จากกรณีที่มีหนุ่มคนหนึ่ง ออกมาเผยว่า ตนถูกดูดเงินแบบงง ๆ ออกจากบัญชี ทั้งที่ชาร์จแบตเตอรี่มือถือเอาไว้เฉย ๆ โดยเงินหายไปเกือบ 1 แสนบาท และมีแอปฯ ของธนาคารหนึ่งที่แจ้งเตือนว่า มีการติดตั้งแอปฯ ที่ไม่ได้ดาวน์โหลดจาก Play Store ให้ถอนการติดตั้งแอปฯ นั้นก่อนที่จะใช้แอปฯ ธนาคาร แต่เมื่อไปดูยังอีกแอปฯ ธนาคาร พบว่า เงินได้ถูกโอนออกไป โดยคาดการณ์ในเบื้องต้นว่าเกิดจากสายชาร์จโทรศัพท์ มีการส่งสัญญาณไร้สาย Access Point ที่เมื่อเสียบสาย ก็จะทำให้แฮกเกอร์ควบคุมข้อมูลของเราได้จากระยะไกล และเข้าถึงทุกบัญชีธนาคาร
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ช่อง 3 รายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้แถลงว่า สาเหตุที่เงินหายนั้น ไม่ได้เกิดจากการใช้สายชาร์จปลอม แต่เกิดจากการติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่ฝังมัลแวร์ จนล่วงรู้ข้อมูลการทำธุรกรรม และควบคุมเครื่องของลูกค้า เพื่อสวมรอยทำธุรกรรมแทนจากระยะไกล จากนั้นจึงโอนเงินออกจากบัญชี ในช่วงที่เหยื่อไม่ใช้โทรศัพท์
ตรงกับที่ทวิตเตอร์ RedSkullxxx ที่ระบุว่า ผู้เสียหายได้ลงแอปฯ ที่ชื่อว่า Sweet Meet ในมือถือ และสอดคล้องกับประวัติการเข้าไปในเว็บไซต์เพื่อติดตั้งแอปฯ ดังกล่าว ซึ่งไม่เกี่ยวกับสายชาร์จใด ๆ และยังมีแชตไลน์ที่ผู้เสียหายคุยกับผู้หญิง และผู้หญิงบอกว่า “หนูกำลังจะไลฟ์ ช่วยกดเข้าไปให้กำลังใจด้วยนะคะ” พร้อมกับส่งลิงก์มาให้ติดตั้งแอปฯ แต่ผู้เสียหายก็ถามว่า ไม่มีใน Play Store เหรอ ซึ่งฝ่ายผู้หญิงก็บอกว่า แอปฯ นี้เป็นห้องไลฟ์ส่วนตัว 18+
นอกจากนี้ ทาง ธปท. ยังแนะว่า ผู้ใช้งานมือถือ สามารถป้องกันภัยเบื้องต้นได้ เช่น
– ไม่คลิกลิงก์จาก SMS หรือ ไลน์ ที่ไม่รู้จักและไม่รู้แหล่งที่มามาก่อน
– ไม่ดาวน์โหลดโปรแกรมที่ไม่ได้มาจาก official store อย่าง Play Store หรือ App Store
– อัปเดตโมบายแบงก์กิ้งให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ
– ไม่ใช้เครื่องที่ไม่ปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน
– หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้แจ้งคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารทันที
ข่าวจาก : kapook
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ