ผู้ว่าฯแพร่ ตั้งกรรมการสอบ ปมทุบอาคารเก่า120ปี ขอเวลาตรวจสอบทุกขั้นตอน ชี้นัดทุกฝ่ายชี้แจงวันศุกร์นี้





สืบเนื่องจากกรณีรื้อถอนอาคารบอมเบย์เบอร์มา อายุ 120 ปี ที่ จ.แพร่ ต่อมามีกลุ่มประชาชนเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ให้ตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินงานในโครงการที่ระบุว่าซ่อมแซม ปรับปรุง แต่กลับให้ผู้รับเหมาเข้ามารื้อถอนทำใหม่ด้วยงบ 4.5 ล้านบาทนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 มิถุนายน ที่ศาลากลางจังหวัดแพร่ นางกานต์เปรมปรีด์ กล่าวในที่ประชุม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมจากองค์กรภาครัฐและเอกชนในจังหวัดแพร่ร่วมรับฟังในครั้งนี้ ว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนสบายใจในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยจะต้องทำอย่างโปร่งใส และให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ตามงบประมาณ และตอบทุกคำถามว่า การทุบ การทำฐานรากใหม่ต้องให้ตรงตามหลักวิศวกรรม เมื่อแล้วเสร็จต้องให้เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว และสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนได้คือความชำรุดเสียหาย เปลี่ยนซ่อมได้ ตอนนี้ขอให้ตนได้ตรวจสอบตั้งแต่การเริ่มโครงการและการของบประมาณ จนการทำทีโออาร์ และการก่อสร้างว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์หรือไม่

นายธีรวุฒิ กล่อมแล้ว ประธานภาคีเครือข่ายอนุรักษ์เมืองเก่าแพร่ กล่าวว่า คงต้องมีการเข้าไปสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะคนเมืองแพร่ว่าสาเหตุข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ในความรู้สึกของคนแพร่แล้ว ประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 120 ปี เกี่ยวกับการทำไม้ของบริษัทต่างชาติที่ทิ้งรอย เรื่องราวให้ได้ศึกษา และอนุสรณ์สถานให้ได้เห็น ได้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา แต่ไม่ทราบเหตุผลที่ทุบทิ้งขนาดนี้ การยื่นหนังสือให้กับทางจังหวัดแพร่จึงยื่นให้ท่านดำเนินการตรวจสอบการรื้อถอนทำลายอาคารประวัติศาสตร์ฯ ดังนี้ 1.ระงับการก่อสร้างโครงการ ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ ทันที 2.เปิดเผยข้อมูลโครงการ งบประมาณ รูปแบบการก่อสร้าง แผนการดำเนินงาน ผู้รับผิดชอบโครงการ 3.ตรวจสอบหาผู้รับผิดชอบในการรื้อถอนทำลายอาคารประวัติศาสตร์ฯ 4.สร้างประชาคมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ในการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่สวนรุกขชาติเชตวันอย่างเปิดกว้าง 5.หน่วยงานที่รับผิดชอบนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหา และฟื้นฟูบูรณะ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2563 นี้

นายกุลศักดิ์ ชัยวัณณคุปต์ เจ้าของและทายาทบ้านประทับใจ ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนแพร่และมีความผูกพันกับเรื่องไม้มานานตั้งแต่เด็กๆ เห็นอาคารหลังนี้มา จังหวัดแพร่มีวิศวกรที่เก่ง และสามารถแก้ไขได้ด้วยการคำนวณหรือมีแนวทางอื่น ในฐานะที่เป็นเจ้าของบ้านไม้สักหลักใหญ่ อายุ 40 ปีขึ้น และเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดแพร่ บ้านที่มีอายุหลายสิบปีย่อมมีการผุพังและทรุด สำหรับบ้านประทับใจก็เช่นกัน แต่เราแก้ปัญหาด้วยการทำโครงสร้างเหล็กรองรับตัวบ้านทั้งหมด เพื่อเป็นการพยุงไม่ให้ทรุด เราสามารถทำได้

“ในฐานะคนแพร่ อยากจะถามว่า ราคา 4.5 ล้าน เมื่อรื้อออกมาแบบนี้แล้วจะสามารถทำให้เหมือนได้ในงบประมาณนี้ ในสายตามองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เรื่องนี้คงต้องมีคำตอบให้คนแพร่ได้กระจ่าง” นายกุลศักดิ์กล่าว

นายเอกชัย วงศ์วรกุล ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกเสียใจ แต่ทางออกที่ดีคือ ทุกฝ่ายต้องเข้ามาแก้ไข และหาแนวทางออกร่วมกัน ในแต่ละหัวข้อที่มีการตั้งคำถามกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยในวันศุกร์ที่จะถึงนี้จะมีการนัดหมายพบกันของทุกฝ่าย โดยให้จังหวัดนำข้อมูลและตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อความกระจ่างของทุกฝ่าย โดยเฉพาะบริษัทรับเหมา วิศวกรคุมงาน ตอบทุกรายละเอียดของข้อสงสัย เพื่อการแก้ไขปัญหาและมีแนวทางร่วมกันไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะที่ นางเสาวลักษณ์ วิสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับจังหวัดหลายนัดในเรื่องการปรับปรุงและผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว แต่ไม่เคยมีโครงการนี้ผ่านสายตาและรับทราบข้อมูล แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้รับผิดชอบ เหตุใดจึงไม่มีการทำประชาพิจารณ์หรือสอบถามคนในพื้นที่ และให้มีกระบวนการส่วนร่วมในขั้นตอน และที่สำคัญจะต้องตอบคำถามคนแพร่ให้ได้ว่าผ่านตรงจุดนี้ไปสู่การทุบทิ้งทำลายได้อย่างไร

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: