สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข โพสต์ติดโควิด ขอกักตัว 5 วันเต็ม

Advertisement 30 พ.ย.2565 เพจเฟซบุ๊ก “หมอตี๋ สาธิต ปิตุเตชะ” ซึ่งเป็นเพจของนายสาธิต ปิตุเดชะ รมช.สาธารณสุขโพสต์แจ้งตัวเองติดโควิด-19 รักษาตัวที่รพ.ราชวิถีในขณะนี้ โดยขอกักตัวเต็ม 5 วัน Advertisement ทั้งนี้เจ้าตัวได้โพสต์ว่า ระวัง จน ไม่ติดมาทุกรอบ มาพลาดรอบนี้ อาการมาครบ มาเต็ม พักผ่อนน้อยไปนิด ท่านสมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ แวะมาเยี่ยมคนแรกเลย ครับ ขอกักตัว 5 วันเต็ม #ไม่สบายแต่ทำงานได้ #เพราะทุกที่คือที่ทำงาน #ขออภัยคนที่มาใกล้ชิด Advertisement สำหรับโพสต์ดังกล่าวมีคนเข้ามาแสดงความเห็นให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก โดยขอให้หายไวไว ซึ่งช่วงนี้การติดเชื้อโควิด-19 กลับมาระบาดมากขึ้น มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นข่าวในโลกออนไลน์จำนวนมากด้วย   ข่าวจาก : ข่าวสด

สาธิต รับ ยอดติดโควิดจริงวันละ 2-3 หมื่น ชี้สายพันธุ์ใหม่อาการไม่รุนแรง

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงยอดติดเชื้อโควิด-19 ว่าเป็นไปตามยอดติดเชื้อจริงหรือไม่ และแผนการรองรับระลอก 5 ที่เกิดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ทางกระทรวงได้บอกให้ประชาชนระวังอย่างไร และมียาอะไรที่บรรเทาได้ เพราะขณะนี้พบนักเรียนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก รวมถึงคนต่างประเทศที่เดินเข้าไทยมีอัตราการติดเชื้ออย่างไรบ้าง โดยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการตรวจ 2 รูปแบบ คือ RT-PCR ที่กรอกข้อมูลเข้าระบบ และ ATK ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขเก็บข้อมูลตัวเลขอย่างละเอียด แต่จะรายงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่กรมควบคุมโรค โดยหากนับรวมทั้งระบบ ที่คิดจากการตรวจ RT-PCR และ ATK ซึ่งรวมไปถึงเจอจ่ายจบ และรักษาตัวที่บ้าน ตัวเลขเหล่านี้อยู่ในระบบการเบิกจ่ายของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่มีการขอรับยา […]

สาธิต แจงถอดแมสก์ได้ ยังมีเงื่อนไขเรื่องระยะห่าง-พื้นที่เสี่ยง

“สาธิต” แจงประกาศราชกิจจาฯ ถอดแมสก์ตามสมัครใจ ยังมีเงื่อนไขระยะห่าง พื้นที่เสี่ยง และกลุ่มเสี่ยง ขอให้ปฏิบัติตามเคร่งครัด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้สวมหรือถอดหน้ากากตามความสมัครใจ ยังมีเงื่อนไข ขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากอยู่ในสถานที่เสี่ยง เว้นระยะห่างไม่ได้ เป็นผู้ที่ติดเชื้อเสี่ยงอาการรุนแรง ผู้ป่วยและผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ยังสมควรสวมหน้ากาก เพื่อความปลอดภัย ป้องกันการติดเชื้อ วันนี้ (24 มิถุนายน 2565) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 46 ซึ่งมีเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตามความสมัครใจ ว่า ประกาศเรื่องของการสวมหรือถอดหน้ากากตามความสมัครใจนั้น เป็นแบบมีเงื่อนไข คือให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแนะนำให้สวมหน้ากากเมื่อยังอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสถานที่เสี่ยงหรือพื้นที่แออัดมีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ หรืออากาศระบายถ่ายเทไม่ดี รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่หากติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรง หรือผู้ป่วยและผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น “แม้จะมีประกาศให้การสวมหน้ากากหรือถอดหน้ากากเป็นไปตามความสมัครใจ แต่ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่เป็นเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด การสวมหน้ากากในสถานที่ที่มีความเสี่ยง เป็นเรื่องที่ควรตระหนักให้ดี เพื่อความปลอดภัย ป้องกันการติดเชื้อได้ แม้ช่วงนี้จะมีผู้ติดเชื้อโควิดไม่มาก แต่ก็พบว่าเริ่มเพิ่มสูงขึ้นบ้าง เนื่องจากมีการผ่อนคลายกิจกรรม เช่น […]

เดินหน้าโรคประจำถิ่น1ก.ค. หากคุมโควิดได้ตามเกณฑ์ ลุ้นถอดแมสก์

“สาธิต” ยันคุม “โควิด” ได้ตามเกณฑ์ จะเดินหน้าเป็นโรคประจำถิ่น 1 ก.ค. ลุ้นถอดหน้ากากขึ้นอยู่กับพื้นที่ เร่งหารือเกณฑ์ใช้ยาโควิดในกลุ่มมีศักยภาพเข้า รพ.เอกชน วันที่ 6 พ.ค.65 ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ซอยศูนย์วิจัย กทม. นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และบรรยายพิเศษ “ทิศทางและนโยบายภาครัฐ หลังการประกาศโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น” มีใจความตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเผชิญหน้ากับโรคโควิด-19 มาเกือบ 3 ปี มีการต่อสู้และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษาพยาบาล ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก รพ.เอกชน ในเรื่องของ UCEP COVID ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้ คือ มีอัตราการติดเชื้อลดลง ผู้ป่วยในสถานพยาบาลและผู้เสียชีวิตก็ลดลง ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่ประเทศไทยอยู่ในระยะที่ 2 คือ ระยะทรงตัว มีแนวโน้มลดลง “ก่อนหน้านี้มีการประเมินว่าหลัง เม.ย.ตัวเลขติดเชื้อจะสูงขึ้น แต่เทรนด์ขณะนี้ลดลง ตัวเลขในระบบอาจจะยังไม่ตรงกับสถานการณ์จริง ซึ่งไม่ใช่ว่าปิดบังตัวเลข […]

สธ.จ่อออก กม.เจาะเลือดตรวจแอลฯ ใช้หักแต้มใบขับขี่ในอนาคต

สาธิต เผย สธ.จ่อออก กม.ใช้วิธีเจาะเลือดตรวจหาแอลกอฮอล์ กรณีมีอุบัติเหตุทางถนน ใช้หักแต้มใบขับขี่ในอนาคต เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการแถลงข่าวชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” กล่าวว่า สธ. ตระหนักถึงปัญหาบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ด้วยการระบาดโควิด-19 มีการจำกัดการเดินทาง งดกิจกรรมการรวมกลุ่ม งดจัดกิจกรรมช่วงปีใหม่และสงกรานต์ ทำให้ปี 2564 มียอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลดลง รวมถึงการตั้งด่านตรวจบูรณาการป้องกันควบคุมโรคและบังคับใช้กฎหมาย ทำให้พฤติกรรมดื่มแล้วขับลดลง โดยมีผู้เสียชีวิต 16,957 คน คิดเป็น 25.92 ต่อประชากรแสนคน ใกล้เคียงกับเป้าหมายของแผนแม่บทฉบับที่ 5 ที่จะลดผู้เสียชีวิตให้ต่ำกว่า 25.03 ต่อประชากรแสนคน แต่ปัจจุบันมีการเปิดประเทศ มีการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนจะมีการใช้รถใช้ถนนทั้งเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวกันจำนวนมาก โดยสาเหตุหลักในการเกิดอุบัติเหตุมาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ คือ ความประมาทในการขับขี่ ขับรถเร็ว ดื่มสุราก่อนขับขี่ ไม่ใช้หมวกนิรภัยและเข็มขัดนิรภัย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ […]

จ่อเลื่อนปลดโควิดพ้นยูเซ็ป ขอเวลา ปชช.ปรับตัว เริ่มทั่วไทย 1เม.ย.

สาธิต ชง อนุทิน เลื่อนปลดโควิดพ้นยูเซ็ป ขอเวลา ปชช.ปรับตัว เริ่มทั่วไทย 1 เม.ย. ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมพร้อมที่จะปรับให้โรคโควิด-19 ออกจากสิทธิเจ็บป่วยวิกฤต มีสิทธิรักษาทุกที่ หรือ ยูเซ็ป (UCEP) ตั้งเป้าในวันที่ 1 มีนาคม 2565 จะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ โดยผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะต้องรักษาตามสิทธิสุขภาพของตนเอง ซึ่งทำให้เกิดคำถามมากมายในสังคม เช่น หากติดเชื้อแล้วจะต้องใช้สิทธิบัตรทองในต่างจังหวัดอย่างไร หากติดเชื้อแล้วจะมีระบบดูแลจากที่บ้านหรือไม่ นั้น เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ด้วยการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และการผ่อนคลายมาตรการทางสังคม ทำให้ประเทศไทยพบการติดเชื้อในช่วงขาขึ้น ยังเห็นตัวเลขรายวันหลักหมื่นราย ยังไม่นับรวมผู้ป่วยเข้าข่าย ที่ผลการตรวจ ATK เป็นบวก ซึ่งตนมีความคิดเห็นที่จะนำเรื่องดังกล่าวหารือร่วมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. ในการเลื่อนการประกาศให้โรคโควิด-19 ออกจากยูเซ็ป เป็นวันที่ […]

‘สาธิต’ เผย ‘โอไมครอน’ ยังไม่เข้าไทย เร่งหาวิธีตรวจจับ-สกัดเชื้อ

‘สาธิต’ เผย ‘โอไมครอน’ ยังไม่เข้าไทย เร่งหาวิธีตรวจจับ-สกัดเชื้อเข้าไทย เล็งทบทวนคงใช้ RT-PCR นทท. เหมือนเดิม รับ ห่วงหลุดเข้าช่องทางธรรมชาติ เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการรับมือโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอน (Omicron) ว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้มีมาตรการป้องกันในระดับแรกแล้ว ส่วนการตรวจจับค้นหาเชื้อโอไมครอนจะเดินทางเข้ามาในประเทศจะต้องทำเต็มที่ รัดกุม และทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้ที่มีการปรับแผนอนุญาตให้ตรวจแบบ ATK แล้วสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แทนการตรวจ RT-PCR ในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่เข้ามาในไทย ขณะนี้จะต้องมีการทบทวนขยายเวลายังคงใช้ RT-PCR เหมือนเดิม ซึ่งเป็นมาตรการเข้มข้นเพื่อการตรวจจับค้นหาโอไมครอนที่จะมาจากต่างประเทศ ส่วนที่มีการเสนอในหลายๆ รูปแบบจะต้องมีการติดตามข้อมูลให้มีความชัดเจนมากที่สุด นายสาธิต กล่าวต่อว่า ตนได้สั่งการไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทุกศูนย์ของกรมวิทย์ฯ รวมทั้งภาคีเครือข่ายจะต้องมีวิธีตรวจจับหาโอไมครอนให้ได้ดีที่สุด แต่ขณะนี้โดยเทคนิคมีการประเมินว่าถ้าเชื้อเป็นเดลต้าบางส่วนและอัลฟ่าบางส่วนให้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นโอไมครอน และในสเต็ปต่อไปจะมีน้ำยาตรวจจับโอไมครอนโดยตรง นายสาธิต กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถมีวัคซีนกับยาไปดักหน้าไวรัสทุกสายพันธุ์ เรามีแต่การติดตามข้อมูลให้เร็วที่สุด […]

“สาธิต” ย้ำชัด “รบ.” ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย หนุนเป็นสิ่งต้องห้ามต่อไป

“สาธิต”ยัน “สธ.-รบ.” ไม่มีนโยบาย ให้ “บุหรี่ไฟฟ้า” เป็นสินค้าถูกกฎหมาย เมื่อวันที่ 1 พ.ย.เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว.ถามนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับความพยายามผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าถูกกฎหมาย เริ่มจากที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พยายามผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าทำลายสุขภาพ เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นที่ประหลาดใจอย่างมากในสังคม จากนั้นก็มีการเคลื่อนไหวในสังคม ทั้งแพทย์และเครือข่ายด้านสุขภาพได้ออกแถลงการณ์คัดค้านเรื่องนี้ เนื่องจากมีเหตุผลทางวิชาการเป็นจำนวนมากที่สนับสนุนว่าการผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าผิดกฎหมายขึ้นมาเป็นสินค้าถูกกฎหมายนั้นน่าจะมีประเด็นต้องพิจารณาจำนวนมาก และบุหรี่ไฟฟ้าสำหรับนักสูบหน้าใหม่ก็ไม่สามารถที่จะลดการเสพบุหรี่มวนได้ แต่ทำให้มีนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น และบุหรี่ไฟฟ้าไม่เพียงสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจยังเป็นผลร้ายต่อการรักษาสุขภาพของประชาชน ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอบกระทู้แทนนายกรัฐมนตรีว่า สถานะของบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าห้ามนำเข้าโดยประกาศของกระทรวงพาณิชย์ และบุหรี่ไฟฟ้าก็เป็นสิ่งของต้องห้ามนำเข้าตามพ.ร.บ.ศุลกากร มีโทษจำคุกและโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท ฉะนั้นรัฐบาลไม่มีนโยบายหรือแนวทางที่จะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าถูกกฎหมายแต่ประการใด ส่วนความเห็นของรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัว อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญต่อการรณรงค์ให้ประชาชนเข้าถึงการสูบบุหรี่ให้น้อยลง และเล็งเห็นโทษ ของการสูบบุหรี่ แต่ปัจจุบันยังพบว่ามีผู้สูบบุหรี่เป็นจำนวนมาก “ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขและนโยบายรัฐบาล เราไม่มีแนวนโยบายให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าถูกกฎหมาย ทั้งเพื่อจำหน่าย นำเข้า แต่หากอนาคตพบว่าบุหรี่ไฟฟ้านำเข้าถูกกฎหมายได้ […]

มาอีก 2 ล้านโดส ‘สาธิต’ ยันวัคซีนไฟเซอร์ เข้าไทย 29 ก.ย.ทยอยฉีดเด็ก 12-18 ปี

‘สาธิต’ ยันวัคซีนไฟเซอร์ เข้าไทย 29 ก.ย.นี้ อีก 2 ล้านโดส ก่อนทยอยฉีดเด็ก 12-18 ปี ใช้สถานศึกษาเป็นจุดฉีด เข้าล็อตถัดไปจนครบ 30 ล้านโดส เมื่อวันที่ 24 ก.ย.64 ที่ศูนย์วัคซีนกลางบางซื่อ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ ที่จะนำมาฉีดในเด็กอายุ 12-18 ปี ว่า สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก 2 ล้านโดสจะมาวันที่ 29 ก.ย.นี้ ยังไม่ได้รับแจ้งการเปลี่ยนแปลง จะนำมาฉีดให้เด็กนักเรียนอายุ 12 ถึง 18 ปี ก่อน ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงตามความสมัครใจ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สำรวจผู้ปกครองและเด็กนักเรียนที่จะเข้ารับวัคซีน ผ่านสถานศึกษา ซึ่งกลุ่มนี้มีประมาณ 4.5ล้านคน จะทยอยฉีดโดยใช้พื้นที่สถานศึกษาเป็นจุดฉีด ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ที่จะเข้ามาล็อตถัดไปจนครบ 30 ล้านโดส จะฉีดกลุ่มใดต่อรวมถึงเป็นเข็ม 3 […]

error: