ชลน่าน แง้มประตูรอพิจารณา “ขยายเวลาขายเหล้า” สั่งเร่งศึกษาข้อมูลเพิ่ม

Advertisement 19 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 ที่มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯ ว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ที่เกี่ยวกับการพิจารณาขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารทั่วไป ยืนยันว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ จึงมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมโรคในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน เหตุผลที่จะต้องมีการศึกษา คือ 1.เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่ 1.ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 พ.ศ.2515 ซึ่งเสมือนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ต้องปฏิบัติตาม 2.พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และ 3.พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 ของกระทรวงมหาดไทย นอกจากนั้น ยังรวมถึงกฎกระทรวงที่ออกมารองรับประกาศคณะปฏิวัติและกฎกระทรวงต่างๆ ที่ออกมาเป็นประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวกับการกำหนดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้น หากจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ต้องดูกฎหมายเหล่านี้ เพราะมีการบังคับเอาไว้ว่า คณะกรรมการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีมติอย่างไรนั้น จะต้องมีการศึกษาความเกี่ยวพันของกฎหมายด้วย Advertisement Advertisement นพ.ชลน่านกล่าวว่า 2.ต้องศึกษามิติทางด้านเศรษฐกิจสังคมและสุขภาพ โดยคณะกรรมการฯ […]

หมอชลน่าน พร้อมลุย บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่เฟส 2 เริ่ม มี.ค.นี้

เกาะติดความคืบหน้านโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ โดยล่าสุด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวว่า การดำเนินงานระยะที่ 1 ใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ประชาชนให้การตอบรับอย่างมากเนื่องจากช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการใกล้บ้าน ขณะเดียวกันก็ช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะงานด้านเอกสาร จากการเชื่อมโยงระบบข้อมูลประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (PHR) สำหรับการเดินหน้าต่อในระยะที่ 2 อีก 8 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา ซึ่งตั้งเป้าจะคิกออฟในเดือนมีนาคมนี้ ในส่วนของการเชื่อมโยงประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (PHR) โรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้งโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน 8 จังหวัดรวม 96 แห่งดำเนินการครบถ้วนแล้ว และแต่ละจังหวัดยังมีความก้าวหน้าอย่างมากในหลาย ๆ เรื่อง อาทิ พังงา […]

ชลน่าน ผุด “น่านโมเดล” เมืองสุขภาพดีแห่งใหม่ของโลก ดึงนักเที่ยว-คนสูงวัยพักผ่อน สร้างเศรษฐกิจไปด้วย

23 ก.ย. 2566 – นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังติดตามการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน โรงพยาบาลน่าน และ โรงพยาบาลเวียงสา นพ.ชลน่าน กล่าวว่า น่านเป็นจังหวัดขนาดเล็ก มีประชากร 4.7 แสนคน แต่มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนงานตามนโยบายของ สธ.ที่ประกาศเดินหน้าในปี 2567 ในทุกด้าน ตั้งแต่การสนองงานโครงการพระราชดำริฯ เฉลิมพระเกียรติ โดยมี รพ.สมเด็จพระยุพราช (รพร.) รพ.เฉลิมพระเกียรติ สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ และสุขศาลาพระราชทาน ร่วมกันดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีแผนในการพัฒนาโรงพยาบาลแม่ข่าย ได้แก่ โซนเหนือ 5 อำเภอ มี รพร.ปัว เป็นแม่ข่าย จะเพิ่มศักยภาพห้องผ่าตัด ไอซียู ห้องฉุกเฉินคุณภาพ การวินิฉัยด้วย CT/MRI, โซนกลาง 7 อำเภอ รพ.น่าน เป็นแม่ข่าย จะยกระดับเป็นศูนย์ความเลิศด้านหัวใจครบวงจร มะเร็งครบวงจร และโซนใต้ 3 อำเภอ […]

“ชลน่าน” เดือด ปมถูกกล่าวหาว่าตระบัดสัตย์ ชี้ “ลาออก” กับ “รับตำแหน่งรัฐมนตรี” ชี้เป็นคนละเงื่อนไขกัน

12 ก.ย. 2566 – นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ได้ลุกขึ้นชี้แจงหลังถูกพาดพิงจาก นายปิยณัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายว่า ตนไม่มีทางเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะกล้าหาญพอที่จะดำเนินนโยบายตามที่ได้แถลงไว้ หากเราจำกันได้มีอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ไปเป็นรัฐมนตรีอยู่ในเวลานี้ ตะบัดสัตย์จนต้องลาออก จากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อเปิดทางไปผสมข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล จากนั้นไม่นานก็ได้ปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรี ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ขอให้ถอนคำว่าตะบัดสัตย์​ เนื่องจากเป็นคำที่เสียดสี แม้จะไม่บอกว่าเป็นใคร แต่บอกว่าหัวหน้าพรรค ก็รู้อยู่ ซึ่ง นายปิยณัฐ ยอมถอนและเปลี่ยนเป็นโกหกแทน ทำให้ นพ.ชลน่าน ลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ขอชี้แจงว่าตนต้องลาออก เพราะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนได้พูดไว้ ถ้าตนรับผิดชอบในสิ่งที่พูดไว้ถือว่าเป็นการตะบัดสัตย์ ความคิดและนิยามอย่างนี้น่าจะเป็นวาทกรรมที่ทำให้สังคมเจ็บป่วยอย่างมาก เป็นการเจ็บป่วยทางสติปัญญาที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง เพราะสุขภาวะอย่างนี้ คนกลุ่มหนึ่งสร้างความเจ็บป่วยในสังคม ทำให้สังคมแตกแยก ประชาชนโดยรวมบาดเจ็บ ประเทศชาติเสียหาย วาทะกรรมอย่างนี้ทำให้ตนเสียหาย และการที่ตนลาออกกับการรับตำแหน่งรัฐมนตรี ถ้าผู้อภิปรายได้ตระหนักรู้ในระบบรัฐสภา ระบบเสียงข้างมากจะเข้าใจในบริบท เพราะเป็นคนละเงื่อนไข ถ้าไม่ยอมรับเสียงข้างมาก ยอมรับด้วยความเป็นไปตามอำเภอใจท่านได้เป็นรัฐบาลไปแล้ว ถ้าท่านไม่ยอมรับท่านอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ ที่สำคัญระบบเสียงข้างมากที่ศักดิ์สิทธิ์​คือระบบเสียงข้างมากที่ห่วงความปลอดภัยของประชาชน ถ้ามีเงื่อนไขที่เป็นอันตรายต่อประชาชนเสียงข้างมากปฏิเสธท่านแน่นอน […]

error: