ขรก.เบิกค่ารักษาพยาบาล ผ่าน “แอปเป๋าตัง” ได้เลย สะดวกไม่ต้องรอคิว

Advertisement 8 มกราคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการยกระดับการให้บริการประชาชนตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล โดยล่าสุด แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ได้เพิ่มการบริการแก่ข้าราชการในการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกกับกรมบัญชีกลาง ซึ่งเพิ่มความสะดวก ง่าย และไม่ต้องรอคิวอีกต่อไป เพียงกดเข้าไปในเมนู “กระเป๋าสุขภาพ” แล้วดำเนินการดังนี้ Advertisement 1.เลือกเมนูชำระ/เบิกค่ารักษา 2.เลือกโรงพยาบาลและรายการที่ต้องการใช้สิทธิ 3.ตรวจสอบรายละเอียดและกดปุ่มยืนยันการใช้สิทธิ Advertisement ในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ข้าราชการสามารถเลือกชำระผ่านKrungthai NEXT หรือสแกน QR Code ได้ ซึ่งประวัติการทำรายการและรายละเอียดการชำระเงินจะบันทึกอยู่ในเมนูเอกสารทางการเงิน สามารถเรียกดูได้ตลอดเวลา “ต่อไปนี้ การใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ จะเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวจ่ายเงิน และชำระส่วนเกินได้ทันที ทั้งหลายทั้งปวง เป็นการขับเคลื่อนงานภายใต้นโยบายรัฐบาลดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และยกระดับงานบริการแก่ประชาชน” นางสาวรัชดา กล่าว   ข่าวจาก : TNN ONLINE

คนไข้แชร์ประสบการณ์ รักษา รพ.ดัง คิดค่าใช้จ่ายผิดกว่า8หมื่นบาท

จากกรณีมีการเผยแพร่โพสต์ในเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ ว่า เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านบางกอกน้อย แต่พบว่า ค่ารักษาพยาบาลถูกคิดผิดไปกว่าแปดหมื่นบาททั้งที่ค่ารักษาพยาบาลเพียงห้าพันบาทเท่านั้น ​เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวข่าวสดออนไลน์ ติดต่อไปยัง น.ส.นัน นามสมมุติ ทนายความซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหายรายหนึ่ง ที่แม่ได้เข้ารับการรักษาอาการเข่าบวม ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านบางกอกน้อย ก่อนที่จะได้รับแจ้งค่ารักษาพยาบาลกว่า 8.9 หมื่นบาท โดยไม่มีการผ่าตัดหรือแอดมิท ซึ่งท้ายสุดโรงพยาบาลดังกล่าวได้คืนเงินให้เต็มจำนวนแต่ชี้แจงเพียงว่าเหตุเกิดจากการคิดเงินผิด โดย น.ส.นัน เปิดเผยว่า คนไข้คือเพื่อนของแม่ ไปรักษาอาการเข่าบวมโดยได้เจาะเอาน้ำในเข่าออกทั้ง 2 ข้าง เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อรักษาเสร็จก็กลับบ้านได้ ไม่ต้องแอดมิท แต่พอชำระเงิน กลับคิดค่าค่ารักษาทั้งหมดกว่า 8.9 หมื่นบาท ซึ่งคนไข้ก็ไปคุยกับฝ่ายการเงินอยู่นานว่าเหตุใดถึงแพง แต่สุดท้ายก็จ่ายเงินไป ทั้งนี้ คนไข้ได้นำเรื่องมาปรึกษาตน จึงไปดูที่ใบเสร็จ พบว่ามีค่าเวชภัณฑ์ 3 ​จึงไปปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอ ทราบว่า คืออุปกรณ์ที่ใส่เข้าไปในร่างกาย เช่น น็อตยึดกระดูก หรือกระดูกเทียม และจะพบในเคสผ่าตัด ซึ่งกรณีนี้ไม่มีผ่าตัด น.ส.นัน กล่าวอีกว่า เมื่อทราบเรื่อง ผู้เสียหายจึงติดต่อโรงพยาบาลไปเพื่อขอคำชี้แจง ก่อนจะได้รับการตอบกลับเพียงว่าคิดเงินผิดทั้งหมด เนื่องจากพยาบาลกรอกข้อมูลผิด ซึ่งตามจริงมีค่าใช้จ่ายเพียง 5 พันกว่าบาท แต่จะต้องใช้เวลาคืนเงิน 1 เดือน จึงไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนที่เป็นหมอ ไปบอกกับหมอในโรงพยาบาลแห่งนี้ทราบ เรื่องจึงเร็วขึ้น ก่อนจะได้เงินคืนกลับมาในวันที่ 1 ธ.ค.ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่อง ยังไม่มีบุคคลระดับผู้บริหารออกมาชี้แจง มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการเท่านั้น จึงเกิดความสงสัยว่า […]

ผลวิจัยชี้ คนเจนวายมีทรัพย์สิน-ความมั่นคงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับพ่อแม่สมัยหนุ่มสาว เหตุเพราะค่ารักษาพยาบาล-ค่าเล่าเรียนสูงขึ้น

  ที่ผ่านมาคนเจนวาย หรือคนอายุตั้งแต่ 20-35 ปีตกเป็นแพะรับบาปกรณีธุรกิจต่างๆล้มหายตายจาก เนื่องจากคนวัยนี้ไม่ฮิตซื้อบ้านหรือบริโภคสินค้าบริภาคอย่างวัยอื่น ๆ ล่าสุดมีผลวิจัยออกมาแล้วว่าพฤติกรรมกินน้อยใช้น้อยของคนยุคนี้ เป็นเพราะพวกเขาจนกว่าคนยุคก่อน ๆ ต่างหาก การวิจัยของสถาบัน the Federal Reserve นำเอาตัวเลขการเงินของคนหนุ่มสาวยุคนี้ถูกนำมาเทียบกับคนเจนเอ็กซ์ คนรุ่นเบบี้บลูมเมอร์ และคนรุ่นสงครามโลก โดยดูทั้งการใช้จ่าย รายได้ หนี้สิน และจำนวนประชากรในแต่ละรุ่น โดยพบว่า พวกเขาไม่ได้มีความสนใจในการบริโภคต่างไปจากคนยุคก่อน ๆ แต่อย่างใด เพราะตัวเลขการซื้อยานพาหนะก็นับเป็น 20% ของการซื้อขายทั้งหมดเหมือนกับรุ่นก่อน ๆ แต่พวกเขามีรายได้น้อยกว่าตอนพ่อแม่เริ่มทำงาน มีสินทรัพย์น้อยว่า และมีความมั่งคั่งน้อยกว่าด้วย คนที่เกิดช่วงปี 1981-1997 เติบโตมาเป็นวัยทำงานในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำปี 2007-2009 พอดี จึงต้องเจอกับทั้งปัญหาตกงานและหาเงินกู้ยืมได้ลำบาก พอโตมาในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้คนรุ่นนี้ชอบประหยัดอดออม ซึ่งคนรุ่นนี้แทบทุกคนต้องอยู่แบบกระเบียดกระเสียด เทียบกับพ่อแม่ที่เจอกับสภาวะแบบนี้ไม่กี่คน งานวิจัยยังได้ดูตัวเลขหนี้สินของแต่ละรุ่น พบว่าเด็กเจนวายมีหนี้พอ ๆ กับคนเจนเอ็กซ์ แต่ถ้าเทียบกับคนยุคเบบี้บลูมเมอร์แล้ว ตัวเลขหนี้สินของคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ถือว่าสูงมาก นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าอีกอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้คนหนุ่มสาวยุคนี้จนเหลือเกิน มาจากค่ารักษาพยาบาลและค่าศึกษาเล่าเรียนพุ่งสูงขึ้นด้วย อ่านงานวิจัยเต็ม ๆ ได้ที่ : […]

error: