จดเลย 5 เมนูเด็ดที่ทำตุนเก็บไว้อุ่นทานได้ ไม่ต้องเสียเวลาทำทุกวัน อร่อยเหาะเหมือนเดิม !!





ต้องยอมรับว่าการทำอาหารรับประทานเองนอกจากคุณจะได้ทานเมนูที่ถูกปากและประหยัดเงินในกระเป๋าแล้ว คุณยังได้ทานอาหารที่ดี สดใหม่ และสะอาดอีกด้วย แต่คนส่วนใหญ่มักจะติดปัญหาเรื่องเวลา เพราะสมัยนี้คนเมืองต้องใช้ชีวิตเร่งรีบ ทำให้ไม่มีเวลาหุงหาอาหาร ต้องฝากท้องไว้กับร้านอาหารข้างนอก หรือบางคนมีสถานที่พักอาศัยอยู่ห่างไกลจากร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะเวลากลางคืนถ้าหิวขึ้นมาคงต้องพึ่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปก่อน แต่จะดีแค่ไหนถ้าคุณสามารถทำกับข้าวตุนไว้กินในวันต่อๆไปได้ ทั้งอร่อย สะอาดและประหยัดขนาดนี้ หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลานี่คือ 5 เมนูเด็ดพร้อมวิธีทำที่ทำแล้วสามารถเก็บใส่ตู้เย็นไว้อุ่นทานได้ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย

5 เมนูเด็ดที่ทำตุนเก็บไว้อุ่นทานได้ 

7x

1. คั่วกลิ้ง
อาหารใต้รสชาติจัดจ้านถึงใจใครหลายๆคน เมนูนี้สามารถเก็บใส่ตู้เย็นไว้ได้นานเป็นอาทิตย์รสชาติก็ยังอร่อยเหมือนเดิม

ส่วนผสม คั่วกลิ้ง​         

          • เนื้อหมูหรือไก่สับ 200 กรัม
          • น้ำพริกคั่วกลิ้ง 2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มได้ตามความเผ็ดที่ชอบ)
          • กะปิ 1/2 ช้อนชา (ชิมรสน้ำพริกแกงก่อนใส่กะปิ เพราะน้ำพริกแกงแต่ละร้านมีความเค็มไม่เท่ากัน)
          • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนชา
          • น้ำปลา (ปรุงรส)
          • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
          • ใบมะกรูดซอย 6 ใบ
          • พริกไทยอ่อน 1 ช่อ

วิธีทำคั่วกลิ้ง
  1. โขลกน้ำพริกคั่วกลิ้งกับกะปิให้พอเข้ากัน เตรียมไว้

  2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ พอร้อนใส่เนื้อหมูหรือไก่สับลงไปผัดจนเกือบสุก 

  3. จากนั้นใส่น้ำพริกคั่วกลิ้งลงไปผัดกับเนื้อสัตว์ให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ

  4. ปิดไฟแล้วใส่พริกไทยอ่อนและใบมะกรูดซอยลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักสดตามชอบ

sam_0872

2. ต้มจับฉ่าย
เมนูนี้นอกจากความอร่อยแล้วยังได้วิตามินมากมายจากผักนานานชนิด แถมยังแบ่งเก็บไว้ในตู้เย็นทานได้หลายวันอีกด้วย

ส่วนผสม ต้มจับฉ่าย
           • รากผักชี 2 ชิ้น
           • กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
           • พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
           • กระดูกอ่อนหมูเป็นชิ้น 200 กรัม
            •หัวไชเท้า ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้น 1 หัว
            •น้ำมันพืชสำหรับผัด
           • เห็ดหอมสด 5 ดอก
           • ผักต่าง ๆ (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ) น้ำหนักรวม 500 กรัม เช่น คะน้า, ผักกาดขาว, กะหล่ำปลี, ใบขึ้นฉ่าย, ดอกกะหล่ำ, กวางตุ้ง (หรือผักตามชอบ)
           •ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
           •ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
           •น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำต้มจับฉ่าย
            1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่กระดูกอ่อนหมูลงต้มนานประมาณ 20 นาที จากนั้นใส่หัวไชเท้าลงต้มจนเดือด ลดไฟอ่อน เตรียมไว้
            2. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
            3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดจนหอม ใส่เห็ดหอมลงผัดจนสุก ลดไฟลง ใส่ผักที่เตรียมไว้ลงผัด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และน้ำตาลปี๊บ ผัดผสมให้เข้ากันจนผักเริ่มสุก ยกลงจากเตา
            4. ตักผักที่ผัดไว้ลงในหม้อน้ำซุป นำขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟปานกลาง เคี่ยวจนผักสุก และนิ่ม ชิมรสตามชอบ ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน

[ads]

1363433156-4-o

  1. น้ำพริก ไข่ต้ม
    ถือเป็นเมนูที่ทานง่ายแถมไม่เบื่ออีกด้วย น้ำพริกนี้สามารถเลือกทำตามที่ตนเองชอบ แล้วแบ่งใส่กระปุกเก็บไว้ทานได้หลายวัน ส่วนไข่ต้มเก็บในตู้เย็นได้หลายวันเหมือนกันค่ะ แต่วันนี้ขอนำเสนอน้ำพริกปลาย่างค่ะ

ส่วนผสมน้ำพริกปลาย่าง 

  1. ปลาช่อนย่างตัวใหญ่ 1 ตัว
  2. หอมแดงคั่ว 2 หัว
  3. เกลือป่น 4 ช้อนโตีะ
  4. พริกชี้ฟ้าคั่ว 10 เม็ด
  5. กระเทียม 1 หัว
  6. น้ำมะขามเปียก 100 กรัม

recfood2159_0_normal

วิธีทำน้ำพริกปลาย่าง 

แกะเนื้อปลาช่อนย่างออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นให้นำเนื้อปลาย่างไปทอดให้กรอบ

นำกระเทียม พริกชีฟ้าและหอมที่คั่วไว้แล้ว มาโขลกเข้าด้วยกัน ใส่น้ำมะขามเปียกและเกลือลงไป ผสมให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน

ใส่เนื้อปลาช่อนลงไปโขลกกับน้ำพริกจนละเอียดและเข้ากันเนื้อเดียว เป็นอันเสร็จ เสิร์ฟคู่กับผักสดผักลวก แซบลืมเลยจ้าอย่าลืมแบ่งใส่กระปุกเก็บไว้ทานนะคะ

11745351_892549767486683_3482964533595805077_n-copy

4.  ไข่พะโล้
เมนูนี้น่าจะเป็นของโปรดของใครหลายๆคน ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่นอกจากความอร่อยแล้วยังเก็บไว้ทานได้หลายวัน

ส่วนผสมและสัดส่วน
1.ไข่ไก่หรือไข่เป็ด 10 ฟอง
2.หมูสามชั้นหั่นชิ้นหนา 1กิโลกรัม (ไม่ชอบกินมันใส่แต่เนื้อหั่นเป็นลักษณะก้อนๆ)
3.เครื่องพะโล้(โป๊ยกั๊ก อบเชย) 1 ห่อ
4.กระเทียม 2 หัว +รากผักชี 4-5 ราก , พริกไทยเม็ด 1/2 ช้อนโต๊ะ
5.ผักชีใช้โรยหน้า 1-2 ต้น
6.น้ำตาลปี๊บ 2-3 ช้อนโต๊ะ (ตามความชอบหวานมากน้อย)
7.ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
8.ซอสปรุงรส 2ช้อนโต๊ะ
9.เกลือ 1 ½ ช้อนชา
10.น้ำเปล่า 3-4 ถ้วย
11.น้ำมันนิดหน่อยสำหรับผัดเครื่องพะโล้

วิธีปรุง
1.ต้มไข่ไปประมาณสัก 10-15 นาที นำไข่ที่ต้มแล้วมาใส่ในน้ำเย็น จากนั้นโขลกพริกไทย + รากผักชี + กระเทียม
2.ตั้งกระทะเอาหมูสามชั้นลงไปผัดๆ ในกระทะโดยไม่ใส่น้ำมันเพื่อให้ผิวหมูด้านนอกมันสุก 
3.ใช้กระทะเดิมเติมน้ำมันลงไปเอาน้ำตาลปี๊บลงไปผัดให้ละลายใส่กระเทียม รากผักชีพริกไทยที่โขลกรวมกันไว้แล้ว ตามด้วยเนื้อหมูสามชั้นและไข่ผัดให้เข้ากันสักพัก
4.จากนั้นเอาส่วนผสมที่ได้เทใส่ในหม้อต้มที่ตั้งไฟอ่อน เติมน้ำและเครื่องปรุงรส จากนั้นต้มต่อไปอีกสีกพักให้น้ำพะโล้เข้าเนื้อ ก่อนปิดไฟใส่ผักชีลงไป ตักเสิร์ฟร้อนๆ

maxresdefault-copy

5. ต้มจืดมะระยัดไส้หมูสับ
ต้องบอกเลยว่าเมนูนี้ยิ่งอุ่นก็ยิ่งอร่อย ว่าแล้วก็ไปดูวิธีการทำกันเลยค่ะ
ส่วนผสม

  •  มะระ 2 ลูก
  •  เนื้อหมู 3 ขีด
  •  กระดูกหมู 3 ขีด
  •  กระเทียม 25 กลีบ
  •  พริกไทย 20 เม็ด
  •  รากผักชี 3 ราก
  •  น้ำปลา
  •  พริกไทยป่น

วิธีทำ

1. หั่นมะระเป็นแว่นๆตามขวาง ขนาดหนาประมาณ 1 นิ้ว คว้านเอาไส้ออก นำไปแช่น้ำเกลือครึ่งชั่วโมง แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด

2. นำซี่โครงหมู มาสับเป็นท่อนสั้นๆ ล้างให้สะอาด นำไปใส่หม้อที่เติมน้ำ 10 ถ้วย ตั้งไฟเคี่ยวให้เปื่อย
3. เนื้อหมูนำมาสับให้ละเอียด นำรากผักชี กระเทียม พริกไทยลงโขลกรวมกันให้ละเอียด นำไปคลุกเคล้ากับหมูสับให้เข้ากัน และระหว่างนั้นเติมน้ำปลาลงไป 1 ช้อนโต๊ะ

4. นำหมูที่ทำไว้ไปยัดใส่ชิ้นมะระให้เต็ม แล้วค่อยๆหย่อนลงไปในหม้อต้มกระดูกหมู เติมน้ำปลาลงไปเล็กน้อย พอหมูสุก ยกลงตักใส่ชามโรยหน้าด้วยพริกไทยป่น รับประทานร้อนๆ

เป็นไงกันบ้างคะกับ5 เมนูอาหารที่ทำแล้วตุนใส่ตู้เย็นไว้ทานได้ วิธีนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่งสำหรับคนไม่ค่อยมีเวลาแต่อยากทำอาหารไว้ทานเอง เพราะทำครั้งหนึ่งก็สามารถตุนเก็บไว้ทานได้หลายวัน ไม่ต้องเสียเวลาทำอาหารทุกวัน สัปดาห์หนึ่งอาจทำแค่ 3-4 ครั้งเท่านั้นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเก็บอาหารใส่ตู้เย็นนั้นก็ถือเป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะหากเก็บไว้ไม่ดีอาจทำให้อาหารเสียได้ ควรใส่พาชนะที่สะอาด ปิดมิดชิด และแช่ในช่องฟรีซสำหรับเมนูที่เสียง่ายและอย่าลืมนำมาอุ่นร้อนก่อนรับทาน หากพบว่ามีอาหารชนิดไหนที่สี กลิ่น รส ผิดเพี้ยนไปจากเดิม หรือมีกลิ่นบูดแล้วไม่ควรรับประทานเพราะอาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้


เรียบเรียงโดย Thaijoobsgov.com

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://cooking.kapook.com/, http://th.openrice.com/,http://www.xn--o3cb8anwl8abbnm30a.com/

ขอบคุณรูปภาพจาก : Cyberspace & Time, คู่สร้างคู่สม : Koosangkoosom, FoodTravel.tv, Aroy, สูตรอาหาร จานโปรด,Pantip

[ads=center]

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: