ยาเสพติดจ่อทะลักเข้าไทย 90 ล้านเม็ด 70% จับได้จากภาคเหนือ





วันที่ 15 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่ พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ 35 หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า จากการเฝ้าติดตามทางการข่าวพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบันยังคงมีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตค่อนข้างมีเสรีในการผลิต โดยเฉพาะเขตรัฐฉานเหนือที่ติดกับประเทศจีน ถือว่าเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญ ประกอบกับเมียนมานำกำลังส่วนใหญ่ออกรบบริเวณพื้นที่ด้านล่างตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นหลัก

พล.อ.นฤทธิ์กล่าวว่า ขณะที่การผลิตยาในปัจจุบันนิยมใช้สารสังเคราะห์ทำให้การผลิตง่าย โดยไม่ต้องมีการขนส่งสารตั้งต้นจากต่างประเทศ ตลอดจนราคายาบ้ามีราคาถูกลง จากการซื้อขายหน้าโรงงาน 3-4 เท่า โดยบริเวณชายแดนราคาอยู่ที่ 5 บาท ข้ามเข้ามาในเขตไทยราคาจะอยู่ที่ 20-30 บาท ซึ่งแต่เดิมราคาใน จ.เชียงใหม่ จะอยู่ที่เม็ดละ 50-100 บาท ส่วนที่กรุงเทพมหานครราคาจะอยู่ที่เม็ดละ 150 บาท เนื่องจากมีกำลังการผลิตมากขึ้นกลุ่มผู้ค้าต้องการงบประมาณค่อนข้างมาก ดังนั้น การลักลอบขนยาเข้าพื้นที่ตอนในของไทยจึงมีปริมาณค่อนข้างมาก จะเห็นได้จากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ในแต่ละครั้ง

ทั้งนี้ จากการข่าวล่าสุดพบว่ามียาเสพติดรอนำเข้าทางชายแดนกว่า 90 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 ตัน และที่ผ่านมาหน่วยงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ที่มีทั้งหน่วยทหาร ตำรวจ และพลเรือน ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ได้บูรณาการร่วมกันในการสกัดกั้น ทั้งด้าน 5 อำเภอชายแดนของ จ.เชียงใหม่ และ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จะเห็นได้จากกรณีการจับกุมที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ กว่า 8 ล้านเม็ด ซึ่งเกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแจ้งเบาะแส ส่งผลให้กลุ่มขบวนการเริ่มนำเข้ายาทาง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และ อ.ภูซาง อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ไม่นับที่ไปทางภาคอีสาน ทาง นบ.ยส.35 ได้วิเคราะห์ว่าตลาดยาไม่ได้เพิ่มตามจำนวนยาที่จับกุมได้ ส่วนในต่างประเทศตลาดยาบ้ายังคงอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซียที่เป็นตลาดแรงงาน ส่วนยาไอซ์ตลาดส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น และประเทศทางยูโรป

พล.อ.นฤทธิ์กล่าวต่อว่า จากสถิติการจับกุมยาที่ผ่านมาพบว่า มีการจับกุมยาเสพติดบริเวณชายแดนภาคเหนือได้มากกว่า 70% ตามจับกุมในพื้นที่ตอนใน 20-30% และยาหายจากวงจรการสกัดกั้นประมาณ 1 ใน 3 ของการนำเข้า ปัจจุบันการสกัดกั้นยาเสพติดค่อนข้างยากลำบากเนื่องจากสภาพภูมิประเทศ เส้นทางการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว เทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับภาคเหนือมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลายจังหวัด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หน่วยงานสกัดกั้นจะต้องบูรณาการงานด้านการข่าวอย่างรัดกุม เพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น และเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความปลอดภัย ที่สำคัญต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ในการแจ้งเบาะแส

ทั้งนี้ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) มีผลการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ 11 อำเภอชายแดนของ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย รวมถึงการติดตามจับกุมไปจนถึงพื้นที่ตอนในของหน่วยบูรณาการภายใต้ นบ.ยส.35 ในภาพรวมตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2566-14 มิ.ย.2567 มีเหตุการณ์สำคัญ 94 เหตุการณ์ โดยมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการ 36 ครั้ง ตรวจยึดจับกุม 53 ครั้ง และขยายผล ยึดทรัพย์ 5 ครั้ง ได้ตรวจยึด ยาบ้ารวม 178,179,021 เม็ด, ไอซ์ 1,890 กก., เฮโรอีน 252 กก., ฝิ่นดิบ 188 กก., จับกุมผู้ต้องหา 1,521 ราย, กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 25 ศพ ซึ่งจากสถิติการจับกุมยาเสพติดย้อนหลัง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในห้วงเดียวกัน พบว่า การตรวจยึดยาบ้าเพิ่มขึ้น 105,819 เม็ด คิดเป็น 146.24% ส่วนไอซ์ เพิ่มขึ้น 608 กก. คิดเป็น 47.43%

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: