สภาองค์กรนายจ้างฯ ยอมรับ วิกฤต โควิด-19 กระทบกับภาคแรงงาน หนักที่สุดในประวัติศาสตร์ ชี้คนตกงานไปแล้ว 8.4 – 9 ล้านคน พร้อมเตือน ให้เตรียมรับผลกระทบธุรกิจปิดกิจการรอบ 2 โดยหลังไตรมาส 2 อาจจะเห็นธุรกิจเจ๊งมากขึ้นและหนักกว่าเดิม
ผลกระทบจากวิกฤต โควิด-19 ที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจจำนวนมาก จนหลายธุรกิจต้องปิดกิจการ ลดจำนวนพนักงาน โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว และการส่งออก ที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจประเทศ
โดย นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวี ระบุว่า ตลาดแรงงานในปัจจุบันถือเป็นภาวะวิกฤตแล้ว เนื่องจากคนในประเทศไม่มีกำลังซื้อ ต่างประเทศไม่เกิดการซื้อขาย กระทบกับการผลิตของไทย ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม กว่าครึ่งล้วนพึ่งพาการส่งออกทั้งสิ้น ซึ่งธุรกิจเหล่านี้อุ้มแรงงานอยู่จำนวนมาก อีกส่วนคือการท่องเที่ยวที่หยุดชะงักไปทั้งหมด จนส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ตกงานไปแล้วกว่า 8.4 ล้านถึง 9 ล้านคน แม้บางส่วนเริ่มกลับมาบ้างแล้ว แต่ยังมีกลุ่มที่ตกค้างไม่สามารถเข้ามาในระบบได้อีกกว่าหลายล้านคน และคาดว่าแนวโน้มแบบนี้จะยืดเยื้อไปอีกเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี
นอกจากนี้ นายธนิต ยังย้ำว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะยังไม่สิ้นสุด เพราะผลพวงที่ตามมาจากการปิดกิจการต่างๆยังไม่ปรากฎออกมา เพราะเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการ หลายธุรกิจได้ใช้เงินก้อนสุดท้ายในการพยุงธุรกิจต่อไปแต่หากเปิดร้านค้าแล้วไม่มีคนออกมาซื้อของ กลับกันต้นทุนค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ความเชื่อมั่นไม่เกิด การลงทุนไม่มี เงินก้อนสุดท้ายนั้นอาจยิ่งทำให้คนเป็นหนี้มากขึ้น รวมถึงผลกระทบจาก โควิด-19 ในหลายประเทศยังไม่จบ ฉะนั้น จึงต้องเตรียมตัวรับแรงกระแทกที่จะตามมาให้ดี โดยเฉพาะในหลังไตรมาส 2 นี้ ธุรกิจจะเจ๊งมากขึ้นและหนักกว่าเดิม เพราะเงินทุนไม่เหลืออีกแล้ว
ทั้งนี้ มาตรการเยียวยา 5,000 บาท ของรัฐบาลจะสิ้นสุดในเดือนนี้ นายธนิต ย้ำว่า รัฐบาลต้องชัดเจนในการออกนโยบาย ไม่ใช่บอกส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่เมื่อคนไปท่องเที่ยวเต็มชายหาดจะสั่งปิด เพราะถ้ารัฐบาลไม่มั่นใจ ประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไร
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ