อินเดีย

Advertisement เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานคดีเรียกเสียงฮือฮาในอินเดีย เมื่อผู้จัดการของ โรสิเอ็ท เฮาส์ (Roseate House) โรงแรม 5 ดาวใกล้สนามบินกรุงนิวเดลี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากพวกเขาพบว่า ผู้เข้าพักชายคนหนึ่ง อยู่ในโรงแรมนานถึง 603 วันหรือเกือบ 2 ปี โดยไม่ยอมจ่ายค่าที่พักเลย ทำให้ทางโรงแรมสูญเงินรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านรูปีหรือราว 2.1 ล้านบาท Advertisement ตามรายงานระบุว่า ชายคนดังกล่าวชื่อว่า นายอังคุช ดุตต้า ได้เข้าเช็คอินในวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 และตามกำหนดเขาต้องเช็คเอาท์ในวันถัดมา ทว่าเขายืดระยะเวลาพักอาศัยจนไปถึง 22 มกราคม 2565 หรือเป็นระยะเวลาทั้งหมด 603 วัน ก่อนที่เขาเช็คเอาท์จากโรงแรมโดยไม่ต้องจ่ายเงินเลยซักแดง Advertisement ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สันนิษฐานว่า ชายชาวอินเดียรายนี้เข้าพักในโรงแรมหรูที่กรุงนิวเดลีและใช้วิธีตบตาต่างๆ จนพักอยู่ได้นานเกือบ 2 ปี โดยไม่จ่ายค่าที่พักมูลค่าหลายล้านบาทเลย ซึ่งตามกฎของโรงแรม ถ้าแขกค้างค่าที่พักเกิน 50,000 รูปีหรือราว 22,000 […]

7 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุพณัฐ ชินวัฒน์ อายุ30ปี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับสภ.เมืองพัทยา ว่าถูกชาวอินเดียบุกรุกอาคารพาญิชย์ของตน ทางด้านพนักงานสอบสวน ได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ เข้าตรวจสอบทันที ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนพัทยาสาย3 ทางไปท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายพัทยาใต้ ด้านหน้าอาคารมีป้ายสถานบันเทิงชื่อร็อคสตาร์ อินเดียนเเดนซ์ คลับ ด้านหน้าติดกระจก ประตูถูกล็อคไว้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าของอาคาร ได้ตรวจสอบโดยรอบ พบว่ามีการทำประตูลับเข้า-ออกไว้ด้านหลัง จึงได้เข้าไปยังข้างในอาคารได้ เมี่อตรวจสอบด้านในพบว่า ชั้นล่างข้างหน้าถนน มีการทำเคาเตอร์เป็นที่โล่ง และมีการทำห้องโชว์ ลักษณะเป็นบาร์เบียร์ อยู่ข้างใน ส่วนชั้น2 ชั้น3 และชั้น4 มีการเปิดให้เช่าเป็นห้องพักรายวันและรายเดือน บางห้องมีคนพักอาศัยอยู่ บางห้องถูกรื้อข้าวของพังเสียหาย ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามผู้ที่พักอาศัยทราบว่า คนที่ดูแลอาคารนี้เป็นชาวอินเดีย พักอาศัยอยู่ด้านหลังอาคาร เจ้าหน้าที่จึงได้เรืยกมาสอบถาม ชาวอินเดียได้บอกกับทางเจ้าของอาคารและเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนเองไม่รู้เรื่องว่าอาคารนี้เป็นของใคร ตนเองเป็นเพียงลูกจ้าง ที่คอยดูแลกิจการให้เจ้านายซึ่งเป็นชาวอินเดียด้วยกัน ตอนนี้เจ้านายไม่อยู่พัทยา กลับไปอินเดีย หากเจ้านายกลับมาจะแจ้งให้ทราบ เบื้องต้นทางเจ้าของอาคาร ได้นำเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของทั้งหมด ให้พนักงานชาวอินเดียที่ดูแลให้รับทราบ พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบจะทำการล็อคประตูทั้งหมด ห้ามให้มีผู้ใดเข้าออก ส่วนผู้ที่พักอาศัยอยู่จะให้อาศัยอยู่ไปก่อน จนกว่าทางเจ้าของอาคาร […]

เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมเขื่อนเคอร์คัตตา รัฐฉัตตึสครห์ ภาคกลางประเทศอินเดีย ถูกสั่งพักงานและสอบสวนวินัยหลังพยายามระบายน้ำในเขื่อนออก เพื่อหาสมาร์ทโฟนที่ตัวเองทำตกลงไปในเขื่อนขณะพยายามถ่ายภาพเซลฟี่ โดยการสูบน้ำออกทั้งหมดใช้เวลานานถึง 3 วัน ซึ่งกว่าจะกันหาสมาร์ทโฟนพบก็ถูกน้ำเข้าจนเสียหาย เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวทราบชื่อว่า นายราเชศ วิชวาสวัย 32 ปี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่อนามัยอาหารให้เหตุผลกับคณะสอบสวนว่า สมาร์ทโฟนเครื่องดังกล่าวเป็นเครื่องยี่ห้อซัมซุง เอส23 อัลตร้ามูลค่า 1,200 คอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 40,000 บาท มีข้อมูลที่เป็นความลับของรัฐเก็บไว้จึงจำเป็นต้องหากลับมาให้จงได้ โดยตนว่าจ้างนักประดาน้ำท้องถิ่นมากันหาแต่ไม่พบ จึงนำสูบน้ำออก นายราเชศกล่าวยืนยันว่า ได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้วโดยได้รับอนุญาตด้วยวาจาให้ระบายน้ำลงไปในสวนไร่ข้างๆ เพื่อให้ชาวสวนได้ประโยชน์ ตนจึงดำเนินการสูบน้ำในอ่างเก็บน้ำออกคิดเป็นปริมามน้ำทั้งหมดกว่า 2 ล้านลิตร (สามารถหล่อเลี้ยงไร่นาได้ถึง 6 ตารางกิโลเมตร) กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ชลประทานเดินทางมาตรวจสอบจนพบพร้อมทั้งสั่งให้มีการระงับการสูบน้ำออกจากเขื่อน เนื่องจากทางหน่วยงานได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน และไม่พบว่าจะมีเกษตรกรรายไหนได้ประโยชน์มากนักจากปริมาณน้ำเยอะเช่นนี้ นอกจากนักท่องเที่ยวซึ่งมาปิกนิกที่เขื่อนได้ใช้น้ำในการอาบน้ำเท่านั้น อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงในสังคม โดยเฉพาะผู้คนที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมเห็นแก่ตัวของเจ้าหน้าที่รัฐรายนี้ ซึ่งอาจทำให้ชาวบ้านและปศุสัตว์ต้องเดือดร้อนเสี่ยงขาดแคลนน้ำในช่วงสภาพอากาศร้อนจัด ล่าสุด เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำที่อนุญาตให้ ราเชศ ทำการระบายน้ำออกจากเขื่อนดังกล่าว และต้องเข้าสู่ขั้นตอนการลงโทษทางวินัย โดยทางการนั้นเรียกร้องให้เข้าชี้แจงถึงเรื่องการตัดสินใจดังกล่าว ขณะเดียวกันมีรายงานว่า มีจดหมายส่งถึงเลขาธิการกรมทรัพยากรน้ำ เรียกร้องให้ราเชศและเจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าเสียหายสำหรับปริมาณน้ำที่สูญเสียไปด้วยเช่นกัน   ข่าวจาก […]

รัฐบาลอินเดียเตรียมยกเลิกธนบัตรที่มีมูลค่าสูงสุด หรือธนบัตร 2,000 รูปี ออกจากระบบ นักวิเคราะห์ยืนยันไม่กระทบเศรษฐกิจ แต่เพิ่มสภาพคล่องให้ธนาคารได้ ยกเลิกใช้ธนบัตร 2,000 รูปี เพราะธนบัตรชนิดนี้ไม่ได้นำมาใช้ทำธุรกรรมทั่วไป และรัฐบาลต้องการลดธนบัตรมูลค่าสูงในระบบ ขณะนี้ธนบัตร 2,000 รูปี หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอินเดีย 3.62 ล้านล้านรูปี หรือคิดเป็น 10.8% ของเงินที่หมุนเวียนในระบบ การยกเลิกใช้ธนบัตร 2,000 รูปี จะช่วยลดแรงกดดันต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงาน (20 ธ.ค.) ระบุว่า รัฐบาลอินเดียเตรียมดึงธนบัตร 2,000 รูปี ออกจากระบบ ธนบัตรยังคงใช้ได้ตามกฎหมาย แต่ประชาชนจะต้องฝากหรือแลกเปลี่ยนธนบัตรชนิดนี้ภายในวันที่ 30 ก.ย. 2566 การตัดสินใจยกเลิกธนบัตรดังกล่าว คล้ายกับความเคลื่อนไหวที่น่าตกใจเป็นอย่างมากในปี 2559 เนื่องจากรัฐบาลของนเรนทรา โมดี ยกเลิกธนบัตร 500 รูปี และ 1,000 รูปี จนทำให้เงินสดออกจากระบบเศรษฐกิจ 86% ในชั่วข้ามคืน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การนำธนบัตร 2,000 […]

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน การสร้างบ้านรูปแบบใหม่ ดูแปลกตา และได้จุดประกายความสนใจในโลกสถาปัตยกรรมในประเทศอินเดีย หลังมีการสร้างบ้านเลียนแบบเรือ Royal Mail Steamer (RMS) จากภาพยนตร์ชื่อดังไททานิค ซึ่งเป็นการเติมเต็มความฝันวัยเด็กของเจ้าของบ้าน มินตู ลอย ชายจากเขตดาร์จีลิงของรัฐเบงกอล ประเทศอินเดีย ใฝ่ฝันที่จะได้อาศัยอยู่ในบ้านที่มีรูปร่างเหมือนเรือไททานิคตั้งแต่เขายังเป็นเด็กเล็ก ๆ ขณะเติบโตในเมืองโกลกาตา ช่วงเทศกาลทุรคาบูชา เขารู้สึกประทับใจกับเรือไททานิคที่สร้างชั่วคราวเรียกว่าแพนดาล สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าในระหว่างการเฉลิมฉลองทางศาสนาของชาวฮินดู จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจสร้างบ้านของตัวเองให้คล้ายกับเรือโดยสารอันโด่งดัง แม้ว่ามินตูจะมีอายุล่วงเลยมาถึงวัย 52 ปีแล้ว แต่เขายังคงไม่ล้มเลิกความฝันของตนเองและกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างบ้านไททานิคที่น่าประทับใจอยู่แล้วในดาร์จีลิงให้เสร็จ มินตู รอยบอกกับนักข่าวอินเดียที่มาเยี่ยมบ้านของเขา ว่า “ชีวิตวัยเด็กส่วนใหญ่ของผมอยู่ที่โกลกาตา แถว ๆ โบว์บาซาร์ ช่วงเวลาของเทศกาลทุรคาบูชาเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ผมชื่นชอบที่สุด ผมเฝ้าดูผู้คนแห่กันไปที่งาน แม้หลายวันหลังจากบูชาสิ้นสุดลง มันเป็นหนึ่งในจุดประกายในการสร้างบ้านที่น่าจดจำสำหรับผมและครอบครัว” มินตูใช้เวลาหลายปีในการออกแบบและสร้างโครงสร้างด้วยตัวเอง แต่การหาคนมาช่วยเขาสร้างบ้านรูปทรงไททานิคนั้นพิสูจน์แล้วว่าพูดง่ายกว่าทำ วิศวกรก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่เชื่อในวิสัยทัศน์ของเขา ทำให้เขาเดินทางไปเนปาลเป็นเวลาสามปีเพื่อศึกษาการก่ออิฐ จากนั้นมินตูก็เริ่มทำงานบ้าน 3 ชั้นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งประกอบด้วยลักษณะต่าง ๆ เช่น หลังคาลาดเอียง หน้าต่างช่องลม และแม้แต่ปล่องควัน เขาอยู่ที่นี่มา 13 ปีแล้ว เพราะเขาขาดเงินทุนที่จะทำมันให้เสร็จ แต่เขาหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นกับครอบครัวของเขา […]

สเตรตส์ไทมส์ รายงานกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์ หลังจากชายชาวอินเดียในรัฐเบงกอลตะวันตกโพสต์คลิปวิดีโอท้าพิสูจน์อากาศร้อนจัดด้วยการ “ทอดไข่” กลางแดดบนกระทะเปล่าๆ จนไข่สุก ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนระอุซึ่งอุณหภูมิในหลายๆ รัฐของประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ทางการท้องถิ่นในภูมิภาคเบงกอลสั่งปิดสถานศึกษา โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย เนื่องจากคลื่นความร้อนที่รุนแรง จากคลิปของผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อ “ปูชู บาบู” ได้อัพโหลดวิดีโอพิสูจน์ความร้อนโดยตอกไข่ลงบนกระทะ และนำไปวางบริเวณระเบียงบ้านของเขา แม้จะไม่มีเตาแต่ไข่กลับสุกสม่ำเสมอและกลายเป็นไข่เจียวภายในไม่กี่นาที โดยวิดีโอความยาวเกือบ 4 นาทีนี้มียอดเข้าชมกว่า 2.2 ล้านครั้ง และมีผู้กดไลก์กว่า 53,000 ครั้ง ทั้งนี้มีอย่างน้อยสองรัฐทางตะวันออกของอินเดีย ได้แก่ รัฐตริปุระ และรัฐเบงกอลตะวันตก ประกาศคำสั่งปิดโรงเรียนในสัปดาห์นี้อันเนื่องมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าปกติถึง 5 องศาเซลเซียส ด้านนางมามาตา พยานาร์จี มุขมนตรีรัฐเบงกอลตะวันตก กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าสถาบันการศึกษาทุกแห่งในรัฐจะยังคงปิดจนถึงวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียประกาศเมื่อวันพุธโดยเตือนหลายภูมิภาคในประเทศให้ระวังภัยจากอากาศร้อน ครอบคลุมทั้งรัฐหรยาณา รัฐอุตตรประเทศ รัฐพิหาร และรัฐโอริสสา   ข่าวจาก : ข่าวสด

เว็บไซต์ India Today รายงานกรณี “นีลัม ชาร์มา” ถูกฆาตกรรมเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 ในบ้านของเธอเองที่รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย บนร่างกายพบบาดแผลถูกแทง 14 แผล และทรัพย์สินในบ้านบางส่วนหายไป สามีของผู้เสียชีวิตเล่าว่า เขาออกจากบ้านไปร่วมงานแต่งงาน พร้อมกับลูกชายและลูกสาว ส่วนภรรยาอยู่ที่บ้านคนเดียวในวันนั้น และเมื่อพวกเขากลับมาบ้านในตอนดึก ก็ต้องช็อกที่พบศพของภรรยาและสุนัขที่เลี้ยงไว้ ทั้งสองถูกฆ่าด้วยของมีคม จึงรีบแจ้งตำรวจทันที สามีของผู้เสียชีวิตบอกเพิ่มเติมด้วยว่า ตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมนกแก้วสัตว์เลี้ยงที่ไว้ก็หยุดกินและดื่ม มันเงียบไปไม่ยอมส่งเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนปกติ ทำให้เขาสงสัยว่านกแก้วอาจรู้เห็นการฆาตกรรม ดังนั้นเขาจึงลองพูดชื่อผู้สงสัยทีให้นกแก้วฟังทีละคนๆ กระทั่งมาถึงชื่อหลานชายอย่าง “อาชู” ทันทีที่นกแก้วได้ยินชื่อนี้ก็แสดงอาการตื่นตระหนก และเริ่มกรีดร้องว่า “อาชู! อาชู!” แม้แต่ต่อหน้าตำรวจก็ยังพยายามที่จะตะโกนออกมา ราวกับว่าต้องการให้ตำรวจสามารถล็อกตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นเป้าหมายได้ เมื่อนกแก้วมีปฏิกิริยากับชื่อนี้เป็นพิเศษ สามีของผู้เสียชีวิตจึงขอให้ตำรวจสอบปากคำหลานชาย กระทั่งอีกฝ่ายยอมรับสารภาพในที่สุด ว่าลงมือฆ่าชิงทรัพย์โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนของเขา หลังจากการพิจารณาคดีเกือบ 9 ปี ล่าสุด ผู้พิพากษามีคำพิพากษาในสัปดาห์นี้ และตัดสินให้อาซูและผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคนหนึ่งถูกจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 72,000 รูปี (ประมาณ 30,000 บาท) อย่างไรก็ดี แม่ว่าคดีนี้ […]

25 มีนาคม 2566 TikTok @kwang_waris มีการลงคลิปเที่ยวอินเดีย โดยเข้าไปสั่งอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ปรากฏว่า ทางร้านนำเครื่องดื่มมาให้ แต่กลับไม่ใส่น้ำแข็ง ด้วยความที่เป็นคนไทย เวลาเราไปกินอาหารที่ไหนก็ชินกับเครื่องดื่มใส่น้ำแข็ง ดังนั้นจึงบอกกับพนักงานร้านเป็นภาษาอังกฤษว่า “Ice Cube” หมายถึง ขอน้ำแข็งก้อนด้วยค่ะ พนักงานร้าน ตีความออกว่า เจ้าของคลิปต้องการอะไร บอกว่า “ไม่มี” ซึ่งเรื่องก็น่าจะจบเพียงเท่านี้ จากนั้นไม่นานจึงนำน้ำแข็งมาให้สมใจ ความพีคอยู่ที่ ถ้าเป็นของไทยคงนำถังน้ำแข็งมาคีบน้ำแข็งใส่ให้ แต่ที่นี่คืออินเดีย พนักงานหยิบน้ำแข็งก้อนมาจากมือ เอาใส่แก้วให้โดยตรง ทันทีที่น้ำแข็งตกใส่แก้ว โค้กในแก้วก็ซาบซ่าน่าดื่มทันที ส่วนในใจเจ้าของคลิปตอนที่เห็นพนักงานเอาน้ำแข็งใส่มือ หัวสมองก็คิดปฏิเสธ แต่ทำไม่ได้ ก็กลายเป็นชอตตลก ๆ อัดคลิปพากษ์ไทยทับช็อตนี้ไปว่า “เอาน้ำแข็งมาให้เราแล้ว โอเค เยส ๆ มือไปเลย โอเค thank you” ด้านชาวเน็ตเห็นแบบนี้ก็ยอมรับว่า ความน่ากินของโค้กหายไปครึ่งหนึ่งทันที บางคนก็สงสัยว่า ร้านไปเอาน้ำแข็งมาจากไหน ไม่ใช่น้ำแข็งแช่เนื้อนะ เพราะตอนแรกก็บอกชัด ๆ ว่า ไม่มีน้ำแข็ง อีกคนก็แซวว่า […]

3 พ.ย. เอเอฟพี รายงานว่า ตำรวจ อินเดีย พบร่างของชายผู้เสียชีวิตที่เดินทางไกล 900 กิโลเมตรทั่วทางเหนือของอินเดีย และอยู่ภายในห้องน้ำรถไฟที่ล็อกประตู โดยไร้คนพบ เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ชายคนดังกล่าวขึ้นรถไฟจันสวา เอ็กซ์เพรส เส้นทางสหรรส-อัมริตสา ในรัฐพิหารหลายวันก่อนหน้านี้ และเสียชีวิตภายในห้องน้ำหลังชายคนดังกล่าวล็อกประตู รัม สหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ บอกเอเอฟพีว่า เจ้าหน้าที่ใช้กำลังพังประตูห้องน้ำเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ต.ค. หลังผู้โดยสารร้องเรียนว่าห้องน้ำส่งกลิ่นเหม็นเน่า ในเวลานั้น รถไฟเดินทางตั้งแต่เมืองต้นทางมาแล้วเกือบ 24 ชั่วโมง จากระยะเวลาของการเดินทางทั้งหมด 35 ชั่วโมง สื่ออินเดียระบุว่า รถไฟเดินทางล่าช้าไปเกือบ 5 ชั่วโมง ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามตรวจสอบอัตลักษณ์ของชายผู้เสียชีวิตกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ก่อนรถไฟกลับมาเดินทางอีกครั้ง นายสหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟประจำในเขตสหัหชหันปุระ รัฐอุตตรประเทศ ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่พบศพ กล่าวว่า “เรายังไม่ทราบเกี่ยวกับชายคนดังกล่าว เขาน่าจะขึ้นรถไฟตั้งแต่รถไฟจอดที่สถานี และเสียชีวิตเพียงลำพัง 2-3 วันก่อนหน้าที่ร่างของเขาจะถูกพบ” นพ.สัญชัย ราอี แพทย์ที่โรงพยาบาลรถไฟ บอกเดอะไทม์ออฟอินเดียว่า ชายคนดังกล่าวเสียชีวิตหลังอาจมีอาการโคม่า ทางการอินเดียติดประกาศตามหาคนหายแก่ชายคนดังกล่าวทั่วสถานีรถไฟรัฐพิหาร ทั้งนี้ […]

30 ต.ค.2565 เกิดเหตุสะพานแขวนข้ามแม่น้ำมัชชู อายุเกือบ 100 ปี ถล่มมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 60 ราย ขณะที่มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก หลายร้อยคนร่วงตกน้ำ ที่เมืองคุชราต อินเดีย ทั้งนี้มีภาพจากโทรทัศน์จับภาพประชาชนต่างกระเด็นกระดอนจากสะพานที่พังลงมา ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งให้ความช่วยเหลือ นำตัวเข้าฝั่ง โดยสะพานดังกล่าวมีความยาว 230 เมตร ตอนเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอยู่ในช่วงระหว่างเทศกาล ซึ่งสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยอังกฤษปกครองอินเดียในศตวรรษที่ 19 โดยได้ปิดปรับปรุงไป 6 เดือน เพิ่งจะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ทางนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ โดยมีการตั้งทีมสืบสวนหาสาเหตุการถล่มครั้งนี้แล้ว สำหรับสะพานดังกล่าวเป็นสะพานที่ก่อสร้างจากเซรามิก   ข่าวจาก : ข่าวสด