เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 ม.ค.2566 ที่สน.ลุมพินี น.ส.ธรรมจารีย์ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้เสียหาย เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ หลังจากที่ช่วยเหลือ น.ส.ธัญญาลักษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ ป้าเกต สาวตกอับที่ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เคยช่วยเหลือไว้เมื่อปี 2560 จ้างให้มาดูแลพ่อที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง แต่กลับถูกหญิงคนดังกล่าวขโมยทรัพย์สินไปเกือบล้านบาท
น.ส.ธรรมจารีย์ กล่าวว่า บ้านเกิดเหตุอยู่ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ปกติที่บ้านจะมีพ่อที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ และจะมีป้ามาลี ซึ่งคนดูแลประจำ ขอลากลับบ้าน 7 วัน ในช่วงปีใหม่ เขาจึงพา น.ส.ธัญญาลักษณ์มาทำงานแทน เนื่องจากสงสาร เพราะไปทำงานที่ไหนไม่ค่อยมีใครรับเลย แต่เขาตามองไม่เห็น 1 ข้าง สามารถทำงานได้หรือไม่ ตนจึงถามกลับไปว่า ตามองไม่เห็น 1 ข้าง ไม่เป็นไร แต่ สามารถดูแลผู้ป่วยติดเตียงได้หรือไม่ น.ส.ธัญญาลักษณ์ก็ยืนยันว่าเคยดูแลผู้ป่วยติดเตียงมาก่อน ตนจึงรับมา
น.ส.ธรรมจารีย์ กล่าวต่อว่า โดยเริ่มมาทำงานตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ตอนที่ทำงานก็ดูไม่ค่อยคล่อง เก้ ๆ กัง ๆ ตนต้องสอนและคอยดูแลพ่อเป็นหลักตลอด บางอย่างสอนแล้วเขาก็ยังดูงงอยู่ เราจึงถามย้ำกลับไปว่าเคยดูแลผู้ป่วยติดเตียงจริงไหม เขาก็ยืนยันว่าเคยดูแลจริง ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าอย่างน้อยพ่อก็มีเพื่อนอยู่ด้วย ในช่วงเวลาที่คนไม่อยู่
น.ส.ธรรมจารีย์ กล่าวอีกว่า กระทั่งวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนจะต้องมาทำงานที่กรุงเทพฯ จึงให้เงินผู้ก่อเหตุไว้ซื้อกับข้าว ก่อนจะออกจากบ้านราว 11.00 น. แล้วสามีและลูกสาวก็กลับมาอีกทีคือเวลา 17.00 น. พบว่าผู้ก่อเหตุไม่อยู่ที่บ้านแล้ว ขณะที่พ่อของตนก็ถูกปล่อยให้นอนจมอยู่กับกองปัสสาวะและอุจจาระบนเตียง เหมือนกับว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ธัญญาลักษณ์ไม่ได้มาดูแลพ่อเลย
น.ส.ธรรมจารีย์ กล่าวด้วยว่า ทางสามีได้ขึ้นไปตรวจสอบที่ห้องนอนก็พบว่าถูกงัด กระเป๋าแบรนด์เนม พระเครื่อง เงินสด และทรัพย์สินอื่น ๆ อีกหลายรายการถูกขโมยไป รวมมูลค่าเกือบล้านบาท เมื่อเห็นสภาพบ้านของตัวเองเป็นแบบนั้นแล้ว มั่นใจว่า คนที่ก่อเหตุ น.ส.ธัญญาลักษณ์ แน่นอน ตนจึงได้โทรไปหาป้ามาลี แล้วเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ
“โดยเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุไม่น่าจะลงมือคนเดียว แต่ต้องมีคนร่วมด้วย เพราะดูจากร่องรอยการงัดประตูห้องต้องใช้แรงมาก และทรัพย์สินที่ขโมยไปมีหลายรายการ ต้องมีคนช่วยขนย้าย เนื่องจากว่าช่วงที่ น.ส.ธัญญาลักษณ์อยู่ที่บ้าน ก็มักจะชอบออกไปข้างนอกเหมือนไปหาใคร จึงเชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการแน่นอน” น.ส.ธรรมจารีย์ กล่าว
น.ส.ธรรมจารีย์ กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตนก็ได้ประสานให้ป้ามาลีติดต่อกับผู้ก่อเหตุ ก่อนจะไปแจ้งความที่สภ.พนมสารคาม จากนั้นป้ามาลีก็ได้เกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุนำทรัพย์สินทั้งหมดมาคืน โดยวันนี้ช่วงสาย ผู้ก่อเหตุจึงประสานตนมาว่าอยากจะนำของทั้งหมดมาคืน ซึ่งในระหว่างนั้นตนได้ทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านลุมพินี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมสารคาม จึงประสานให้นำของกลางมามอบให้ที่ สน.ลุมพินี
น.ส.ธรรมจารีย์ กล่าวว่า อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดขอโทษอะไร เพียงแต่นำของมาคืนเท่านั้น โดยสิ่งของที่นำมาคืนก็เอามาไม่หมด เพราะยังมีพระเครื่องที่ยังได้ไม่ครบ และโน๊ตบุ๊กก็มีสภาพเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าผู้ก่อเหตุได้เอาครีมบางอย่างมาเช็ดสติกเกอร์ที่เป็นสติกเกอร์หน่วยงานราชการออก ทั้งนี้ ตนไม่ได้อยากเอาเรื่องกับผู้ก่อเหตุ แต่ดูลักษณะการพูดเหมือนเขาเป็นมิจฉาชีพ ที่เอาความสงสารของคนมาใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกคนอื่น หลังจากนี้ ก็จะขอให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษตามกระบวนการของกฎหมาย
ด้าน น.ส.ธัญญาลักษณ์ กล่าวว่า ที่ตัดสินใจทำแบบนั้น เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนั้นคิดว่าอยากจะนำทรัพย์สินไปให้แม่ เพราะตอนนี้ตนมีหนี้สินหลักแสนแล้วไม่มีเงินส่งให้แม่ ก่อนหน้านี้ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เมื่อปี 60 มีคนบริจาคเงินมาช่วยเหลือประมาณ 1 ล้านกว่าบาท แต่เงินส่วนนั้นก็หมดแล้ว เนื่องจากนำมารักษาสามีชาวต่างชาติที่ล้มป่วย
น.ส.ธัญญาลักษณ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งขณะนี้เสียชีวิตไปแล้ว แล้วก็นำมาสร้างบ้านให้แม่ที่ จ.บุรีรัมย์ ตอนนี้จึงไม่มีเงินเลย ส่วนสาเหตุที่นำทรัพย์สินมาคืนเพราะจะเอาไปขายก็กลัวตำรวจจะจับได้ จึงได้ประสานมาคืน ทั้งนี้ ตนรู้สึกผิดและอยากจะขอโทษเจ้าของบ้านด้วย โดยรู้ดีว่าถ้าหากนำของมาคืนแล้วจะถูกจับ แต่ก็ยังตัดสินใจมาอยู่ดี
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ควบคุมตัว น.ส.ธัญญาลักษณ์ ไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมสารคาม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข่าวจาก : ข่าวสด
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ