สื่ออังกฤษเตือน “ก้อยปลา” เมนูเด็ดในอีสาน อันตรายถึงชีวิต ชิมคำเดียวเสี่ยงมะเร็งได้

Advertisement สำนักข่าวอังกฤษ รายงาน เตือนถึงอาหารไทยจานหนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยง การรับประทานอาหารเพียงคำเดียวก็สามารถนำไปสู่การพัฒนาของมะเร็งได้ เพราะมีสารก่อมะเร็งนั้นอันตรายถึงชีวิต เชื่อกันว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้มีคนเสียชีวิตในประเทศไทยถึง 20,000 รายทุกปี Advertisement ตามรายงาน เมนูอาหารไทยนี้ก็คือ ก้อยปลา ประกอบด้วยปลาดิบสับละเอียดผสมกับสมุนไพร เครื่องเทศ และน้ำมะนาว ซึ่งไม่ได้หากินได้ตามร้านอาหารทั่วไป แต่อาหารจานนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในจังหวัดขอนแก่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอย่างภาคอีสาน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ปลาที่ก่อให้เกิดมะเร็งหรือเป็นสาเหตุของโรค แต่กลับเป็นพยาธิตัวแบนหรือพยาธิใบไม้ที่มีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในปลานั่นเองที่เป็นต้นเหตุ ปรสิตเหล่านี้มีถิ่นกำเนิดในปลาน้ำจืดในบริเวณแม่น้ำโขงส่งผลให้ผู้คนในภาคอีสานมีผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีหรือมะเร็งตับที่สูงที่สุดในโลก เนื่องจากผู้คนจำนวนมากชอบรับประทานปลาดิบ นพ.ณรงค์ ขันตีแก้ว ศัลยแพทย์ตับคนหนึ่งในประเทศไทยกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพยายามให้ผู้คนทานอาหารอันโอชะนี้น้อยลง หลังจากสูญเสียพ่อแม่ไปทั้งคู่ด้วยโรคมะเร็งตับจากรับประทานอาหารยอดนิยมนี้ โดยกล่าวกับสำนักข่าวเอเจนซี่ฟรานซ์พรีสส์ว่า “ภูมิภาคนี้ถือว่ามีภาระด้านสุขภาพที่ใหญ่มาก แต่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เพราะพวกเขาตายอย่างเงียบ ๆ ราวกับใบไม้ร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้” Advertisement มะเร็งตับ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘ฆาตกรเงียบ’ มีอัตราการรอดชีวิตต่ำที่สุดในบรรดามะเร็งทุกชนิดหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา นพ.ณรงค์ทำงานมาสี่ปีแล้วกับทีมนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และนักมานุษยวิทยาเพื่อทำการทดสอบปรสิตในชาวบ้านภาคอีสาน ทางทีมแพทย์ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์และชุดทดสอบปัสสาวะ พบว่าผู้คนมากถึง 80% ในบางชุมชนได้กินปรสิตที่เป็นอันตรายถึงชีวิตเข้าไป ตั้งแต่นั้นมา นพ. ณรงค์ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ความรู้แก่ชาวบ้านเกี่ยวกับอันตรายของก้อยปลา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังได้พัฒนาหลักสูตรของโรงเรียนเพื่อสอนเด็ก ๆ เกี่ยวกับความเสี่ยงของอาหารดิบ แต่ศัลยแพทย์ยอมรับว่า การที่คนรุ่นเก่าเลิกทานอาหารจานนี้นั้นเป็นงานยาก […]

สาวซื้อภาพวาดต้องคำสาปจากร้านของเก่า “เจอดี”รีบมาคืนแทบไม่ทัน ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัย เทคนิคปั่นราคา?

เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานเรื่องราวชวนขนหัวลุกที่เกิดขึ้นในอังกฤษ หลังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งใช้ชื่อว่า @sliderulesyou ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ของเพื่อนเธอวว่า เพื่อนของเธอ ชื่อว่า โซอี้ ซื้อภาพของเด็กหญิงสวมชุดสีแดงในราคา 20 ปอนด์หรือราว 800 บาท แม้ว่าจะมีข้อความแปลกๆ แปะบนรูปว่า “อาจจะเป็นรูปผีสิงนะ” แต่เพื่อนของเธอเลือกที่จะซื้อมาอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนี้ยังเล่าต่อว่า ผ่านไปเดือนนึงรูปหลอนดังกล่าวกลับมาวางขายที่ร้านเหมือนเดิม พร้อมข้อความว่า “เธอกลับมาแล้ว ขายไปสองครั้ง มีคนเอามาคืนสองครั้ง คุณกล้าไปพิสูจน์ไหม?” หลังจากเธอไปถามเพื่อนเธอ โดยเพื่อนของเธอตอนแรกๆ ไม่ยอมตอบกลับข้อความเธอ จนทำให้เธอเริ่มกังวลว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ชาวเน็ตได้เข้ามาติดตามเรื่องราวนี้อย่างใกล้ชิด ก่อนที่ทางโซอี้ได้เล่าถึงเรื่องสุดหลอนที่เธอเผชิญมาว่า ตั้งแต่เธอมีรูปภาพนี้ชีวิตของเธอก็เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง สับสนวุ่นวายไปหมด ซึ่งทางผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนี้ ระบุว่า เธอไม่สามารถเล่าต่อได้ เธอบอกเพียงแค่ว่า ไม่ว่าภาพนั้นจะเกิดมาพร้อมกับอะไร แต่เหมือนความเชื่อในคำสาปในรูปนั้น ทำให้เกิดคำสาปจริงๆ มีบางอย่างผิดปกติกับภาพนั้น เพราะจะเป็นการเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของเพื่อนเธอ และพร้อมทั้งเตือนว่า อย่าซื้อภาพนั้นเด็ดขาด ทั้งนี้ ทางผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนี้ได้ทิ้งท้ายว่า พอเธอเข้าไปสอบถามเจ้าของร้าน ทางเจ้าของร้านบอกจะให้รูปนี้ฟรีๆ กับเธอ แต่ทางเจ้าของโพสต์ปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า เธอไม่อยากท้าทายชะตากรรม นอกจากนี้ ด้านชาวเน็ตได้ตั้งคำถามว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องแต่งกันแน่ เพราะนี่อาจจะเป็นเทคนิคการค้าของทางร้านเพื่อขึ้นราคาสินค้าก็เป็นได้ Update […]

อังกฤษรับสมัคร “นักสำรวจนก” ทำงานในเกาะห่างไกลที่สุดในโลก ค่าจ้างล้านกว่าบาท/ปี

บีบีซี รายงานว่า องค์กรรอยัล โซไซตี้ ฟอร์ เดอะ โพรเทคชั่น ออฟ เบิร์ด (อาร์เอสพีบี) หน่วยงานสัตว์ป่าแห่งสหราชอาณาจักร กำลังมองหาคนงานเพื่อไปทำงานสำรวจพันธุ์นกบนเกาะที่ห่างไกลที่สุดในโลก แลกกับค่าตอบแทนสูงแต่ต้องอดทนกับสภาพอากาศที่แปรปรวนและอาหารที่จำกัด เกาะกอฟ ตั้งอยู่บนเกาะตริสตันดากูนยา เกาะภูเขาไฟในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ ซึ่งเป็นดินแดนไกลโพ้นของประเทศอังกฤษ ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างถาวร อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ของแอฟริกาเป็นระยะทางประมาณ 1,500 ไมล์ หรือราวๆ 2,400 กิโลเมตร และไม่มีสนามบิน การเดินทางไปเกาะแห่งนี้ต้องนั่งเรือเป็นเวลา 7 วันจากแอฟริกาใต้ซึ่งมีผู้เดินทางไปถึงเกาะดังกล่าวแล้วคือ น.ส.รีเบคกา กู๊ดวิล และ น.ส.ลูซี่ ดอร์แมน ที่ปัจจุบันทำงานอยู่บนเกาะกอฟ ทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของพนักงานประจำ 7 คนบนเกาะที่อยู่ร่วมกับนกอีก 8 ล้านตัว พนักงานสองคนนี้ทำงานให้กับองค์กรอาร์เอสพีบี ก่อนย้ายไปทำงานที่เกาะกอฟลูซี่เคยทำงานที่แอนตาร์กติกา ขณะที่รีเบคก้าเคยทำงานให้กับอาร์เอสพีบีในสกอตแลนด์ การทำงานของรีเบคก้าบนเกาะกอฟจะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้ อาร์เอสพีบีจึงกำลังมองหาพนักงานใหม่ โดยมีเงินเดือน 25,000-27,000 ปอนด์ หรือราวๆ 1,060,000-1,150,000 บาท ลักษณะงานจะต้องใช้เวลาทั้งวันไปกับการติดตามสายพันธุ์นกทะเล ส่วนคุณสมบัติของผู้สมัครคือต้องสามารถปรับตัวในการอยู่ในสภาพแวดล้อมในเขตย่อยแอนตาร์กติกที่ท้าทายและห่างไกล ผู้สมัครควรจบการศึกษาระดับปริญญาในสาขาวิทยาศาสตร์หรือมีประสบการณ์เทียบเท่าในสาขาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีประสบการณ์ด้านสาขาการจัดการและการเฝ้าติดตามนกและสัตว์ป่า นอกจากนี้รีเบคก้าและลูซี่แนะนำด้วยว่าพนักงานที่จะมาทำงานบนเกาะแห่งนี้ต้องผจญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายและการไม่มีอาหารสดเป็นเวลากว่า […]

หมอช่วยบำบัด “หมาติดเหล้า” หลังตรอมใจเจ้าของตาย ทิ้งให้โดดเดี่ยวในบ้าน

เว็บไซต์ เทเลกราฟ รายงานพบ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์เพศผู้ วัย 2 ปีชื่อว่า โคโค่ “ติดแอลกอฮอล์” ตัวแรกในอังกฤษที่เข้ารับการบำบัดอาการติดเหล้า หลังเจ้าของตาย ทิ้งมันไว้กับสุนัขอีกตัวที่เลี้ยงไว้ โดยมีอาการติดเหล้างอมแงมทั้งคู่ ภายหลังสัตวแพทย์ในเมืองเดวอนได้เข้าช่วยชีวิตโคโค่และสุนัขอีกตัวไว้ โดยศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ วู้ดไซด์ แอนิมอล เวลแฟร์ทรัสต์ (Woodside Animal Welfare Trust) ในเมืองพลีมัธ มณฑลเดวอน ประเทศอังกฤษ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของศูนย์ฯ ว่า โคโค่ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ เพศผู้และสุนัขอีกตัวหนึ่ง ได้ถูกนำมาส่งที่ศูนย์ฯ เพื่อรับการรักษาบำบัดอาการติดเหล้า หลังจากเจ้าของจากไป แต่สุนัขตัวหนึ่งได้ตายขณะรับการรักษา ขณะที่โคโค่มีอาการไม่สบายหนักหลังมาถึงศูนย์ฯ นับตั้งแต่โคโค่ถูกนำมาส่งที่ศูนย์แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน โคโค่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยสัตวแพทย์คนหนึ่งที่ศูนย์ฯ ได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะช่วยชีวิตสุนัขทั้งสองตัว แต่สุนัขอีกตัวได้จากไป และโคโค่ยังคงมีอาการไม่สบายหนัก ต้องได้รับการดูแลใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง และอาการป่วยของโคโค่ต้องได้รับการบำบัดจากการติดแอลกอฮอล์ ในระหว่างเข้ารับการรักษา โคโค่ต้องได้รับการรักษาที่ห้องไอซียูรักษาสัตว์ที่ศูนย์ฯ นานถึง 4 สัปดาห์ ขณะมีการบำบัดอาการป่วยจากการติดเหล้า กระทั่งตอนนี้โคโค่รอดพ้นจากอันตราย ไม่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ทุกอย่าง สามารถเริ่มกลับมาใช้ชีวิตอย่างสุนัขปกติได้แล้ว ทางด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ดังกล่าว […]

หญิงอังกฤษฉี่ไม่ออกเป็นปี สุดท้ายพบโรคประหลาด ต้องผ่าตัด

เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า สาวอังกฤษคนนี้ชื่อ “แอล อดัมส์” วัย 30 ปี ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคประหลาดทำให้ปัสสาวะไม่ออกนาน 14 เดือน โดยพบอาการดังกล่าวในเช้าวันหนึ่งของเดือนตุลาคมปี 2563 ไม่ว่าเธอจะพยายามเบ่งปัสสาวะ หรือดื่มน้ำเยอะแค่ไหน แต่ปัสสาวะไม่ยอมออกมาเลย เมื่อมีอาการดังกล่าวอดัมส์ตัดสินใจไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในลอนดอนเพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด โดยแพทย์ พบว่า อดัมส์มีปัสสาวะคั่งในกระเพาะมากถึง 1 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงมาก เพราะปกติแล้วกระเพาะปัสสาวะของผู้หญิงจะจุได้เพียง 500 ม.ล. ส่วนผู้ชายจะจุได้ 700 ม.ล. หลังจากนั้นหมอได้ใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อให้น้ำปัสสาวะออก หมอก็ได้ทำการตรวจการทำงานของกระเพาะปัสสาวะต่อทันที ซึ่งกระบวนการตรวจสอบเพื่อวินิจฉัยโรคที่เธอเป็น ต้องใช้เวลานานถึง 8 เดือน ซึ่งระหว่างที่อดัมส์รอผลการตรวจจะต้องทำการสวนปัสสาวะด้วยตัวเอง โดยใช้สายสวนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ในที่สุดหมอได้วินิจฉัยว่า เธอเป็นโรคFowler’s Syndrome เป็นโรคที่พบได้ยาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอายุระหว่าง 20-35 ปี ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายปัสสาวะไม่ออก ต้องสวนปัสสาวะ แต่ตรวจไม่พบความผิดปกติใด ๆ ที่จะอธิบายอาการถ่ายปัสสาวะไม่ออกนี้ได้ สำหรับโรคนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในประเทศไทย เพราะมีผู้ป่วยน้อย ส่งผลให้พวกเขาได้รับการรักษาไม่ตรงตามโรค สำหรับการรักษาโรคดังกล่าว แพทย์แนะนำให้อดัมส์เข้ารับการผ่าตัด “การกระตุ้นเส้นประสาทใต้กระเบ็นเหน็บ […]

ชาวอังกฤษทึ่ง! ได้รับจดหมายปริศนา ส่งตั้งแต่ปี2459 ผ่านมา100ปีเพิ่งถึง

ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า จดหมายฉบับดังกล่าวจ่าหน้าซองปลายทางถึงบนถนนแฮมเล็ต ลอนดอนทางตอนใต้ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่อยู่ของนายฟินเลย์ เกลน วัย 27 ปี ผู้กำกับละครเวที อาศัยอยู่ ส่วนบ้านซึ่งเป็นที่อยู่ปลายทางของจดหมายฉบับนี้ถูกทำลายไปนานแล้ว และแทนที่ด้วยอพาร์ตเมนต์หลังปัจจุบัน นายเกลน เผยว่า ที่จริงแล้วเขาได้จดหมายฉบับนี้ตั้งแต่ 2- 3 ปีก่อน แต่เขาไม่ได้คิดอะไร จนมาสังเกตเห็นเลขปี 16 บนซอง ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นปี 2559 แต่หลังจากนั้นเห็นกษัตริย์จอร์จที่ 5 ในช่วงกลางสงครามโลกครั้งที่ 1 บนแสตมป์ ไม่ใช่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จึงรู้ว่าไม่ใช่ปี 2559 เขาจึงนำจดหมายดังกล่าวไปให้สมาคมประวัติศาสตร์ในละแวกที่อาศัย เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ โดยจดหมายฉบับนี้ส่งถึง “เคธี่ที่รักของฉัน” จากผู้ส่งชื่อ คริสตาเบล เมนเนลล์ เขียนขึ้นขณะไปท่องเที่ยวในวันหยุดที่เมืองบาธ และแม้อ่านได้ยาก แต่ก็พบว่าข้อความตอนหนึ่งระบุว่ามีใครบางคนอาการไม่ดีนัก และรู้สึกค่อนข้างละอายใจตัวเองหลังจากพูดสิ่งที่ฉันทำ เขียนว่า ‘เป็นทุกข์อยู่ที่นี่ด้วยความหนาวเย็นอย่างหนัก’ ทั้งนี้ ด้านไปรษณีย์สหราชอาณาจักร ให้ความเห็นว่า ไม่รู้ว่าจดหมายฉบับนี้ส่งถึงนายเกล็นได้อย่างไร ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ และซาบซึ้งที่ผู้คนจะสนใจประวัติของจดหมายฉบับนี้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น   […]

อังกฤษเตรียมแบนพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งเริ่ม ต.ค.นี้ แก้ขยะล้นโลก

ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษประกาศสั่งห้ามใช้ช้อนส้อม จาน และสิ่งของพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป และหันมาใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพแทน เนื่องจากรัฐบาลพยายามที่จะจัดการกับปัญหาขยะพลาสติกที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศและทั่วโลก โดยให้คำมั่นว่าจะกำจัดขยะพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งได้ทั้งหมดภายในปี 2585 นอกจากนี้ การห้ามยังรวมถึงถาดแบบใช้ครั้งเดียว ไม้ลูกโป่ง ถ้วยโพลีสไตรีนและภาชนะบรรจุอาหารบางประเภท รวมถึงผู้คนจะไม่สามารถซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้จากร้านอาหาร ร้านค้าปลีก หรือผู้จำหน่ายอาหารได้ รัฐบาลอังกฤษ ระบุว่า ในแต่ละปีอังกฤษมีการใช้จานแบบใช้ครั้งเดียวจำนวนมากถึง 1,100 ล้านใบและช้อนส้อมประมาณ 4,250 ล้านชิ้น ซึ่งเท่ากับจาน 20 ใบและช้อนส้อม 75 ชิ้นต่อคน ขณะเดียวกันมีเพียงร้อยละ 10 ของขยะพลาสติกเท่านั้นถูกนำไปรีไซเคิล อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรปประกาศห้ามใช้จานพลาสติก ช้อนส้อม หลอดแบบใช้ครั้งเดียว แท่งลูกโป่ง และคอตตอนบัตเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว ขณะเดียวกันอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลกประกาศห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในเดือนกรกฎาคมปีนี้ รวมถึงแคนาดาการผลิตและนำเข้าถุงพลาสติก ช้อนส้อม ภาชนะใส่อาหาร เครื่องกวน และหลอดพลาสติกจะกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายโดยจะเริ่มในปลายเดือน ม.ค. นี้ ส่วนรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในเดือนมิถุนายน โดยกำหนดให้ภาชนะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งต้องรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ภายในปี 2575 ขณะที่ยูเอ็นเตือนโลกกำลังเผชิญกับปัญหามลภาวะพลาสติกครั้งใหญ่ จากรายงานเปิดเผยว่า ปริมาณขยะพลาสติกที่เข้าสู่ระบบนิเวศทางน้ำอาจเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าหรือมากถึง 37 ล้านตันต่อปีภายในปี 2583 […]

เด็ก2ขวบเสียชีวิต เหตุสูดราดำในบ้าน พ่อแม่แจ้ง จนท.แล้ว แต่ทำแค่ทาสีทับ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เหตุการณ์สุดสลดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2563 หลังเด็กชายรายหนึ่งเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า แถมเพิ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 2 ขวบไปเพียงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ ศาลร็อชเดลเผย จากผลการชันสูตร แพทย์วินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กน้อย อวาบ อิสฮัคมาจากอาการหัวใจหยุดเต้น เหตุมีภาวะทางเดินหายใจลำบากอย่างรุนแรงที่เกิดจากการสัมผัสกับความชื้นและเชื้อราสีดำภายในบ้านเป็นเวลานาน ตามรายงาน เด็กชายมักจะสนุกกับการเล่นนอกบ้าน โดยอาศัยอยู่ในแฟลตแบบหนึ่งห้องนอนกับพ่อแม่ในร็อชเดล มหานครแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อแม่ของเด็กเคยร้องเรียนกับทางสำนักงาน Rochdale Boroughwide Housing (RBH) เกี่ยวกับความชื้นและเชื้อราดังกล่าวหลายครั้ง ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงในปี พ.ศ. 2560 ก่อนที่เด็กน้อยจะเกิด แต่ไม่ได้มีการแก้ไขที่เหมาะสม เพียงแค่ทาสีทับ ทำให้ครอบครัวของเด็กน้อยมีความกังวลเป็นอย่างมากและมีรายงานว่า พ่อได้ยื่นขอบ้านใหม่สำหรับครอบครัวของเขาเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ 2562 เนื่องมาจากตามหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ทางเจ้าหน้าที่อสังหาริมทรัพย์ RBH คิดว่านายไฟซาล อับดุลลาห์ พ่อของเด็กอาศัยอยู่คนเดียว เพราะมีเพียงพ่อย้ายมาที่แฟลตนี้ครั้งแรกในปี 2559 ก่อนภรรยาจะย้ายในอีกสองปีต่อมา ซึ่งพนักงานรวมถึงผู้จัดการฝ่ายซ่อมแซมที่ตรวจสอบบ้านพักเมื่อ 5 เดือนก่อนที่เด็กจะเสียชีวิต อ้างว่า เจ้าหน้าที่จะรีบลงมือกำจัดเชื้อราทันทีโดยไม่รอการตอบกลับ หากรู้ว่าเด็กวัยเตาะแตะอาศัยอยู่ในที่พักแห่งนี้ สำนักข่าวแมนเชสเตอร์ […]

เม็ดดำปริศนา โผล่เต็มพื้นบ้าน ความจริงจากนักวิทย์สุดสยอง ต้องรีบกำจัด!

สำนักข่าว เอชเค 01 ของฮ่องกงรายงานถึงเรื่องราวสุดสะพรึงกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ที่กำลังถกเถียงกันมาเป็นระยะ หลังจากผู้หญิงคนหนึ่งแชร์ภาพเม็ดไข่มุกดำปริศนานับพันกระจายเต็มพื้นบ้าน พร้อมสงสัยว่าเม็ดดังกล่าวคืออะไรกันแน่ หญิงชาวควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า เม็ดดำดังกล่าวปรากฏตัวขึ้นภายในบ้านของเล่นพลาสติกของลูก ๆ ที่อยู่ในสวน หลังจากที่ถูกปิดไม่ได้ใช้งานเป็นเวลาสามวัน นอกจากเม็ดสีดำขนาดเล็กปกคลุมพื้นบ้านแล้ว ยังเกาะติดกับผนังด้วย ทำให้เธอสงสัยว่าพวกมันคือไข่แมลงหรือมูลสัตว์หรือไม่ เธอขอความช่วยเหลือคนอื่น ๆ ทางออนไลน์เพื่อค้นหาคำตอบ ระบุว่า “ได้โปรดอย่าพูดว่าพวกมันเป็นปลวก” เธอพูดอย่างกังวล งานนี้ทำความสับสนปะทุขึ้นในโลกโซเชียล ขณะที่บางคนคิดว่าเป็นแมลงหรือขี้แมลงในทันที แต่มีเพียงไม่กี่คนที่กล่าวว่า “มันเงาเกินไป” ที่จะเป็นอุจจาระ บางคนคาดว่าอาจเป็นไข่เห็บหรือไข่มอด บางคนไม่เชื่อว่ามันมาจากแมลงเลย และบอกว่ามันอาจเป็นสารชนิดหนึ่งในของเล่นเด็กที่รั่วออกมา แต่ดูเหมือนไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านศัตรูพืช ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมศัตรูพืชและหัวหน้าฝ่ายบริการจาก Fantastic Services Australia ในเมลเบิร์น ซึ่งกล่าวว่า “สงสัยว่าเป็นไข่ศัตรูพืช ในตอนแรกมันดูไม่เหมือนไข่ศัตรูพืช แต่ก็ดูเหมือนเมล็ดพืชมากกว่า เป็นคำถามที่ยากจะตอบ หากไม่ได้ลองสัมผัสมัน” อย่างไรก็ตาม เคธี เอเบิร์ต นักกีฏวิทยาจากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ซึ่งวิเคราะห์ว่าเม็ดไข่มุกดำเหล่านี้เป็นไข่ของแมลงเม่า และแนะนำให้เจ้าของบ้านรีบทำความสะอาดทันที “แมลงเม่าก็สามารถวางไข่ได้หลายร้อยฟอง ถ้าคุณรอสองสามวัน คุณจะเห็นตัวอ่อนฟักออกมาและหนอนก็เต็มบ้าน ฟังฉันแล้วทำความสะอาดทันที!”   ข่าวจาก […]

คางคกเมืองไทย ซุกในกระเป๋าเดินทาง บิน 9,600 กม. โผล่แคว้นเวลส์

10 ส.ค. เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ ไอทีวี สื่ออังกฤษ รายงานเรื่องราวของแฮนนาห์ เทอเรียน นักศึกษาหญิงจากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ที่ต้องตกใจกลัวเมื่อ คางคก กระโดดออกมาจากกระเป๋าเดินทางในบ้าน ในเมืองคาร์ดิฟฟ์ แคว้นเวลส์ สหราชอาณาจักร หลังเดินทางกลับจากประเทศไทย แฮนนาห์เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเป็นอาสาสมัครในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ก่อนกลับอังกฤษ และมาถึงบ้านเมื่อ 01.30 น. หลังเดินทาง 35 ชั่วโมง ระยะทาง 9,600 กิโลเมตร จากนั้น หยิบแปรงสีฟันและของเล็กน้อยจากกระเป๋าเดินทางโดยไม่ได้สังเกตสิ่งผิดปกติ ทว่าต้องตกใจอย่างมากในเช้าวันรุ่งขึ้น “ฉันตื่นเช้าเพราะค่อนข้างมีอาการเจ็ตแล็ก ฉันได้ยินอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวและไม่รู้ว่ามันคืออะไร จากนั้นฉันเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวในกระเป๋าเดินทางของฉัน ฉันจึงปิดกระเป๋าเดินทาง วิ่งออกจากห้อง และกรีดร้อง เพื่อนที่อยู่ร่วมบ้านตื่นขึ้นมาและเราสองคนลากกระเป๋าเดินทางไปห้องน้ำ คางคกกระโดดออกมา ฉันกลัวมาก เพราะบางสิ่งบางอย่างในประเทศไทยค่อนข้างอันตราย เราไม่รู้ว่ามันมีพิษหรือเปล่า” แฮนนาห์กล่าว แฮนนาห์และเพื่อนร่วมบ้านโทรศัพท์หาราชสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ (RSPCA) แต่ได้รับคำแนะนำว่าไม่มีใครสามารถช่วยคางคกได้จนกว่าจะถึงวันรุ่งขึ้นอย่างเร็วที่สุด ถึงขั้นนี้ คางคกอยู่ในสภาพแย่ลงเล็กน้อย หลังเดินทางไกล 35 ชั่วโมง รวมถึงนั่งเครื่องบิน 13 ชั่วโมง ผิวของคางคกเปลี่ยนเป็นสีเขียวหม่น และกระโดดลงน้ำในถ้วนที่แฮนนาห์เตรียมทันที โชคดีที่ […]

1 2
error: