ศาลอาญาสั่งจำคุกละเมิดอำนาจศาล 3เดือนไม่รอลงอาญา หญิงกุข่าวเป็นโควิด19 ขอเลื่อนคดี





ศาลอาญาสั่งจำคุกละเมิดอำนาจศาล3เดือนไม่รอลงอาญา หญิงกุข่าวเป็นโควิด 19 ขอเลื่อนคดี ไม่มาตามนัดพิจารณา ศาลตรวจเเล้วไม่ใช่ ออกหมายจับตำรวจศาลวันเดียวรวบได้คอตกนอนคุก

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.นายชนุดม ปิติฤกษ์ เลขานุการศาลอาญาได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กรณีมีจำเลยหลอกติดเชื้อ โคโรน่า (โควิด19) เพื่อขอเลื่อนการพิจารณาคดีเเละถูกเจ้าพนักงานตำรวจศาลจับกุมได้ตามหมายจับศาลอาญาว่า เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 13 นางสาวปารณีย์ ขอสงวนนามสกุล จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.226/2563 ของศาลอาญา ได้มาที่ศาลอาญา และติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีที่ศาลนัดพร้อมเพื่อประชุมคดี สอบคำให้การจำเลย ตรวจพยานหลักฐานและกำหนดวันนัดสืบพยาน ในวันที่ 16 มี.ค.โดยแจ้งเจ้าหน้าที่และ ระบุในคำร้องว่า ตนเองเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ได้ร่วมประชุมกับ พนักงานชาวสิงคโปร์ซึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 จึงต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ขอศาลเลื่อนคดีออกไป เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลรับเรื่องจึงรีบรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวให้ นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และตนเองทราบ จากนั้นได้ประสานกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอคำปรึกษาและมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ 3 คนและพนักงานรักษาความปลอดภัย 2 คน ที่สัมผัสกับน.ส.ปารณีย์กลับไปกักตัวที่บ้านทันที เป็นเวลา 14วัน ตามคำแนะนำของแพทย์พร้อมทั้งทำความสะอาดและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส ดังกล่าวที่ศาลอาญา โดยศาลอาญาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังบริษัทที่นางสาวปารณีย์อ้างว่าเป็นพนักงาน บริษัทดังกล่าวทำหนังสือชี้แจงมีใจความว่า “นางสาวปารณีย์ เป็นพนักงานตำเเหน่ง Customer Experience Specialist ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมกับพนักงานชาวสิงคโปร์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่มี การเดินทางมายังสำนักงานใหญ่ของบริษัทในช่วงวันที่ 5-6มี.ค.และนางสาวปารณีย์ ไม่ได้เดินทางไปยังอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทในช่วงเวลาที่ผู้ติดเชื้ออยู่ในประเทศไทย

นางสาวปารณีย์ เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่อีกอาคารหนึ่ง และทางบริษัทไม่ได้มีคำสั่งให้ นางสาวปารณีย์กักตัว 14 วัน”ต่อมาเมื่อถึงวันนัดดังกล่าวในวันที่ 16 มี.ค.นางสาวปารณีย์ทราบนัด โดยชอบแล้วไม่มาโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องและไม่สามารถติดต่อได้ พฤติการณ์มีเหตุควรสงสัยว่า นางสาวปารณีย์หลบหนี ศาลจึงให้ออกหมายจับนางสาวปารณีย์ และมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานตำรวจศาลเป็นผู้จัดการตามหมายจับของศาล โดยเจ้าพนักงานตำรวจศาลสามารถติดตามจับกุม น.ส. ปารณีย์ได้ในวันที่ 17 มี.ค.เเต่การที่นางสาวปารณีย์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเพื่อหวังผลในการดำเนินคดี ของตน โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมนั้น นอกจากจะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาล่าช้า แล้ว ยังก่อให้เกิดความหวาดกลัว และตื่นตระหนกต่อประชาชนผู้มาติดต่อราชการศาล จึงเป็นการ ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นการกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ศาลไต่สวนแล้วพบว่า น.ส.ปารณีย์กระทาความผิดฐานละเมิดอานาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ให้จำคุก 3เดือน

“คดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่างที่ประชาชนคู่ความที่จะมาติดต่อศาลได้ตะหนักว่าไม่ควรใช้สถานการณ์ช่วงนี้มาเป็นเหตุในการที่จะก่อให้เกิดการตื่นตะหนก เพื่อหวังผลทางคดีของตนเอง” เลขานุการศาลอาญากล่าวเตือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีโดนฟ้องน.ส.ปารณีย์นั้นเป็นคดีปลอมเอกสารเพื่อไปใช้สมัครบัตรเครดิตคนอื่น ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล

ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว ไม่มีญาติมายื่นคำร้องและหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราว น.ส.ปารณีย์ จำเลย แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้ควบคุมตัวไปขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: