เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานเรื่องราวของหนุ่มชาวจีนคนหนึ่ง ที่เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากบนโลกออนไลน์ เมื่อเขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจีน โดยจบจากสาขาโลจิสติกส์ แต่เขากลับเลือกที่จะไปเป็นพนักงานส่งของในแอปฯ ส่งอาหาร
ตามรายงานระบุว่า หนุ่มชาวจีนรายนี้จบการศึกษาในสาขาโลจิสติกส์ จากมหาวิทยาลัยเทียนจินด้วยผลงานการเรียนที่ดี หลังจากสำเร็จการศึกษา งานที่เขาสามารถทำได้อย่างมืออาชีพมีจำกัด เขาต้องทำงานเป็นคนส่งของเป็นเวลา 3 ปี เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว
ซึ่งในความคิดของใครหลายๆ คน คนส่งของคืองานที่ไม่ต้องการการศึกษาใดๆ แม้แต่เด็กประถมก็สามารถทำได้ สิ่งนี้เป็นที่ยอมรับไม่ได้สำหรับผู้มีการศึกษาสูงเช่นเขา หลายความเห็นบอกว่าเขาไร้ความสามารถ ไม่มุมานะพอ และพยายามหางานในออฟฟิศเหมือนเพื่อนๆ
แม้ว่าจะเจอคำดูถูก แต่ชายหนุ่มอธิบายถึงเหตุผลของการเลือกทำอาชีพนี้ว่า สภาพแวดล้อมการทำงานในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหางานที่น่าพอใจได้ ผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนมากจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเช่นเขา ได้รับเงินเดือนเพียง 3,000 หยวนต่อเดือนหรือราว 14,000 บาท
ขณะที่การทำงานเป็นผู้ส่งสินค้า แม้จะเป็นงานหนักแต่มีรายได้มากกว่านั้นมาก โดยเขามีรายได้ 400,000 หยวนหรือราว 2 ล้านบาทใน 3 ปี ซึ่งเฉลี่ยประมาณ 11,000 หยวนหรือราว 53,000 บาทต่อเดือน เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาได้เงินมากๆ เขาสามารถทำงานอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงสายตาของสังคม
อย่างไรก็ตาม หลังจากชาวหนุ่มรายนี้เปิดเผยเรื่องเงินเดือนของเขา ทำเอาชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยส่วนใหญ่ต่างแสดงความตกใจ และบอกตรงกันว่า “ตอนนี้การหาเงินเป็นสิ่งสำคัญ เงินหายากในตอนนี้”
ขณะที่ ชาวเน็ตหลายคนมองว่านี่เป็นทางเลือกที่โง่เขลา เพราะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า แม้ว่าอาจเป็นไปได้ที่จะได้รับเงินมากกว่างานใช้สมองในตอนแรก แต่อาจทำงานได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น สำหรับอนาคตในระยะยาวที่อาจเป็นทางเลือกที่ไม่ดีนัก
นอกจากนี้ ชาวเน็ตบางคนแย้งอีกว่า ในตลาดแรงงานทุกวันนี้ น่าเศร้าที่มีทางเลือกไม่มากนัก คนที่ต้องแบกความกังวลเรื่องอาหารและเงินไว้บนบ่าทุกวัน ไม่สามารถพูดถึงอุดมคติและแผนการในอนาคตอันไกลโพ้นได้ อีกทั้งทุกงานมีเกียรติ ตราบใดที่สร้างรายได้ด้วยความพยายามของตัวเอง ไม่ว่าจะทำงานเป็นผู้ส่งสินค้าหรือทำงานอย่างอื่น ก็สมควรได้รับการยอมรับเช่นเดียวกัน
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ