30 ตุลาคม 2566 มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า วันนั้นเมื่อฉันสอน ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 1 แสนคน ได้มีการออกมาโพสต์ถึงประเด็นดราม่า “ครูบนดอย” ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดวินัย หลังนำงบเด็กเล็กมาแบ่งให้เด็กโตยากไร้เพราะทางการไม่ได้จัดสรรงบตรงนี้มาให้ โดยทางเพจระบุว่า “เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งคือ “ครูอาหารกลางวัน” เมื่อไหร่เราจะตั้งคำถามเสียทีว่า ทำไมครูต้องมาทำอาหาร ? ไปดูการศึกษาฟินแลนด์ญี่ปุ่นนี่เขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ไหม และถ้าคิดว่ามันมีผลประโยชน์มากหาหน่วยงานมารับเอาไปหน่อย เอาไปบริหารให้งอกเงยให้ครูเขาได้สอน” เคยมีผู้บริหารโรงเรียนท่านหนึ่งพูดอย่างออกหน้าออกตาในกลุ่มโรงเรียนแห่งหนึ่งว่า “เราบริหารจัดการอาหารกลางวันได้ดีกว่าโรงเรียนอื่น” แต่เมื่อย้อนลงไปดูแล้วพบว่า ครูจะต้องจัดเวรกันออกไปซื้ออาหารกลางวัน ค่าน้ำมันไม่ได้ ครูต้องมาประกอบหั่นจัดเตรียมด้วยตัวเอง ไม่ได้จ้างแม่ครัว ใช้รถส่วนตัว น้ำมันส่วนตัว ใช้ตู้เย็นตัวเองที่ต้องแช่กับข้าวให้ลูกเมียมาแช่วัตถุดิบทำอาหารให้นักเรียน เดินหิ้วผักกับหมูเป็นสิบกิโลในตลาดจนถุงรัดข้อนิ้ว เดินรอบเดียวไม่พอ 3 – 4 รอบ แบกได้ก็แบกส่วนใครเป็นผู้หญิงก็ต้องเอาแฟนมาทำ ออกรถกระบะมาใช้ในงานโรงเรียน คิดแต่ละวันว่าจะทำอะไรให้นักเรียนกิน เวลาพักผ่อนเวลาส่วนตัวหมดไปกับงานโรงเรียน
วิธีการแบบนี้ไม่เรียกว่าบริหารจัดการได้ดีแค่เป็นการผลักภาระให้ผู้ปฎิบัติค่าแรงไม่ให้ ค่าน้ำมันไม่มี หากินแต่กับความเสียสละ มันไม่เรียกว่าลดต้นทุนแต่แค่ให้คนอื่นมาออกทุนให้ ซึ่งนั่นคือ “ครู” ปัญหาอาหารกลางวันเป็นปัญหาที่เรื้อรังมายาวนานในวงการศึกษาแต่ถามว่า “ใครมาแก้ไขมันบ้าง” ปฏิรูปการศึกษากี่รอบไม่เคยพูดถึงครูที่โกงก็มี ผอ.ที่โกงก็มี แต่คนที่ทำดีก็มาก เวลามีปัญหาถูกเหมารวมแล้วสังคมเคยถามไหมว่า “เขาเหล่านั้นได้อะไรจากสิ่งที่ทำ” จากกรณีในข่าวก็อยากรู้เหมือนกันว่า “หากครูเขาไม่ได้นำมาใช้จ่ายส่วนตน”ทำเพื่อเด็กจริง ๆ จะต้องออกจากราชการไหม หัวอกคนเป็นครูโรงเรียนขยายโอกาส คำว่าขยายโอกาส คือเด็กที่ไม่มีโอกาสมาเรียนเพราะถ้ามีเงินเขาไปเรียนโรงเรียนใหญ่ ๆ แล้ว ครูโรงเรียนขยายโอกาสมีโอกาสสอนเด็กตั้งแต่ป.1 ถึง ม.3 เห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะจนถึงวันที่เป็นวัยรุ่น วันที่เด็กขึ้นม.1 ความยากจนไม่ได้หายไปแต่สิทธิที่จะได้รับอาหารกลางวันมันหมดไปแล้ว มันมีหรอคนที่ไม่มีจะกินอยู่ดีดีอายุ 13 ปีฐานะดีขึ้นมาทันที ถ้าน้องกินเหลือกินไม่หมดพี่มากินต่อผมก็ว่าทำได้ ประเทศไทยระบบสนับสนุนไม่มีมีแต่ระบบ “ประเมินตรวจสอบ” คนทำดีก็เสมอตัวทำชั่วก็ประจาน “เรื่องนี้เป็นเรื่องของมนุษยธรรม กับ ความถูกต้อง”
คุณเป็นคอมพิวเตอร์หรือเปล่าที่สามารถตัดสินได้แค่ 0 กับ 1 ถูกหรือผิด ถ้าคุณเป็นหมอที่เจอคนประสบอุบัติเหตุใกล้ตายมาไม่มีบัตรประจำตัว ไม่มีสิทธิการรักษาใดใดคุณจะปล่อยให้เขาตายอย่างนั้นหรือ ถ้ากฎหมายมันมีไว้เพื่อเปลี่ยนสภาพคนให้ใกล้เคียงกับเครื่องจักร มนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องมีจิตใจ แต่การที่เรายังรับรู้ได้ว่าโลกนี้มีตรงกลางระหว่างขาวหรือดำ นั่นแหละมนุษย์ รอฟังข่าวเรื่องอาหารกลางวันนี้ ว่าจะตัดสินออกมาอย่างไรถ้าจะใช้อำนาจเต็มลงทัณฑ์ครูอย่างเต็มที่ก็ดีเหมือนกันเพราะถ้าต้องไล่ออก คุณจะไม่ได้ไล่ออกแค่คนเดียวหรอกมีครูอีกมากมายที่เขาทนดูนักเรียนของเขาอดกินไม่ได้ เคยได้ยิน “โครงการพาน้องกลับมาเรียน” ไหมนั่นแหละคือการรักษาเด็กคนหนึ่งไว้ไม่ให้ออกจากระบบการศึกษา มันดีกว่าไปตามเขาให้กลับมาการป้องกันอย่างไรก็ดีกว่าแก้ไข ลงทุนป้องกันไฟไหม้แพงแค่ไหนก็ดีกว่าการดับไฟ การที่เด็กยากจนคนหนึ่งยังคงมาโรงเรียนก็เพราะอาหารกลางวันอาจเป็นเพียงมื้อเดียวที่เขาได้รับมันในแต่ละวัน ถ้าอยากให้เด็กออกจากระบบการศึกษาเพิ่มขึ้นก็เห็นสมควรว่า “ฟันวินัย” ครูคนนั้นให้เต็มที่จะได้เลิกมีครูทำอะไรเพื่อเด็กเหมือนคำกล่าวที่ผมพูดประชดประชันในเพจนี้เสมอว่า “คุณจะไปคิดอะไรมาก ทำงานรับเงินเดือนไปก็พอ จะไปสนใจทำไมว่าเด็กจะเป็นอย่างไรมันไม่ใช่ลูกหลานของคุณซะหน่อย”
ทั้งนี้ จากข้อความดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก ครูดอยคนดีหวังช่วยเหลือลูกศิษย์ยากจนให้มีอาหารกลางวันกินอิ่มท้อง แต่กลับถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญา เพราะผิดระเบียบราชการ เรื่องราวกลายเป็นกระแสเมื่อกลุ่มศิษย์เก่าโรงเรียนยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายสุรศักดิ์ เพียสุระ ผอ.เขต สพป.5 และนายสินอาจ ลำพูนพงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ประจำเขตพื้นที่การศึกษาของประถมศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เขต 5 เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับนายชัยยศ สุขต้อ ครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3) ร.ร.ยางเปา สอนวิชาศิลปะ ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และวันนี้ อ.ก.ค.ศ.ได้ประชุมพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงของนายชัยยศ โดยในหนังสือระบุว่า “กราบเรียน ประธาน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 ด้วยพวกหนูเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านยางเปา และเป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยอื่นๆ รวมทั้งรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว และประกอบอาชีพตามสาขาต่างๆ ทั้งหมดเป็นลูกศิษย์ของครูชัยยศ สุขต้อ เมื่อพวกหนูรู้ว่าครูของพวกหนูกำลังประสบความยากลำบาก มีความทุกข์ใจในที่สุดของชีวิต จากการโดนกล่าวหา และชี้มูลความผิดในการทำงาน ทำให้พวกหนูทุกคนมีความเป็นห่วงครูชัยยศที่อาจถูกลงโทษด้วยวินัยร้ายแรง พวกหนูรวมตัวกันมาเพื่อขอความเมตตาอนุเคราะห์จากท่านประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯและคณะกรรมการ ได้โปรดเมตตาอนุเคราะห์ ให้ความเป็นธรรม คืนความยุติธรรม ให้กับครูชัยยศ หลายปีที่ผ่านมา ครูชัยยศได้ทำงานทั้งเวลาสอนและนอกเวลาสอน เพื่อลูกศิษย์ทุกคน ทุ่มเทเสียสละ เวลา และกำลังทรัพย์ เพื่อลูกศิษย์ของครูทุกคน”
ข่าวจาก : brighttv
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ