เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 มีใจความสรุปว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ. 2559 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 (11) มาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ประกอบกับมติคณะกรรมการคุรุสภาในการประชุม ครั้งที่ 6/2562 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคุรุสภาจึงออกข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ไว้ อาทิ ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 6 แห่งข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ พ.ศ. 2559 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ข้อ 6 ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้(ก)มีคุณสมบัติ(1)มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ (2)ผู้มีคุณวุฒิที่สำเร็จการศึกษาในประเทศไทย ข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ (2.1)วุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาทางการศึกษาหรือเทียบเท่า ที่คุรุสภารับรอง (2.2)วุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีอื่นที่คุรุสภารับรอง (2.3)วุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีอื่น และผ่านการรับรองความรู้ตามมาตรฐานความรู้วิชาชีพของคุรุสภา(3)ผู้มีคุณวุฒิที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ข้อใดข้อหนึ่งดังนี้(3.1) วุฒิปริญญาทางการศึกษาหรือเทียบเท่า(3.2)วุฒิปริญญาอื่นและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูจากต่างประเทศ(3.3)วุฒิปริญญาตรีอื่นและมีคุณวุฒิประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูที่ใช้เวลาศึกษาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี เป็นต้น
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครม.ไฟเขียว ลดค่าครองชีพช่วยประชาชน ตรึงดีเซล-ก๊าซหุงต้ม ลดค่าไฟบ้านใช้ไม่เกิน 300 หน่วย
Advertisement นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีมติให้ความเห็นชอบในหลักการมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) ได้นำเสนอ และมอบหมายให้ พน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามอำนาจและหน้าที่ โดยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน เป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือนเมษายน 2567 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ สรุปสาระสำคัญดังนี้ 1. ตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 33 บาท/ลิตร ระยะเวลาดำเนินการ 20 เม.ย. – 31 ก.ค. 2567 2. ตรึงราคาขายปลีก LPG ที่ระดับ 423 บาท/ถังขนาด 15 กก. ระยะเวลาดำเนินการ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 2567 3. ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 19.05 สตางค์/หน่วย แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน […]
admin111 admin111
7 May 2567การศึกษาไทยกำลังสิ้นหวัง ครูได้เงินเพิ่ม แต่PISA-โอเน็ต ‘ต่ำ’
Advertisement 7 พฤษภาคม นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า จากผลคะแนนสอบPISA และผลคะแนนสอบโอเน็ต ที่ร่วงเป็นราวหรือไม่เกิน 50% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องกระบวนเรียนรู้เราไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ซึ่งสวนทางกับเรื่องที่ครูที่ได้รับเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าตอบแทน ค่าตำแหน่ง วิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ แต่คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กไม่ดีขึ้น ร่วงเป็นราว และร่วงติดต่อกันยาวนาน มองว่านโยบายเรียนดีมีความสุข ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นั้น ขณะนี้ประชาชนทุกข์ทั้งแผ่นดินแล้ว นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเห็นคะแนนแล้วเกิดคำถามว่าทำไมไม่จัดการให้ดี หรือมีคุณภาพขึ้น มองว่า ตอนนี้มีการจัดการปัญหาเฉพาะบางด้านเท่านั้น เช่น เรื่องครูที่ไม่ต้องเข้าเวร ลดการทำเอกสาร การจ้างภารโรง เป็นต้น ซึ่งตนมีคำถามว่า เมื่อลดภาระงานครูแล้ว ครูมีเวลาทำอะไร เพราะในแง่ของคุณภาพการเรียนรู้ไม่ดีขึ้น มองว่าโจทย์ใหญ่สำคัญในขณะนี้ คือ การเลื่อนตำแหน่ง และวิทยฐานะของครูทำไมไม่สัมพันธ์ และสอดคล้องกับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ต่ำลงตามลำดับ นี่คือโจทย์ใหญ่มากๆ นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า การเลื่อนวิทยฐานะของครูนั้น ไม่ตรงจุด ไม่แก้ปัญหา และไม่สัมพันธ์กับสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะค่าวิทยฐานะของครูเพิ่มขึ้น ในขณะที่คะแนนเด็กนั้นดิ่งหัวลงๆ ไม่มีกระเตื้องขึ้นเลย […]
admin111 admin111
7 May 2567แบงก์ชาติ ต้องเป็นอิสระ นโยบายแจก เงินหมื่น ขอฟังกฤษฎีกาก่อน
Advertisement 7 พ.ค. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสวิจารณ์ถึงความเป็นกลางของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติว่า ทุกหน่วยงานต้องมีอิสระในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ หรือหน่วยงานใดก็ตาม เราก็ต้องทำตามสิ่งที่เป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง และทำตามนโยบายของรัฐบาล ตราบใดที่นโยบายนั้นเป็นนโยบายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ และประชาชน หลักการมีแค่นี้ นาย อนุทิน กล่าวต่อว่า ในฐานะพรรคร่วม ย้ำว่านโยบายของรัฐบาลอย่าง เงิน ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท นั้น เป็นนโยบายหรือไม่ อยู่ในสมุดปกขาวใช่หรือไม่ ก็ถือเป็นนโยบายรัฐบาล คือการที่จะทำนโยบายนี้ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ แน่นอนจะต้องถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถ้าหลักสำคัญเรื่องนี้ถูกพิสูจน์ได้ เช่นได้รับคำยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลหรือจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสิ่งเหล่านี้ก็ต้องถือว่าพรรคร่วม ก็ต้องสนับสนุน ทั้งนี้ตนไม่ใช่นักกฎหมาย เราก็ต้องให้คนที่มีความชำนาญด้านกฎหมาย เป็นผู้ชี้แจงต่อรัฐบาล และประชาชน ในกรณีนี้รัฐบาลทุกรัฐบาล เรามีสำนักงานกฤษฎีกา ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นที่ปรึกษากฎหมายแห่งรัฐ เราต้องฟังความเห็น […]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ