีโอกาสไปเยือนก่อนเกษียณ และยังแนะนำให้เจ้าหน้าที่ในขณะนั้นเขียนเรื่องราวทั้งอาคาร ทั้งพื้นที่ ทั้งประเภทและอายุต้นไม้ ในบริเวณข้างเคียง และอนุรักษ์ไว้ ถือว่าเป็นอาคารที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ ทั้งอายุของอาคารมากกว่า 120 ปี และเป็นพื้นที่ที่มีการศึกษาและพัฒนาทางด้านการป่าไม้ของไทย ที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง ทั้งการศึกษาป่าไม้ การวิจัย การค้าและการอุตสาหกรรมป่าไม้ จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งตนเคยแนะนำไปนานแล้วว่าเรื่องนี้ต้องหารือกับกรมศิลปากร และทำความเข้าใจกับชุมชนด้วย ควรใช้การบูรณะ เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันล้ำแล้ว

ดร.วิจารย์ให้ความเห็นอีกว่า โครงการดังกล่าวควรจะบูรณะรักษาโครงเดิม ไม่ใช่รื้อ หรือต้องรับฟังความเห็นของพื้นที่ประกอบด้วย เพราะเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม สร้างใหม่ให้เหมือนเดิมความรู้ก็ไม่อาจกลับคืนได้ ไม้ทุกแผ่นได้มาจากป่า 128 ปี หรือปูนทุกเม็ดมีความหมายที่เราต้องเรียนรู้ แม้สร้างใหม่จะสวย หรือสวยกว่า แต่คุณค่าทางประวัติศาสตร์จะหายไป อีกทั้งความรู้สึกมนุษย์ ของเก่าอนุรักษ์ บูรณะ อายุนับต่อกัน เอกลักษณ์ วัสดุกว่า 100 ปี ทุกชิ้นมีความหมายทางใจ คุณค่าทางประวัติศาสตร์และควรชี้แจงประชาชนด้วย

ขณะที่นางอำนวยพร ชลดำรงค์กุล อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ ระบุว่า ฝีมือช่างสมัยโบราณกับสมัยใหม่แตกต่างกัน ความปราณีตของช่างแต่ละคนไม่เหมือนกัน น่าเสียดายมาก น่าจะเป็นการซ่อมแซมอนุรักษ์มากกว่าการทุบทำลาย แล้วสร้างเลียนแบบขึ้นมาใหม่ คุณค่าทางจิตใจไม่เหมือนกัน

ด้าน ผศ.ดร.ขวัญชัย ดวงสถาพร อาจารย์คณะวนศาสตร์ และผู้ทรงคุณวุฒิกรรมการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้โพสต์รูปภาพอาคารดังกล่าวและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ผมถ่ายรูปอาคารไม้สักหลังนี้ที่ริมแม่น้ำยมจังหวัดแพร่เมื่อตอนตันปีนี้ (19 ม.ค.63) วันนี้ทราบทางสื่อต่างๆ ว่า มีการรื้อทั้งหลังจนเหลือแต่เนินดิน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อซ่อมแซมให้ดี ในฐานะที่เป็นคนสอนและศึกษาวิจัยด้านนโยบายป่าไม้ นอกจากมีโอกาสได้ชื่นชมความวิจิตรตระการตาของอาคารไม้สักหลังนี้แล้ว ทำให้ผมเห็นภาพคุณค่าทางประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ของการป่าไม้ไทยอย่างลึกซึ้งมากกว่าอ่านในตำราอย่างเดียว เมื่อกลับมากรุงเทพฯ ผมยังได้หารือนอกรอบในที่ประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำร่างนโยบายป่าไม้แห่งชาติฯ ว่า น่าจะอนุรักษ์อาคารไม้สักของเมืองแพร่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ของการป่าไม้ไทยและประเทศไทย และของคนไทยทุกคน แต่ทันที่ที่ทราบข่าวและเห็นภาพมีหลายความรู้สึก และหลายคำถามเกิดขึ้น

ส่วน ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เป็นคนชอบขับรถเที่ยวทั้งเมืองไทยและเมืองนอก จุดที่ชอบมากคืออาคารเล็กๆ มีประวัติศาสตร์เรื่องราว ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกว่าเข้าถึงได้ง่ายกว่าแหล่งท่องเที่ยวใหญ่เป้ง พอมาเห็นข่าวอาคารของ บ.บอมเบย์เบอร์มา สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2432 อายุ 130 ปี ถูกรื้อทำลายสิ้นสภาพแบบนี้ รู้สึกไม่ดีเลย

“ยิ่งเห็นชื่อโครงการ ‘ปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร…’ แต่สภาพที่ปรากฏเรียกว่าถล่มทิ้งแล้วสร้างใหม่น่าจะเหมาะกว่า เราอาจสร้างอาคารใหม่ได้ แต่เราสร้าง ‘อายุ’ ของอาคารไม่ได้ สร้างร่องรอยประวัติศาสตร์ 130 กว่าปียิ่งไม่ได้ ในหลายประเทศที่ไป เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ เมืองไหนมีอาคารแบบนี้ อายุระดับนี้ คนในเมืองล้วนแต่ไชโยดีใจ เป็นแหล่งเที่ยวระดับเอบวกได้เลย ยิ่งมีสตอรี่เกี่ยวข้องกับเมือง ถิ่นฐาน ยิ่งน่าสนใจ ใครก็อยากมาเห็นมาเรียนรู้”

ดร.ธรณ์ระบุอีกว่า ในประเด็นนี้ ผู้เกี่ยวข้องคงต้องชี้แจงกันไป แต่อยากฝากไว้ ในช่วงหลังโควิด เรากำลังจะมีการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั่วประเทศ ผู้รับผิดชอบคงต้อง “รอบคอบอย่างถึงที่สุด” สำรวจพื้นที่ สำรวจสิ่งก่อสร้าง สำรวจความเป็นธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ไถ่ถามชุมชนปราชญ์ท้องถิ่น ปรึกษาคนทำงานด้านวิชาการ เพราะแม้แต่พื้นที่ต่างๆ จะอยู่ในความดูแลของหน่วยงานท่าน แต่ “ดูแล” ไม่ได้หมายความว่า “เป็นเจ้าของ” ไม่มีใครเป็นเจ้าของประวัติศาสตร์ได้ ยิ่งยุคนี้มีการตรวจสอบติดตามจากผู้คนอย่างเข้มแข็ง และข่าวมาได้สารพัดทิศ ความรอบคอบจึงเป็นสิ่งที่ควรมีในทุกโครงการประเภทปรับปรุงเปลี่ยนแปลงฟื้นฟู ไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือภาคเอกชน

ดร.ธรณ์ระบุอีกว่า หวังว่าบทเรียนนี้คงจะช่วยให้ทุกหน่วยทุกฝ่ายลุกขึ้นมาตรวจสอบติดตามดูว่า ในพื้นที่เรามีอะไรสำคัญ อะไรที่ควรหวงแหน อะไรที่ควรกาไว้ว่าห้ามรื้อห้ามทำลาย แต่ทำนุบำรุงไว้ให้สมฐานะรากเหง้าความเป็นมา และอาจหาทางสนับสนุนผลักดันให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน โดยปรึกษากับผู้รู้อย่างใกล้ชิด คุยกับชาวบ้านให้ทั่วถึง กรุณาอย่า ทุบทำลายประวัติศาสตร์ชาติไทย ด้วยความไม่รอบคอบ พวกเราคนไทยช่วยกันเป็นหูเป็นตา แม้หนนี้อาจสายไป แต่หนนี้ทำให้มีหนหน้า หนหน้าที่เราจะเข้าใจความหมายของคำว่า “ทำนุบำรุง” อย่างแท้จริง

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: