ทนายเกิดผลรำลึกความหลัง เคยโดนใส่ร้ายว่าเป็นขโมย จนต้องเร่ร่อนไปทั่ว 30ปีผ่านไป ลูกหลานนายจ้างกลับมาขอความช่วยเหลือ!





หลายคนคงรู้จักกันดีกับทนายชื่อดังอย่าง “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” ซึ่งมักจะโผล่ในข่าวต่าง ๆ ของสังคม

ล่าสุด (27 มิ.ย.62) ทนายเกิดผล ก็รำลึกความหลัง เล่าประวัติวัยเด็กของตนเองผ่านเพจ เกิดผล แก้วเกิด โดยระบุรายละเอียดว่า

เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ผมเข้ามาทำงานในกรุงเทพ เริ่มต้นที่เป็นกรรมกรก่อสร้าง ค่าแรงวันละ 30 บาท เพราะจบการศึกษา เพียงชั้น ป.6

ต่อมาไม่นาน ผมไปเป็นเด็กติดรถส่งของ ในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า แห่งหนึ่ง ได้เงินเดือน ๆ ละ 600 บาท

ทำอยู่ประมาณ 6 เดือน อยู่ต่อมาไม่นาน มีการลักเครื่องใช้ไฟฟ้าในร้านไปหลายครั้ง จนกระทั้งคนร้ายถูกจับได้ ซึ่งก็เป็นพนักงานในร้านนั้นเอง

เมื่อคนร้ายถูกจับก็ยอมรับว่าลักไปจริง แต่ไม่รู้ว่า ทำไม คนร้ายโยนความผิดให้ผม หาว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้อง คอยดูต้นทาง

ผมและคนร้าย ถูกเจ้าของร้านจับ และพามาส่งตำรวจที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง

ตำรวจสอบสวนอย่างหนัก ซึ่งขณะนั้น ผมอายุเพียง 14 ปี ถูกตำรวจซ้อม พร้อมๆกับคนร้ายตัวจริง

คนร้ายทนตีนตำรวจไม่ไหว ก็ยอมรับว่า ทำร่วมกันกับพวกอีกคน ซึ่งไม่ใช่ผม

ส่วนผม คอนนั้นยังเป็นเด็ก..ได้แต่อ้อนวอน และ ปฎิเสธ ผมถูกซ้อมแบบเด็กๆ แต่ก็เจ็บแบบผู้ใหญ่

ผมไม่ได้ทำผิด ผมก็ปฎิเสธอย่างเดียว สลับกับร้องไห้ เพราะเสียใจตลอดเวลา

เมื่อตำรวจใช้วิธีสอบสวน แบบโบราณ จนรู้ความจริงว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ปล่อยผมกลับ

ผมกลับมาที่ร้าน เพื่อกลับมาทำงาน อย่างตั้งใจ และสบายใจว่าตัวเองพ้นมนทินแล้ว

เมื่อผมกลับด้วยความบริสุทธิ์ แทนที่เจ้าของร้านจะยินดี กลับ กลั่นแกล้งผม และสุดท้าย ไล่ผมออก ในวันต่อมา ในเวลากลางคืนหลังเที่ยง

คืนนั้น เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เด็กชายบ้านนอกคนนี้ ต้องเผชิญชะตาชีวิต ในเมืองหลวง ซึ่งขณะนั้น ไม่รู้แม้แต่หนทางว่าจะไปไหน จะใช้ชีวิตคืนนี้อย่างไร

ผมเดินออกจากร้านนั้นมาด้วยน้ำตา…เพราะหัวใจแตกสลาย 

ผมร้องไห้ เสียใจในสิ่งที่เขาทำกับผม ผมเหนื่อย สับสน ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร

เดินไป ร้องไห้ไป จนหมดแรง และเผลอหลับตรงป้ายรถเมล์ จนถึงรุ่งเช้า

ตื่นมา มีแต่รอยยุงกัดเต็มตัว แต่ผมไม่รู้สึกว่ามียุงกัด คงเป็นเพราะผมเหนื่อยมาก หิวก็หืว เหนื่อยก็เหนื่อย เจ็บปวด และสับสน…

ผมเดินไปอย่างไร้จุดหมาย และมีเงินติดตัวเพียง 120 บาท

แต่ผมบอกกับตัวเอง ว่า “อย่ายอมแพ้..” 

ผมมองเห็นป้ายรับสมัครงาน โรงงานไม้ขีดไฟ
ผมโทรไปสอบถามเส้นทาง ปลายสายแนะนำเส้นทาง ผมจึงไปสมัครงานด้วยความหวัง…

เมื่อไปถึง เป็นเพียงสำนักงานจัดหางานเล็กๆ แถววงเวียนใหญ่ (และน่าจะเถื่อนด้วย)

ผมถูกกล่อม หวานล้อม แกมข่มขู่ ให้ไปทำงานในเรือประมง

ผมไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีเงิน และเอกสาร สำคัญๆ ถูกยึดไว้หมด ผมจึงจำใจไปเป็นเด็กตังเก ลงเรือหาปลา ที่ มหาชัย

มาทราบภายหลังจากไต๋ก๋ง ว่า บริษัทจัดหางาน เอาผมมาขายให้เรือประมง หัวละ 1,500 บาท และผมต้องทำงานใช้หนี้ อย่างน้อย 2 เดือน

ผมลงเรือได้ไม่นาน เรือก็ขึ้นฝั่ง ที่แพปลา ในอำเภอ ขนอม จังหวัด นครศรีธรรมราช

ผมหลบหนีมากรุงเทพได้…และมาเป็นเด็กติดรถขนส่งเบียร์

ในระหว่างนั้น ผมทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ว่า นับตั้งแต่ผมมาทำงาน เป็นกรรมกรก่อสร้าง จนถูกใส่ร้าย ไล่ออกจากงาน และ ถูกหลอกไปขายลงเรือตังเก…

เป็นเพราะผม โง่ ไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษา 

ผมจึงบอกกับตัวเองว่า …”ผมจะต้องเรียนต่อให้สูงที่สุด..เท่าที่จะสามารถเรียนได้..”

ผมเริ่มเรียน กศน. (เรียนด้วยตนเอง) ตั้งแต่ เทียบเท่า ม.3 จน จบปริญญาตรี และ เป็นทนายความ..”

กว่าจะถึงวันนี้ ผมเหนื่อยมาก แต่ผมเอาความลำบาก เป็นแรงผลักดัน..

เมื่อไม่นานที่ผ่านมา…โลกมันช่างกลม หรือเพราะเราได้สร้างกรรมร่วมกันมา

ลูกหลาน เจ้าของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า..มาหาผมที่สำนักงาน

ขิ่นชม ยินดี กับความสำเร็จของผม …

และมาขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากผม‼

ผมเล่าเหตุการณ์ เมื่อ 30 ปีก่อน ตอนผมเป็นเด็ก และเป็นลูกจ้างที่ร้าน ว่า ตอนนั้น ผมโดนกระทำอย่างไรบ้าง 

เมื่อเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง บางคนก็จำได้ บางคนก็จำไม่ได้

แต่ผม…จำได้ทุกอย่าง เหมือนเหตุการณ์ พึ่งผ่านไป 3 วัน

ผมไม่ได้อาฆาต หรือ พยาบาท แต่อย่างใด

หากไม่มีเหตุการณ์วันนั้น ก็คงไม่มีทนายความชื่อ เกิดผล ในวันนี้

บางที..หนูตัวเล็กๆ ก็สามารถช่วยราชสีห์ได้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: