จะเก็บถุงใต้ตาไว้ทำไม…แค่ทำตามนี้ก็ช่วยสลายถุงใต้ตาได้….บอกลาตาบวมตุ่ย หน้าเด็กลงไปอีก 10 ปี





เพราะต้องจ้องหน้าจอทั้งวัน นอนก็น้อย งานก็เยอะ ปัญหาถุงใต้ตาจึงมักจะมาเยือนสาวๆอยู่เสมอ ถุงใต้ตาที่บวมเป่งบดบังความงามที่แท้จริงของดวงตาคุณไปมาก แถมยังทำให้เสียความมั่นใจ และต้องคอยโบ๊ะเครื่องสำอางหนาๆปกปิดมันเอาไว้

แต่ไม่ต้องห่วงเพราะสิ่งนี้สามารถกำจัดได้ วันนี้เรามีวิธีกำจัดถุงใต้ตาแบบง่ายๆ มาฝากกัน ถ้าอยากสวยไปด้วยกันต้องตามมาดู

 

 

ก่อนอื่น…คุณสาวๆต้องรู้จักถุงใต้ตากันก่อน ว่านี่มันคืออะไรกันแน่ และมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

ถุงใต้ตา คือ อาการบวมหรือคั่งน้ำของถุงไขมันที่อยู่ใต้ดวงตา ซึ่งถุงไขมันนี้มีอยู่อย่างเป็นธรรมชาติอยู่แล้วในร่างกายมนุษย์ โดยอยู่บริเวณเบ้าตาจำนวน 5 ถุง บริเวณเปลือกตาบน 2 ถุง และบริเวณเบ้าตาล่าง 3 ถุง

ตัวปัญหา ก็คือ เจ้า 3 ถุงข้างล่างนี่แหละ เพราะถ้าเราใช้สายตาบ่อย นอนพักผ่อนน้อย ดื่มน้ำไม่เพียงพอ ร้องไห้หนัก หรือเป็นภูมิแพ้ ถุงไขมันเหล่านี้ก็จะบวมพอง ใหญ่ขึ้น จนทำให้เห็นเป็นรอยหย่อนคล้อยใต้ดวงตา จนดูแทบไม่ได้หรือเพิ่มความมีอายุให้แก่ใบหน้าไปอีกหลายปี

 

วิธีการแก้บวม

 

หลายๆคนคงจะคุ้นชินกับการเอาแตงกวา ช้อนเย็นๆ หรือถุงชามาโปะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยได้ แต่การแก้ไขอย่างถูกต้องจำเป็นจะต้องรู้ลึก รู้จริง และรู้อย่างละเอียด มาดูกันเลยว่า…วิธีแก้ไขถุงใต้ตาต้องทำอย่างไรบ้าง?

 

ขั้นตอนที่ 1 รู้ก่อนว่า “อาการถุงใต้ตาบวมที่เกิดขึ้นเป็นถุงใต้ตาแท้ หรือถุงใต้ตาเทียม?”

 

– หากเป็นถุงใต้ตาแท้ แสดงว่ามีถุงใต้ตามาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ได้เป็นเพราะอดนอน หรือใช้สายตามากแต่อย่างใด

วิธีการแก้ไข ต้องไปปรึกษาแพทย์ศัลยกรรม เพื่อใช้วิธีเลเซอร์ออก

 

[ads]

 

– หากถุงใต้ตาเทียม คือ อาการบวมของถุงใต้ตาในกรณีที่เราอดนอน  ใช้สายตามาก ร้องไห้บ่อย หรือเกิดอาการระคายเคืองบางอย่าง  ทำให้การหมุนเวียนของเลือดบริเวณดวงตานั้นไม่ลื่นไหล จึงเกิดอาการคั่งน้ำ ส่งผลให้ถุงไขมันใต้ตาบวมขึ้นมา

วิธีการแก้ไข

1. ปฏิวัติการใช้ชีวิตประจำวัน โดยการดื่มน้ำ และนอนหลับพักมากๆ ทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สามารถช่วยลดการสะสมของเหลวใต้ดวงตาได้

2. นวดคลึงใต้ตาเบาๆ หลังจากตื่นนอน สาวๆควรนวดคลึงใต้ตาเบาๆ ด้วยนิ้วนางจากหัวตาไปยังหางตาข้างละ 10 ครั้งก่อนลุกออกจากเตียง

จากนั้นควรล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรือใช้น้ำเย็นประหน้าเบาๆสักครู่หนึ่ง เพื่อเป็นการกระชับหลอดเลือดบนผิวหน้าให้ตึง สดชื่น และทำให้ของเหลวที่สะสมอยู่บริเวณใบหน้าถูกดึงกลับลงไปด้วย

3. ไม่ขยี้ตาแรงๆ ข้อควรระวังอีกเรื่อง ก็คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหนังรอบดวงตาอย่างรุนแรง ความถนอมดวงตาให้มากที่สุด เพราะจะช่วยทั้งเรื่องถุงใต้ตา และเรื่องรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตาได้ด้วย

4. เลี่ยงของที่แพ้ ลองสำรวจตัวเองดูก่อนว่า…มีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังอย่างเครื่องสำอาง สบู่ แชมพู หรือแม้แต่ผงซักฟอก ที่อาจมีส่วนที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือทำให้ผิวหนังใต้ดวงตาอักเสบได้หรือไม่ ถ้ามีก็รีบหยุดใช้ตั้งแต่วันนี้

 

 

ฟังดูแล้วก็ไม่ยากเย็นมากมายเลยใช่ไหมคะ แค่ต้องอาศัยความอดทนเสียหน่อย และหมั่นทำบ่อยๆเป็นประจำ โดยเฉพาะการดื่มน้ำเยอะๆ นอนพักผ่อน พักสายตา และการนวดคลึงใต้ดวงตา เพียงเท่านี้ก็สามารถลดสาเหตุของการเกิดอาการถุงใต้ตาบวมได้แล้วล่ะค่ะ

 

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก wongnai.com

 

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: