วันนี้ (2 ต.ค.) นางฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะกำกับดูแลงานด้านสิทธิผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก การศึกษา และการสาธารณสุข กล่าวถึงกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก (มีนักเรียนต่ำกว่า 300คน) ซึ่งจะมีการควบรวม ยุบ หรือปิดโรงเรียนขนาดเล็กตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ชุดที่สอง ได้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการยุบ ควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ตามรายงานผลการตรวจสอบที่ 477-478/2557 โดยรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักวิชาการด้านการศึกษา และมีมติว่า นโยบายการยุบ ควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กถือเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการศึกษาของเด็กที่จะมีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน โดยมีข้อเสนอมาตรการการแก้ไขปัญหา เช่น คณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดการการศึกษา ต้องจัดการการศึกษาให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะตรวจสอบ มาตรา 49 ที่บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child – CRC) ที่ระบุให้การกระทำของหน่วยงานรัฐจะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นลำดับแรก
“เด็กจะต้องได้รับการศึกษาบนพื้นฐานของโอกาสที่เท่าเทียมและมีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาภาคบังคับที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องไม่มีเด็กที่เข้าไม่ถึงโอกาสทางการศึกษา นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับนโยบายการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อีกทั้งควรตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน และภาคประชาสังคมในการจัดการศึกษาด้วย” นางฉัตรสุดา กล่าว
นางฉัตรสุดา กล่าวว่า เป้าหมายที่ 4 ของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ที่รัฐบาลให้ความสำคัญนั้น คือ การเข้าถึงการศึกษาอย่างมีคุณภาพ ซึ่งต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โอกาสที่เด็กที่อยู่ในชนบทห่างไกลสามารถที่จะเข้าถึงโรงเรียนที่อยู่ใกล้และมีคุณภาพ สอดคล้องกับวิถีชีวิตของท้องถิ่นและชุมชนด้วยนั้น จึงเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตนเห็นว่า การยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่ในชนบทที่ห่างไกลศูนย์กลาง โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพด้านงบประมาณและมาตรฐานการศึกษาจากส่วนกลางเป็นสำคัญเท่านั้น นอกจากจะเป็นการตัดโอกาสการเข้าถึงการศึกษาสำหรับเด็กที่อยู่ในชนบทห่างไกล หรือทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าถึง เช่น ความยากลำบากหรือความปลอดภัยในการเดินทางไปเรียนแล้ว ยังเป็นการเพิ่มภาระของผู้ปกครองที่มีรายได้น้อยที่อาจส่งผลให้เด็กต้องออกจากระบบการศึกษาด้วย ดังนั้น เจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก ตลอดจนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนั้น ก็อาจไม่สามารถบรรลุผลได้จริง
“ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลในถิ่นทุรกันดารว่าต้องอยู่อย่างมีคุณภาพและมีปัจจัยที่เหมาะสม และการดำเนินนโยบายยุบ หรือควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก จะต้องเป็นทางเลือกสุดท้ายที่พิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม เป็นรายกรณี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ควรคำนึงถึงสิทธิเด็กในการศึกษา ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตลอดจนพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ. 2545 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่3) พ.ศ.2553 ที่ได้ให้ความคุ้มครองและรับรองไว้ รวมถึงการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการศึกษา เพื่อให้เด็ก ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษาได้มีทางออกและทางเลือกสำหรับบุตรหลานในการได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับเด็กทุกคน” นางฉัตรสุดา
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แผงขายหมูปิดระนาว พ่อค้า โอด รับต้นทุนหน้าฟาร์มไม่ไหว
Advertisement 25 เมษายน ที่แผงหมูสดตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา พบว่ามีการปิดแผงหมูแล้ว นายอภิชาติ พคพงษ์พันธ์ อายุ 60 ปี พ่อค้าเขียงหมูในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง เปิดเผยว่า ขณะนี้ในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง เหลือแผงหมูแค่ 3-4 แผงจากเดิมที่มี 6-8 แผง หลังจากที่สถานการณ์ราคาหมูปรับสูงขึ้น 2 ครั้ง เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว โดยรอบแรกกลางเดือนเมษายน ปรับขึ้น กิโลกรัมละ 160 บาท รอบที่ 2 เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ปรับขึ้น กิโลกรัมละ 180 บาท ปรับขึ้นอีก 20 บาท ทำให้ปัจจุบันราคาขายส่งหมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท เป็นต้นทุนที่สูงมากตั้งแต่คลุกคลีในวงการหมูมา 30 ปี ทำให้ขายยากและไม่สามารถปรับขึ้นตามแผงหมูที่ไปส่งตามแผงหมูได้ จึงต้องแบกภาระขายส่งในราคาเดิม กิโลกรัมละ 160 บาท เพราะลูกค้าตามแผงหมูต่างบ่นว่าหมูแพงขายยาก จากราคาดังกล่าว เมื่อทางต้นน้ำปรับราคาขึ้น แผงก็จำเป็นต้องปรับราคาขายอีกชนิดละ 5 […]
admin111 admin111
26 April 2567“แบงก์ชาติ” ส่งหนังสือถึง ครม. แนะทบทวน “ดิจิทัล วอลเล็ต”
Advertisement ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เริ่มดำเนินโครงการได้นั้นมีหลายหน่วยงานที่ส่งความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม. นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดลงเลขที่ ธปท.ฝกม. 285 /2567 เรื่อง โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ธปท.มีความห่วงใยและตั้งข้อสังเกตในโครงการดังนี้ 1.ความจำเป็นในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของรัฐบาลควรทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในขอบเขตที่ครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น (targeted) เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 15 ล้านคน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณ 150,000 ล้านบาท เนื่องจากคนกลุ่มรายได้น้อยมีสัดส่วนการใช้จ่ายเพื่อบริโภคสูงกว่ากลุ่มรายได้อื่น และมักซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศมากกว่าสินค้านำเข้า นอกจากนี้ควรพิจารณาดำเนินโครงการแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลังด้วย ทั้งนี้ ความจำเป็นที่จะกระตุ้นการบริโภคในวงกว้างมีไม่มาก โดยในปี 2566 […]
admin111 admin111
26 April 2567กยศ.ขอลูกหนี้ที่โดนฟ้องตั้งแต่ปี 57 ปรับโครงสร้างหนี้
Advertisement นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ตามที่กองทุนฯได้เปิดให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับผู้กู้ยืมนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้กู้ยืมที่กองทุนฯดำเนินคดีในช่วงปี 2557 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าลูกหนี้กลุ่มนี้ยังมีภาระหนี้ค้าง กองทุนฯจึงขอให้ผู้กู้ยืมกลุ่มนี้ติดต่อปรับโครงสร้างหนี้ให้ได้มีโอกาสผ่อนชำระหนี้ตามสัญญาใหม่ เพื่อขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้อีก 15 ปี และผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดทันทีหลังจากทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ในกรณีนี้กองทุนฯอาจจำเป็นต้องบังคับคดีไว้ก่อนเพื่อป้องกันการขาดอายุความ แต่จะงดการขายทอดตลาดไว้ สำหรับเงื่อนไขในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กำหนดให้ผู้กู้ยืมผ่อนชำระเงินคืนกองทุนฯ เป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน และต้องชำระภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี โดยในการชำระเงินงวดสุดท้าย ผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ เมื่อชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้นกองทุนฯจะให้ส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด ข่าวจาก : PPTV Online Advertisement Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ