หน้าไหว้หลังหลอก!!! “กนก” ซัดแรง “เนติวิทย์” วงแผนจัดฉากทั้งหมด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนไม่ตรงกับความจริงทั้งสิ้น!!(รายละเอียด)






เป็นเรื่องดราม่าสุดๆ จากกรณีที่วันที่ 3 ส.ค. 60 เฟซบุ๊ก "Netiwit Chotiphatphaisal" หรือ นายเนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล ประธานสภานิสิตจุฬาฯ ได้โพสต์ข้อความโดยมีเนื้อหาดังนี้

สวัสดีครับเพื่อนๆ 

วันนี้เป็นวันถวายสัตย์ปฏิญญาณตนของนิสิตใหม่ประจำปี 2560 

แทนที่จะเกิดความปีติ แต่กลับจัดงานอย่างผิดพลาด

ตอนแรกสุดบอกว่าจะให้พื้นที่สำหรับคนยืนเคารพ

รองอธิการบดีสัญญากับผมก่อนงานว่า ถ้าฝนตกจะให้เด็ก

โค้งคำนับแล้วจบ เพราะเด็กจะเปียก จะเป็นไข้ได้ แต่เป็นว่าให้หมอบกราบถวายบังคมเหมือนเดิม พอฝนเริ่มตกหนักก็ยังแจกแผ่นกันฝนเล็กๆให้เด็ก

หมอบกราบถวายบังคม

ในขณะที่พวกครูอาจารย์มีร่มเตรียมมา 

สภานิสิตและอบจ นั้นไม่มีร่มให้ เปียกโชก 

ผมทนไม่ได้ ผมกับเพื่อนหลายคน ซึ่งมีหลายเหตุผลด้วยกันจึงเดินออกมา 

นอกจากนี้ ยังมีอาจารย์มาทำร้ายร่างกาย ล็อคคอ กระชากดึงเพื่อนผมด้วย



สำหรับเหตุผลของผมที่ผมต้องเดินออกนอกจากฝนตก รองไม่ทำตามคำสัญญาแล้ว ยังมีเหตุผลอีกดังนี้:

ปีที่แล้วกับปีนี้แตกต่างกัน ปีที่แล้วผมยังเป็นนิสิตเพิ่งเข้าใหม่ 

แต่ในปีนี้ ผมเป็นประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ซึ่งก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ผมได้มายืนอยู่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ของทั้งสองรัชกาล

เฝ้ามองและยืนนิสิตใหม่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการถวายบังคม

อย่างไรก็ดี สำนึกของการที่เป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ ก็มาพร้อมกับการที่ต้องรักษาเกียรติภูมิ วัฒนธรรมที่ดีงามในสังคมปัญญาชนให้งอกงามต่อไป

ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนจากชื่อพระนามของรัชกาลที่5 ซึ่งได้ถูกอัญเชิญมาเป็นชื่อของมหาวิทยาลัย

ในส่วนตัวของผมแล้ว แม้ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้เป็นประธานฯ ก็รู้สึกปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเห็นว่าสยามประเทศจะเจริญงอกงามได้นั้น จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทันสมัย ไม่แพ้กับชาติตะวันตก ทรงเห็นว่าของเก่าบางอย่างนั้นที่ทำมา บัดนี้สมควรเลิกได้แล้ว มนุษย์ไม่สมควรจะกดขี่กันและกัน กริยาท่าทางนั้นสำคัญ ควรจะให้ไม่เกิดการดูเหลื่อมล้ำขึ้น เหมือนลักษณะสังคมทาสดั้งเดิม ดังทรงพระมหากรุณาธิคุณในการยกเลิกทาสและธรรมเนียมแบบทาสแม้ต่อหน้าพระพักตร์ พระองค์ก็ต้องการให้พวกเราแสดงความเคารพอย่างเป็นมนุษย์เสมอภาค ทรงประกาศพระบรมราชโองการยกเลิกธรรมเนียมหมอบคลานถวายบังคม ในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งนับว่าเป็นกฎหมาย และยังไม่มีผู้ใดหาญกล้าพอทีจะยกเลิกพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นนี้

ด้วยความสำนึกในฐานะพลเมืองรุ่นใหม่ ในฐานะนิสิตในมหาวิทยาลัยตามพระนาม และประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ไม่อาจปฏิเสธถึงวิสัยทัศน์อันยาวไกลของพระองค์นี้ได้เลย ได้พิจารณาไตร่ตรองดีแล้วและเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรน้อมทำตามอย่างยิ่ง

กระนั้นก็ตาม ผมก็เกิดความสับสน เหตุใดมหาวิทยาลัยที่ตั้งตามพระนามและเป็นสังคมปัญญาชนถึงสร้างธรรมเนียมขึ้นมาใหม่ให้กลับไปกราบไหว้ถวายบังคม ซึ่งธรรมเนียมการถวายบังคมนี้ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ของเก่า แต่เป็นของใหม่ที่มีมาเมื่อยี่สิบปีก่อน

โดยก่อนหน้านี้มีการฟื้นฟูมาบ้างในสมัยรัฐบาลทหาร แต่นั่นก็ทำไปเพราะมีเป้าหมายทางการเมืองมิใชหรือ โดยพวกเขาไม่อ่านตามพระราชประสงค์

พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่า เมื่อพระองค์เจ้าหญิงผ่อง พระธิดาของพระองค์ไม่ยอมทำตามพระราชประสงค์ พระองค์ถึงขนาดดึงผมขึ้นมาเลย และไม่รู้เพราะไม่มีเวลาศึกษาเพียงพอว่า นี่เป็นพระบรมราชโองการ และเป็นกฏหมาย

ถ้าหากพระองค์ทรงเห็นพวกเราเข้าในวันนี้ที่มาถวายสัตย์ พระองค์จะทรงรู้สึกเช่นไร

ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานประเทศและเป็นหนึ่งในครูกฎหมายชั้นแนวหน้า ศิษย์กรมราชบุรีฯและผู้คอยติดตามสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

ได้แสดงทัศนะต่อเรื่องนี้ที่เขาเห็นการรื้อฟื้นธรรมเนียมที่ไม่ทำตามพระราชประสงค์ว่า

"พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ได้ปฏิบัติตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๕ โดยเฉพาะกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระอาจารย์กฎหมายสยาม ได้ทรงสั่งสอนตามพระราชประสงค์ ของพระราชบิดา…นิสิตนักศึกษานักเรียนก็ถูกบังคับให้ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมนั้น ซึ่งท่านย่อมทราบแล้ว คำพิพากษาฎีกาบางฉบับก็มี ผู้พิพากษาบางนายได้ตัดสินคดีโดยอาศัยประเพณีเก่าเป็นข้ออ้าง ลงโทษผู้ต้องหา

" ผมจึงคิดว่าถ้ารัชกาลที่ ๕ มีญาณวิถี และโดยเฉพาะกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เห็นการฟื้นขนบธรรมเนียมประเพณีทาสอันเป็นการขัดพระราชประสงค์และขัดต่อเจตนารมณ์ทางกฎหมายแล้ว พระองค์จะทรงมีความรู้สึกอย่างไร "

สังคมปัญญาชนด้วยแล้ว อย่างแรกที่มหาวิทยาลัยควรจะทำมิใช่การแจ้งข้อมูลตรงนี้หรือ และเปิดพื้นที่ให้เป็นไปตามพระบรมราชโองการ

นี่คือสาเหตุว่าทำไมปีที่แล้วผมในฐานะนิสิตใหม่จึงต้องโค้งแล้วออกไป เพื่อเป็นการส่งสาส์นว่าถึงเวลากลับมาฟังพระบรมราชโองการ

และในปีนี้ ผมได้ทำการประนีประนอมแล้ว บอกทางรองอธิการบดีรวมถึงทำหนังสือบอกอบจแล้ว แจ้งประสงค์ให้มีพื้นที่คนที่ต้องการทำตามพระบรมราชโองการ แต่ก็หาเป็นผลไม่

มหาวิทยาลัยในพระนามและแหล่งความรู้ไม่มองในมิติอื่นๆเลยนอกจากทำตามคำสั่งของคนซึ่งอาจจะไม่ทราบถึงพระราชประสงค์เมื่อ 20 ปีก่อน

และยังบีบบังคับให้คนที่ต้องการแสดงความภักดีต้องมีสีผมในลักษณะเดียวกัน ยึดข้อมือกำไรต่างๆ ทั้งที่นี่คือการถวายความคำนับต่อพระผู้ทรงสร้างความทันสมัยและต้องการให้มนุษย์เท่ากัน กลับพยายามสร้างความศักดิ์สิทธิ์ อันไม่ใช่ลักษณะของสังคมแห่งปัญญาเลย

ในฐานะประธานสภานิสิตที่ได้รับเกียรติให้มางานนี้ ผมจึงต้องแสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมอีกครั้งหนึ่ง

ทำในสิ่งที่เป็นพระราชปณิธานต่อหน้าพระองค์ แม้คนอื่นๆจะลืมเลือนความสำคัญของสิ่งที่พระองค์ทำนี้ไปแล้วและเดินออกไป

ล่าสุด ในเฟซบุ๊ก "Kanok Ratwongsakul Fan Page "  หรือ นาย กนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวโดยได้ระบุข้อความว่า "ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวันถวายสัตย์ปฏิญญาณตนของนิสิตใหม่ จุฬาฯ แล้วนายเนติวิทย์ ไปเล่าเรื่องในเฟซบุ๊คตัวเองประมาณว่า ถูกอาจารย์ล็อคคอ ทำร้ายร่างกาย ในพิธี ไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ โดยอ้างว่าจะให้พื้นที่สำหรับคนยืนเคารพ…(ตามข้อความด้านล่าง) ล้วนไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น ก่อนถึงวันนี้ ทางอาจารย์ได้ตกลงกับนายคนนี้ ที่ไม่ยอมร่วมพิธีถวายบังคม ทางจุฬาฯก็จัดที่ไว้ให้สำหรับผู้ที่อาจจะไม่พร้อมก้มลงไปกราบ เพราะร่างกายไม่อำนวย หรือเหตุผลทางศาสนา
ก็ตกลงกับนายเนติวิทย์และพวกแล้วว่า พวกเอ็งมายืนโค้งคำนับตรงนี้ แต่พอถึงเวลาจริง กลุ่มนายเนติวิทย์กลับเดินตรงเข้าไป..เดินเข้าไป..ตรงหน้าพระบรมรูป รัชกาลที่ ๕ ซึ่งอาจารย์กลุ่มหนึ่งได้เข้าไปห้าม เพราะไม่รู้ว่ากลุ่มนี้จะเข้าไปทำอะไร แล้วมีอาจารย์ท่านหนึ่งล็อกคอจริง! ทำไมเนติวิทย์ ไม่อยู่ในที่ที่จัดไว้ให้ จะเดินไปทำอะไร? และตอนนั้นฝันแค่ปรอยๆ ไม่ได้ตกหนัก พิธีก็กำลังจะจบแล้ว นิสิตทุกคน ได้รับแจกชุดกันฝน และอาจารย์ก็ไม่ได้ใช้ร่มกันฝนแต่อย่างใด เพราะฝนแค่ปรอยๆ นายคนนี้แสบมาก! จ้องป่วนพิธีที่เขาทำกันมาก่อนที่เนติวิทย์จะเกิดด้วยซ้ำ"

ล่าสุดเนติวิทย์ ก็ได้โพสต์ข้อความเช่นกันว่า "สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้เป็นวันถวายสัตย์ปฏิญญาณตนของนิสิตใหม่ประจำปี 2560 แทนที่จะเกิดความปีติ แต่กลับจัดงานอย่างผิดพลาด ตอนแรกสุดบอกว่าจะให้พื้นที่สำหรับคนยืนเคารพ รองอธิการบดีสัญญากับผมก่อนงานว่า ถ้าฝนตกจะให้เด็ก โค้งคำนับแล้วจบ เพราะเด็กจะเปียก จะเป็นไข้ได้ แต่เป็นว่าให้หมอบกราบถวายบังคมเหมือนเดิม พอฝนเริ่มตกหนักก็ยังแจกแผ่นกันฝนเล็กๆให้เด็ก แล้วก็ไม่พอด้วยหลายๆคนก็ยังต้องตากฝนอีกเพื่อหมอบกราบถวายบังคม ที่ไม่รู้เวล่ำเวลาหรือคิดถึงนิสิตใหม่ ในขณะที่พวกครูอาจารย์มีร่มเตรียมมา สภานิสิตและอบจ นั้นไม่มีร่มให้ เปียกโชก ผมทนไม่ได้ ผมกับเพื่อนหลายคน ซึ่งมีหลายเหตุผลด้วยกันจึงเดินออกมา นอกจากนี้ ยังมีอาจารย์มาทำร้ายร่างกาย ล็อคคอ กระชากดึงเพื่อนผม ด่าอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นอาจารย์"

ข้อมูลข่าวจาก : Netiwit Chotiphatphaisal / Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว /  Kanok Ratwongsakul Fan Page

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: