ผบช.ก. ยืนยัน “ไม่พบส่วยสติกเกอร์” แล้ว หลังจากตรวจสอบเข้มงวด3หน่วยงาน

Advertisement หลังจากที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้ย้ายผู้บังคับการตำรวจทางหลวงไปแล้ว และให้พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ไปรักษาราชการแทนและตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่พบว่ามีการจ่ายส่วยสติกเกอร์แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ที่มีการร้องเรียนและสั่งย้ายตำรวจทางหลวงกว่า 40 นายมาตรวจสอบ เชื่อว่าบางส่วนมีการกระทำความผิด แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ส่งมาให้อยู่ ซึ่งขณะนี้ตำรวจทางหลวงได้ปรับเปลี่ยนการทำงานมากขึ้น โดยเน้นการทำงานสืบสวนจับกุมกับหน่วยอื่นๆ เช่น การจับรถที่ขนยาเสพติด รถยนต์เถื่อน สวมป้ายทะเบียน การลักลอบค้ามนุษย์ เป็นต้น Advertisement Advertisement ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ยังมีอยู่ 3 ส่วน คือ ชุดตรวจสอบข้อเท็จจริงจากจเรตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งหากชุดใดพบความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน แต่การรับส่วยดังกล่าว เชื่อว่ามีคนกลางที่รับส่วย และส่งไปยังหลายหน่วยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งหากใครพบมีการจ่ายส่วยอยู่อีกก็สามารถแจ้งมาได้ ส่วนการพิจารณาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจทางหลวงคนต่อไป เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องรอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ก่อน ส่วนการแต่งตั้งผู้บังคับการก็จะเป็นลำดับถัดไป ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำงานร่วมกับรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวงอยู่ยังเป็นไปในทิศทางที่ดี ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง   ข่าวจาก : mono29

แจ้งจับชายโพสต์คลิปมั่ว อ้าง ตร.ทางหลวงไม่มีอำนาจจับปรับ

8 ธันวาคม ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พลตำรวจตรีเอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง แถลงแจ้งดำเนินคดีกับชายคนหนึ่ง ซึ่งทำการโพสต์คลิปด่าทอระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงกำลังปฎิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจอยู่ที่หน่วยบริการประชาชน ตำรวจทางหลวงคลองขลุง ทล.1 กม.414 ตำบลคลองขลุง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร โดยอ้างว่าตำรวจทางหลวงไม่มีอำนาจจับกุมเปรียบเทียบปรับ อ้างว่าไม่ใช่เจ้าพนักงานจราจร มีการโพสต์ข้อความระบุว่า “งามใส้ล่ะทีนี้ แล้วอย่างงี้ตำรวจ ฉลามบกทางหลวงจะไปหากินยังไงต่อล่ะเนี่ยะ?” ที่แชร์กันอยู่ในโซเชียล ส่งต่อทางไลน์ในเวลานี้ พลตำรวจตรีเอกราช ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด กล่าวว่า ชายคนดังกล่าวได้ขับรถยนต์มาพบกับตำรวจทางหลวงที่กำลังตั้งด่านเปรียบเทียบปรับแก๊งค์รถจักรยานยนต์ฮาเลย์ที่กระทำความผิดอยู่ ระหว่างนั้นชายคนนี้ซึ่งไม่ได้รู้จักกับแก๊งค์ฮาเลย์ ได้หยุดรถและลงมาทำการต่อว่าด่าทอตำรวจที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ เรื่องนี้ยืนยันว่าตำรวจทางหลวงมีอำนาจหน้าที่เพราะเป็นหน่วยงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนบนทางหลวงทั่วประเทศซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าพนักงานจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก รวมทั้งยังเป็นเจ้าพนักงานทางหลวงตามพระราชบัญญัติทางหลวง ความผิดที่มีโทษอาญาทุกประการ สามารถดำเนินการจับกุมต่อผู้กระทำความผิดได้ มีพื้นที่รับผิดชอบคือถนนทางหลวงทั่วประเทศ หากพบเห็นตำรวจทางหลวงปฎิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจ ขอให้เชื่อมั่น เบื้องต้น ชายที่ทำการโพสต์คลิปดังกล่าวยังไม่ได้ติดต่อเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดข้อหา นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ, หมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่, โฆษณานำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ ความผิดดังกล่าวนั้นยอมความไม่ได้ พร้อมฝากเตือนไปยังประชาชนว่าอยากให้ช่วยกันปฎิบัติตามกฎหมาย ตำรวจมีหน้าที่ควบคุมดูแลบังคับใช้กฎหมาย เพื่อความสงบสุขและเป็นระเบียบ ขอให้มั่นใจว่าไม่มีตำรวจคนไหนดำเนินการตั้งด่านโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ หน่วยงานรับฟังความคิดเห็นในทุกเรื่อง แต่ขอให้ดำเนินการอย่างสุจริต.   ข่าวจาก : […]

ตร.ทางหลวงขอโทษ ปชช. กรณีรถหลวงถ่ายพรีเวดดิ้ง สั่งสอบ-เอาผิดทางวินัย

วันนี้ (22 สิงหาคม) กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี ปรากฏภาพหรือคลิปวิดีโอทางสื่อออนไลน์ที่นายตำรวจนำรถหลวงมาถ่ายพรีเวดดิ้ง จากการตรวจสอบในเบื้องต้นข้อเท็จจริงพบว่า คลิปดังกล่าวถูกถ่ายไว้เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2565 โดยตำรวจผู้ปรากฏในคลิปเป็นข้าราชการตำรวจทางหลวงจริง และสถานที่ที่ปรากฏคือ สถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการที่ได้ตั้งขึ้น หากพบว่ามีพฤติกรรมที่เป็นความผิดวินัยจะได้ดำเนินการทางวินัยโดยเคร่งครัดต่อไป อย่างไรก็ตาม กองบังคับการตำรวจทางหลวงต้องขออภัยต่อพี่น้องประชาชนและสังคมจากคลิปดังกล่าว และขอขอบคุณในความห่วงใยในความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวงจะได้กำชับและควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปด้วยความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กองบังคับการตำรวจทางหลวงยังคงมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด   ข่าวจาก : thestandard

จุดจบสายเบี้ยว! ตร.ตามไปจับถึงบ้าน หนุ่มไม่จ่ายใบสั่งเกือบ50ครั้ง

ทำผิดซ้ำซากระวังไว้ ตำรวจ ตามไปจับถึงบ้าน หนุ่มไม่จ่ายใบสั่งเกือบ 50 ครั้ง เตือนประชาชนขอให้ปฎิบัติตามกฎหมาย ช่วยกันลดอุบัติเหตุ ตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เตือนประชาชนขอให้ปฎิบัติตามกฎหมาย ช่วยกันลดอุบัติเหตุ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ บังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพให้ประชาชนปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยเพจเฟซบุ๊ก “ตำรวจทางหลวง” ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ เตือนสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ว่า “ไม่แน่ใจว่าใครคือคนริเริ่มความคิดที่ว่าเมื่อได้ใบสั่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องชำระค่าปรับ สามารถกระทำผิดซ้ำๆได้ ให้เพิกเฉยต่อคำสั่งเจ้าหน้าที่เห็นเงียบๆ แต่ตามจับถึงที่เพียบนะครับ ทำไปได้ยังไง ซ้ำแล้วซ้ำอีกวันนี้เลยมาตามจับถึงที่เลยครับ” ตำรวจทางหลวง5 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวง รับผิดชอบจังหวัดพะเยาและเชียงราย (ทล.5 กก.5) พะเยา/เชียงราย ร่วมกับ สภ.เมืองเชียงราย ขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับผู้กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง จำนวน 2 ราย -รายแรก คือ นายวริสสร พบการกระทำผิดทั้งหมด จำนวน 47 ครั้ง ตามหมายจับของศาลแขวงเชียงราย ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดง และ ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรบนทางเท้า […]

รมว.คมนาคมสั่ง’ตำรวจทางหลวง’ ถกกำหนดมาตรฐานตั้งด่าน

  “อาคม”สั่ง ทล.หารือตำรวจทางหลวง กำหนดมาตรฐานตั้งด่านบนถนน ป้องกันเกิดอุบัติเหตุ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่มีตำรวจทางหลวงตั้งด่านเรียกรถบนถนนทางหลวง จนเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนว่า ในเรื่องดังกล่าวได้สั่งการให้กรมทางหลวง(ทล.)ประสานงานกับตำรวจทางหลวงถึงการตั้งด่านตรวจบนถนนของกรมทางหลวงให้มีมาตรฐานและความเข้าใจตรงกันในเรื่องการตั้งด่านในระยะที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพราะตามหลักการที่กรมทางหลวงอนุญาตให้กรมการขนส่งทางบก(ขบ.)ตั้งด่าน คือ ด่านชั่งน้ำหนักรถบรรทุกเกินพิกัด ส่วนตำรวจทางหลวงตั้งด่านตามกฎหมายก็สามารถตั้งด่านได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเพื่อทำความเข้าใจไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ “การทิ้งระยะห่างระหว่างรถแต่ละคันจะต้องมีความเหมาะสม ซึ่งจะมีความสำพันธ์กับความเร็วด้วย เช่น จากหลักการพบว่าหากขับรถด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตร(กม.)/ชั่วโมง(ชม.) ระยะห่างจะอยู่ที่ 27.7 เมตร หรือประมาณ 1 ช่วงเสาไฟฟ้า และหากขับรถที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ระยะห่างคันหน้าจะห่างกันที่ 20 เมตร ดังนั้นการขับรถในทางปฎิบัติต้องดูระยะห่างให้ดี หากคนขับรถถูกตำรวจทางหลวงเรียกขณะขับรถ ในทางปฏิบัติอย่าเบรกกะทันหัน เพราะอาจถูกรถคันหลังที่ตามมาชนท้ายได้ ทางที่ดีควรค่อยๆลดความเร็วและลงไหล่ทาง ซึ่งจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้”นายอาคม กล่าว ข่าวจาก : มติชนออนไลน์

error: