ข้อคิดว่าที่บ่าวสาว…งานแต่ง ทำไมต้องกำหนดธีมสีชุด ‘อย่าทำให้แขกลำบากใจ’

  การแต่งงานของคนสมัยนี้มักจะมีการกำหนดธีมเพื่อให้งานทั้งงานมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน สวยงาม บางงานโชคดี ธีมง่าย หาชุดอะไรก็ง่ายไม่ซับซ้อน แต่บางงานก็ทำให้แขกลำบากใจ หาชุดยากไปอีก บางคนไม่อยากมาเลยก็มี เฟซบุ๊ก ชินภัทร ตันศรีสกุล โพสต์ข้อคิดเกี่ยวกับงานแต่งงานกำหนดธีม เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว โดยระบุข้อความว่า… สมัยนี้งานแต่งงาน เจ้าภาพมักกำหนด "theme" (ชอบออกเสียงกันนักว่า ตีม) ชุดอย่างนี้ สีอย่างนั้น…เคยได้รับเชิญไปงานแต่งที่ กทม. ไม่ได้อ่านบัตรเชิญละเอียด เลยแต่งเสื้อนอกไหมไทยไป โดนเจ้าภาพล้อว่าแต่งตัวต่างจากคนอื่น.นึกอยู่ในใจว่า อุตส่าห์นั่งเครื่องบิน ไป-กลับ 5,000 กว่าบาท.ค่าแท็กซี่ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวพร้อมเงินใส่ซองจำนวนหนึ่ง เบ็ดเสร็จหมื่นกว่าบาท.แต่มาถึงงานได้รับคำทักแบบนี้แทบจะวิ่งออกจากงานไปเลย. ข้อความต่อไปนี้มาจากไลน์กลุ่มเพื่อนนิด้า มันแทงใจดำ อ่านสักหน่อยนะครับ "ตีม theme" มันคือยังไงกัน. จริงๆงานแต่งหลายงานที่ไม่ได้ไปแค่ฝากซอง.ก็เพราะการกำหนดชุดตีมงาน.ใส่ซองแล้วยังต้องมาเช่า หรือ ซื้อชุดเพื่อไปงานเลี้ยงอีก. อ่านให้จบนะครับ.ดีมากๆแต่เสียดายที่ไม่ทราบว่าผู้ใดเขียน.อยากให้เครดิตเป็นอย่างยิ่ง.เพราะเขียนได้ดีมากๆ. ขอบคุณเจ้าของข้อความด้านล่างมา ณ ที่นี้ด้วยครับ. ………………………………… ขอสอนลูกหลานในตระกูลของฉัน.ลูกหลานคนไหนมีงานออกการ์ดเชิญแขก ก็อย่าทำให้แขกลำบากใจ ทุกวันนี้ฉันไม่เข้าใจว่า ธรรมเนียมการแต่งตัวไปร่วมงาน โดยเฉพาะงานแต่งงาน ใครกันนะริเริ่มค่านิยมกำหนด? คำว่า "ตรีม/ทรีม" อะไรประมาณนี้ […]

ข้อคิดเตือนใจ…ชีวิตจะมีความสุขได้ ถ้าไม่พยายามเอาชนะคนโง่4ประเภทนี้!

  ปล่อยคนโง่ ให้เป็นไปตามกรรม ก่อนอื่น มาดูกันว่ายังไงบ้างที่เรียกได้ว่า “โง่”     1. ชอบโยนความผิด ถ้าคนธรรมดาทำผิด ก็จะรับและใช้เป็นบทเรียน พร้อมปรับปรุง แก้ไข ในวันต่อไป ไม่ให้ผิดอีก แต่ถ้าผิด แล้วโยนความผิดให้คนอื่น เรียกว่า ‘โง่’ แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองผิด แค่นี้ก็ไม่กล้าปรับปรุง ก็เลยโง่อยู่อย่างนั้น โง่ซ้ำๆ ซากๆ ถ้าเจอคนแบบนี้ อย่ารู้จัก จะดีกว่าเนอะ ปล่อยเขาไป ตามเวรตามกรรมเถอะ 2. ถูกเสมอ อันนี้สืบมากจากข้างบน คือ ยังคิดว่าตัวเองถูกตลอด สังเกตได้ว่าเวลามีข้อขัดแย้ง จะเถียงเอาเป็นเอาตายไม่มีฟังชาวบ้าน ใช้ตรรกะวิบัติ เหตุผลวิบัติไปเรื่อยๆ แถข้างๆ คูๆ เพื่อเอาชนะเราก็เท่านั้น เจอคนแบบนี้ เงียบดีกว่าค่ะ จำไว้ว่า “เสือ ไม่มีวันลดตัวไปกัดกับ หมา” ฉันใด ก็ฉันนั้น เจ้าค่ะ 3. ก้าวร้าว เพื่อกลบเกลื่อน มีการวิจัยมาว่า […]

อ่านกี่ครั้งก็โดนใจ! 14ข้อคิดจากการทำงานมา5ปี อ่านแล้วคิดให้ดีก่อนจะเลือกทางเดินไหนต่อ!

  ข้อคิดที่ได้จากการทำงานมาครบ 5 ปี 1. วิธีการขึ้นเงินเดือนที่เร็วที่สุดคือ การย้ายงาน ไม่ใช่ขึ้นตำแหน่งในบริษัทเดิม 2. ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด บริษัทไม่รักคุณเท่าครอบครัวของคุณหรอก ถ้าวันนี้คุณทำงานหนักแล้วล้มป่วยไป อีก 2 เดือนข้างหน้าบริษัทก็จ้างคนใหม่มาทำงานแทนคุณแล้ว 3. อย่าทำงานจนละเลยสุขภาพของตัวเอง ไม่มีความสำเร็จใด ทดแทนสุขภาพที่เสียไปได้ อันนี้สำคัญสุด 4. ไอ้คนที่พูดแต่เรื่องให้คุณเสียสละทุกอย่าง ถวายตัวกับงาน .office คือบ้าน ต้องกลับดึก ฯลฯ , พูดเรื่อง company loyalty/spirit/team work ซ้ำไปซ้ำมา คือ คนที่หลอกใช้คุณเพื่อความเจริญของเขาเอง 5. คนที่เจริญได้เพราะนำเสนอ + ทำ Powerpoint + สรุปงานเก่ง แต่ทำงานไม่ได้เรื่องอะไรเลยมีอยู่จริง คุณเหนือกว่าพวกเค้าได้ด้วยการทำงานให้เก่งด้วย + Present ตัวเอง 6. ควรเก็บออมเงินตั้งแต่ปีแรกของการทำงาน เพราะปีแรกของการทำงานคุณจะสนุกกับการใช้เงินจนลืมเก็บตังค์ 7. ผมเคยทำงานแบบถวายหัวชนิดทิ้งทุกอย่าง ทิ้งบ้านทิ้งครอบครัว ทิ้งเพื่อนฝูง เพื่องาน […]

วิกรมเผย คนไทยตกงานเพราะ10จุดอ่อนนี้! จริงหรือไม่? ต้องอ่าน!

  เคยสงสัยหรือไม่? ทำไมคนไทยเก่งก็เยอะ แต่เหตุใดไม่พัฒนาไปไหนไกล? เคยสงสัยหรือไม่? ทำไมคนไทยหลายคนตกงานเพียบ ทั้งที่อัตราผู้เรียนจบวุฒิ ป.ตรี ก็เพียบ? วิกรม กรมดิษฐ์ วิเคราะห์จุดอ่อนคนไทย 10 ข้อไว้ด้วยกันดังนี้ 1. คนไทยรู้จักตัวตนของเราเองต่ำมาก กล่าว คือ รู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม ต่างกับชาติที่เจริญแล้ว เขาจะมีสำนึกต่อสังคมส่วนรวมสูงมาก ของเราจะไม่คำนึงถึงส่วนรวม แต่จะเป็นประเภทมือใครยาวสาวได้สาวเอา จนทำให้เกิดวัฒนธรรมสืบทอดกันมายาวนาน โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจทุกระดับชั้น จนมีคำพูดว่า ธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ทุกคนแสวงหาอำนาจเพื่อจะตักตวงเพราะความไม่รู้จักตัวตน ไม่รู้จักประเทศของตัวเองเช่นนี้แล้ว ทำให้ประเทศชาติของเราล้าหลังไปเรื่อย ๆ 2. การศึกษาของไทยยังไม่ทันสมัย สอนให้คนเห็นแก่ตัวมากกว่า ขาดจิตสำนึกต่อสังคม แม้แต่ภาษาคนไทยจะเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้เราขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่าง ๆ ประเทศอื่น ๆ รู้จักคนไทยน้อยมาก เพราะคนไทยไม่กล้าแสดงออก ขี้อาย ไม่มั่นใจในตัวเอง เราจึงตามหลังชาติอื่น เพราะคุณภาพการศึกษาของเราไม่ทันสมัย จะเห็นว่าคนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อโอกาสที่ดีกว่า 3. คนไทยมองอนาคตไม่เป็น เท่าที่สังเกตเห็นว่าคนไทยกว่า 70% ทำ งานแบบไร้อนาคต แบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวัน ๆ น้อยนักที่จะวางแผนให้ตัวเองอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน […]

คิดซะว่าซื้อคนออกไปจากชีวิต! ข้อคิดจากความเจ็บปวดที่โดน’ยืมเงินแล้วไม่คืน’

  1. ให้เงินคนอื่นยืม เท่ากับจ่ายเงินซื้อศัตรู! อย่าเอะอะก็อยากยืมเงินใครๆ และอย่าอะไรๆก็ให้เงินเขายืม ความสูญเสียหลังจากให้เงินคนอื่นยืมไม่ใช่เงิน แต่เป็นมิตรภาพ! จุดเริ่มต้นเพราะคุณอยากช่วย แต่สุดท้ายความซวยจะมาเยือน 2. ยืมเงินเพื่อน เท่ากับหลอกเงินเพื่อน 3. ส่วนมาก คนที่ให้เงินเขายืมเงินมักจำได้ แต่คนที่ไปยืมเงินเขามามักจะลืม! คนให้ยืมไม่กล้าทวง คนยืมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน คนให้ยืมกลับรู้สึกกระอักกระอ่วน ส่วนคนยืมกลับไม่รู้สึกอะไร! 4. คนที่ถูกยืมเงินกลัวถูกยืมเป็นครั้งที่สอง เอาไปเอามา เสียทั้งเงินเสียทั้งเพื่อน 5. ก่อนมายืมเงินคบหาเป็นเพื่อน หลังยืมเงินไปกลายเป็นพี่ใหญ่ พอเอาเงินมาคืนทำตัวยังกับเป็นผู้มีพระคุณ     6. อย่าให้คนที่ไม่สนิทยืมเงิน เพราะคนที่เขาสนิทไม่มีใครให้เขายืมแล้ว 7. หากกำลังคบหากันเป็นแฟน เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากขอยืมเงิน จงปลีกตัวออกห่างในทันที เพราะหากเขาและเธอไม่ได้หลอกลวงคุณ เขาและเธอก็อาจเป็นคนไม่เอาถ่าน หากให้ยืม ก็ต้องเตรียมใจกับความสัมพันธ์ที่กำลังจะเปลี่ยนไป 8. จำไว้นะ ที่ให้เธอยืมเงินในตอนนั้นไม่ใช่เพราะฉันมีเงินมาก แต่เพราะน้ำใจที่อยากให้เธอผ่านเรื่องร้ายไปได้ด้วยดี ที่ให้ยืมนั้นไม่ใช่แค่เงิน แต่มันคือความเห็นใจ ความเชื่อใจ 9. หากคนที่เคยยืมเงินกลับมายืมเงินอีกเป็นครั้งที่สอง ทั้งๆที่ครั้งแรกยังไม่คืน คนแบบนี้ไม่เคยสำนึกคุณเงินที่คุณให้ยืมไปครั้งแรก แต่เขาจะโกรธแค้นที่คุณไม่ให้เขายืมอีกในครั้งที่สอง […]

สละเวลาอ่านสัก3นาทีชีวิตเปลี่ยน…’อย่าอวดเงิน อย่าอวดงาน อย่าอวดรถ’

  หากชีวิตเรา ถือเงินทองเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความยากลำบาก หากชีวิตเรา ถือบุตรธิดาเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความเหนื่อยล้า หากชีวิตเรา ถือความรักเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความเจ็บปวด หากชีวิตเรา ถือการแข่งขันเปรียบเทียบเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความตกต่ำ หากชีวิตเรา ถือความเอื้อเฟื้อใจกว้างเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความโชคดีมีสุข หากชีวิตเรา ถือความพอเพียงเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ความสุข หากชีวิตเรา ถือบุญคุณเป็นจุดมุ่งหมายเป็นศูนย์กลาง ชีวิตนั้นมีแต่ใจเมตตา คุณธรรม สุภาพบุรุษ 6 ประการ 1. การเป็นคน : เหนือเราให้นบน้อม ใต้เราอย่าดูหมิ่น นั้นคือ ธรรมเนียมปฏิบัติ 2. การงาน : เรื่องใหญ่ให้จริงจัง เรื่องเล็กที่ไม่สำคัญอย่าใส่ใจ ถือเป็นปัญญา 3. เกี่ยวเนื่องผลประโยชน์ : สามารถได้ 6 ส่วน แต่เอาเพียง 4 ส่วน ถือเป็นคุณธรรม 4. ความเที่ยงตรง : รักษาตัวดั่งเช่นดอกบัว หอมใสสะอาดขจรไกล ถือเป็นความเที่ยงธรรม 5. การปฏิบัติกับคน : นอกในเป็นหนึ่งเดียว สัตย์ซื่อต่อผู้คน ถือเป็นความน่าเชื่อถือ 6. การบำเพ็ญ : รวมศูนย์จิตสมาธิ เคารพฟ้ารักผู้คน ถือเป็นเมตตาธรรม เวลาไม่มีเงิน ขอให้ขยันทำงาน เงินก็มา อันนี้เรียกว่า สวรรค์ประทานรางวัลให้ความขยัน เวลามีเงิน เอาเงินออกไป คนก็มาเลย อันนี้เรียกว่าเงินไปคนมา หากมีคนแล้ว […]

error: