“สารัชถ์” แห่ง “กัลฟ์” ขึ้นแท่นรวยสุดในไทย เขี่ยซีพีร่วงไปอันดับ3

Advertisement ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการจัด 10 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2565 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes Thailand Advertisement พบว่า นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ด้วยทรัพย์สิน 11,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.17 แสนล้านบาท) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1.04 เปอร์เซ็นต์ อยู่อันดับ 162 ของโลก แซงหน้าเจ้าสัวซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ รวยลดลง 0.52 เปอร์เซ็นต์ ตกมาลงอยู่อันดับ 3 ของไทย ด้วยทรัพย์สิน 11,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.07 แสนล้านบาท) Advertisement อันดับ 2 ได้แก่ เจริญ สิริวัฒนภักดี […]

ผู้บริหารนิสสันขอโทษ-ยอมเปลี่ยนรถคันใหม่ให้แล้ว หลังรถยับขณะส่งมอบ

กรณีที่นางสาวพร้อมสิริ นามมุงคุณ อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากทางศูนย์บริการรถยนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา หลังจากที่นางสาวพร้อมสิริได้นำรถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน อัลเมร่า เข้าใช้บริการซ่อมที่ศูนย์บริการ โดยหลังจากซ่อมเสร็จพนักงานของศูนย์ได้ขับรถเตรียมนำมาส่งมอบให้กับนางสาวพร้อมสิริ แต่ระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน จนทำให้รถยนต์ของนางสาวพร้อมสิริได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งนางสาวพร้อมสิริได้ยื่นข้อเสนอเพื่อให้ทางศูนย์บริการรับผิดชอบ คือ 1. ขอเปลี่ยนรถคันใหม่ เนื่องจากสภาพรถพังยับเยินมากและรถเพิ่งผ่อนไป 16 งวด เลขไมล์ 18,000 และ 2.ให้ศูนย์นำรถคันที่ชนไปจัดการด้วยการขายซาก โดยนำเงินมาปิดไฟแนนซ์ และคืนเงินดาวน์กับเงินผ่อนให้กับทางนางสาวพร้อมสิริ แต่ถ้าทางศูนย์ยืนยันจะให้ซ่อมรถใช้ต่อจริงๆ ทางนางสาวพร้อมสิริขอค่าเสื่อมของรถ ค่าเสียเวลา และค่าเสียสุขภาพจิต เป็นเงินจำนวน 500,000 บาท แต่ทางศูนย์ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว และยื่นข้อเสนอซ่อมรถคันเดิมให้เป็นจำนวนเงินกว่า 200,000 บาท พร้อมมอบเงินชดเชยให้จำนวน 30,000 บาท ทำให้ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้นั้น ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา (18 สิงหาคม 2565) ผู้บริหารค่ายรถยนต์ดังกล่าว พร้อมด้วยตัวแทนศูนย์บริการ ได้เข้าเจรจากับนางสาวพร้อมสิริอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงปัญหาที่เกิดขึ้นกันได้ด้วยดี โดย นางสาว พร้อมสิริ นามมุงคุณ […]

อนุทินเผยรัฐบาลไม่สนใจแพทย์ชนบท แถลงการณ์แค่นี้ นายกฯแคร์

19 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง กรณีที่แพทย์ชนบท แถลงการณ์ เชิญชวนทุกองค์กรในสังคม แสดงออกขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในประเด็นเรื่องการดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปี ว่า คงทำในนามส่วนตัว เมื่อถามว่ามีการออกแถลงการณ์ในนามชมรมแพทย์ชนบท นายอนุทินกล่าวว่า ก็คงเป็นองค์กรองค์กรหนึ่ง แต่ไม่ได้มีอะไรผูกพันกับกระทรวงสาธารณสุข เป็นเหมือนสมาคมที่ตั้งขึ้นมากันเอง เป็นกลุ่มเป็นก้อน คงจะใช้ความเป็นปัจเจกบุคคลทำความเห็นดังกล่าว แต่กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้รับฟังอะไร ถ้าฟังแล้วไม่เข้าท่า เมื่อถามว่า กรณีที่เป็นแพทย์ในกระทรวง และไปแสดงออกเช่นนี้ ทำได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่อยากจะไปตอบโต้หรือโต้เถียง เพราะอะไรที่เขียนมาไม่มีสาระ ไม่มีความหมาย และไม่ผูกพัน กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจอยู่แล้ว ข้อความอะไรเยอะแยะที่เขียนมา ก็ไม่ได้ทำตามสักเรื่อง อย่าไปสนใจ แต่ว่า เป็นสิทธิเสรีภาพ ในฐานะประชาชนที่จะเขียนอะไรก็ได้ ถ้าเป็นข้าราชการ เข้าข่ายผิดวินัย เขามีผู้บังคับบัญชาที่จะจัดดูการดูแลไป เมื่อถามว่า การออกมาเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ร่วมกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า […]

ผู้ช่วย ผบ.ตร.แจง ไม่ได้ห้ามคนนั่งแค็บ5ก.ย.นี้ ยังอยู่ในขั้นพิจารณายกร่างกม.

19 สิงหาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานและคณะทำงานย่อย เพื่อพิจารณายกร่างกฏหมายลำดับรองและเตรียมความพร้อมในการรองรับการบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ชี้แจงประเด็นที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันในสื่อออนไลน์ ที่ว่า หลังวันที่ 5 กันยายน กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ให้เบาะที่ 2 ต้องคาดเข็มขัด ฝ่าฝืนปรับ 2000 ทำให้คนที่ใช้กระบะแคป ที่ไม่มีเข็มขัด ออกแบบมาเพื่อใส่ของ มีปัญหา พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวขอเรียนชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งข้อเท็จจริง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 โดย ตร. จะต้องออกประกาศเกี่ยวกับการโดยสารในกลุ่มรถ ที่มีที่นั่งที่ไม่สามารถติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ. มีผลใช้บังคับ (ครบกำหนดวันที่ 4 ธันวาคม 2565) โดยจะมีคณะทำงานพิจารณายกร่างกฎหมาย […]

สภานายจ้างคาด ปรับขึ้นค่าแรง 3-4%แน่ต้นปี 66

ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (ECOT) หรือนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เปิดเผยว่า สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำควรจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม คาดว่าถ้าปรับในระดับ 3-4% สามารถปรับขึ้นได้และมีความเป็นไปได้ในระดับที่ไม่สูงมากนัก หากขึ้นระดับสูงผู้ประกอบการจะเดือดร้อน เพราะธุรกิจไม่สามารถดำเนินการได้ต่อได้ และจากการแสข่าวอัตราค่าจ้างจะประขึ้นระดับ 5-8% ต้องดูตามความเหมาะสม ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการไตรภาคีกำลังหารือและพิจารณาถึงตัวเลขที่เหมาะสมอยู่ เพราะฉะนั้นตัวเลขที่จะออกมาต้องเหมาะสม และมองว่าอัตราค่าแรงงานที่เตรียมปรับขึ้น 5-8% เป็นการกรอบอัตราที่ค่อนข้างสูง ถ้ามองกลางๆ 3-5% ค่อนข้างเหมาะสม อีกทั้ง ไม่อยากให้มองเรื่องค่าแรงเป็นหลัก อยากให้มองเรื่องการทำงานที่ดีขึ้นสำหรับการทำงานมากกว่า ทั้งนี้ การพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้กำหนดพื้นที่นำร่อง ได้แก่ พื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจสูง ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในเดือนตุลาคมนี้ ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่ายังปรับขึ้นได้ยาก เนื่องจากประเมินด้วยขั้นตอนกระบวนการทำงานของไตรภาคีจนถึงการเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการมีมติออกมาอาจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร อีกทั้งได้คำนึงถึงภาคธุรกิจที่ได้การกำหนดงบประมาณไว้สำหรับบริหารจัดการในธุรกิจไว้ก่อนแล้ว ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากค่าแรงขั้นต่ำที่อาจจะมีการปรับขึ้นจะเป็นผลกระทบที่ทำให้ภาพธุรกิจหยุดชะงักในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับค่าแรงขั้นต่ำจะสามารถประกาศใช้ได้ในช่วงต้นปี 2566 ประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์   ข่าวจาก : TNN ONLINE

รีบไปฉีดวัคซีน! เตรียมปิด “ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ” 30ก.ย.นี้

(18 ส.ค.65) แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ เปิดเผยว่า ตามแผนการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของศูนย์ฉีดฯ บางซื่อ ที่จะยุติในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ แต่พบว่ายังมีประชาชนทยอยมาฉีดวัคซีนต่อเนื่อง จึงหารือร่วมกับกรมการแพทย์ และ กรมควบคุมโรค ได้ข้อสรุปว่าจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการประกาศให้โรคโควิด-19 เปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตราย เป็น โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ในวันที่ 1 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าเปิดประเทศ เปิดเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย ตั้งเป้าตัวเลขการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ตั้งแต่เข็มที่ 3 ขึ้นไป ไว้ที่ร้อยละ 60-70 ของประชากร ซึ่งขณะนี้ยังฉีดได้ประมาณร้อยละ 50 กว่าๆ จึงจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้มากขึ้นกว่านี้ ขณะที่ ภาพรวมการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ล่าสุดสะสมเพิ่มขึ้น กว่า 142 ล้าน 3 แสนเข็ม ในจำนวนนี้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มสาม สะสมกว่า 26 ล้าน 2 แสนเข็ม […]

เป๋าตังล่ม เหตุคนแห่กดยืนยันสิทธิคนละครึ่ง “กรุงไทย” ขอเวลาแก้ 1 ชม.

วันแรกที่กระทรวงการคลังเปิดลงทะเบียน คนละครึ่งเฟส 5 ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า แอพพลิเคชั่นเป๋าตังไม่สามารถเข้ายืนยันสิทธิได้ นอกจากนี้ เมื่อเข้าแอพพลิเคชั่นได้ กลับไม่มีเมนูให้กดรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ทั้งนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงระบบดังกล่าว และติดแฮชแท็ก #คนละครึ่งเฟส5 จนขึ้นเทรนด์บนทวิตเตอร์ อาทิ ไม่สามารถกดเข้าไปยืนยันรับสิทธิได้, แอปหมุนเป็นวงกลม, ล่มเรียบร้อย, นกที่ตื่นเช้า คือนกที่ตื่นมาล่มแบบนี้ ซึ่งถัดมา ธนาคารกรุงไทย โพสต์ข้อความแจ้งว่า เนื่องจากมีผู้เข้ามายืนยันสิทธิ คนละครึ่งเฟส 5 เป็นจำนวนมาก จึงทำให้แอปฯ เป๋าตัง เข้าใช้งานไม่ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการแก้ไข โดยคาดว่าจะกลับเข้าใช้งานแอปฯได้ภายใน 1 ชั่วโมง ขออภัยในความไม่สะดวก ขณะที่ เมื่อเวลา 08.07 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำนวนสิทธิคนละครึ่งเฟส 5 สำหรับประชาชนที่ไม่เคยเข้าร่วมหรือไม่เคยใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 4 คงเหลือที่ 146,863 สิทธิ   ข่าวจาก […]

ครม.อนุมัติปรับลดภาษี90% ทั้ง แท็กซี่ สามล้อ จยย.รับจ้าง

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า วันที่ 16 สิงหาคม 2565 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา ลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์รับจ้าง(แท็กซี่) รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปี หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยให้ลดภาษีลงร้อยละ 90 จากอัตราที่กำหนดท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เพื่อช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบอาชีพขับรถสาธารณะ อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงขึ้น อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโนบายและกำชับให้กระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบก ออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะ ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2563 ซึ่งกระทบต่อการใช้บริการรถสาธารณะ ประกอบกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการประกอบการของรถสาธารณะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยทั้งรถรถยนต์รับจ้าง(แท็กซี่) รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ จนกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ดังนั้นกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบก จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถรถยนต์รับจ้าง(แท็กซี่) รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปี หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยปรับลดภาษีลงร้อยละ 90 […]

สาวใจเด็ด รุดหย่าหลังผ่าคลอด ลุยด่าอดีตสามีทั้งที่ยังพักฟื้น

เว็บไซต์ sinchew.com.my วันที่ 17 สิงหาคม 2565 เผยว่า ภรรยาสาวรายนี้อาศัยอยู่ในเมืองถังซาน มณฑลเหอเปย์ ประเทศจีน นับตั้งแต่เธอคลอดลูกสาวจากการผ่าคลอด ก็ถูกคนในครอบครัวของสามีแสดงท่าทีไม่ยอมรับ แถมยังถูกต่อว่าเรื่องไม่ยอมทำอะไรเลยหลังคลอด แม่สามียังจี้ให้เธอออกไปทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่ก็ไม่ยอมช่วยดูแลหลาน ในขณะที่สามีของเธอนั้น เรียกว่าไม่ทำอะไรเลยจริง ๆ เขาไม่คิดออกหน้าปกป้องภรรยาที่ร่างกายยังอ่อนแอจากการผ่าคลอด ซ้ำยังมีคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเธออีกมากมาย มันทำให้เธอต้องอดทนแล้ว อดทนเล่า และพยายามดูแลลูกสาวที่เกิดมา หญิงสาวชี้ว่า ทั้งครอบครัวของสามีมีเพียงคุณย่าอายุ 80 ปี เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้รังเกียจเธอ แถมยังเป็นคนที่คอยช่วยเหลือดูแลเธอระหว่างช่วงพักฟื้นจากการคลอด อย่างไรก็ตามจากสิ่งที่เผชิญ ทำให้เธอแอบตัดสินใจไว้แล้วว่าจะขอหย่ากับสามี เมื่อผ่านพ้นช่วงพักฟื้นนี้ไป และทันทีหลังการพักฟื้น หญิงสาวก็ตรงไปยังสำนักทะเบียนเพื่อยื่นเอกสารหย่าทันที ก่อนจะหอบลูกสาวกลับมายังบ้านของตัวเอง โดยเธอยังเปิดใจด้วยว่า “ทำไมฉันต้องทนกับแม่สามีจอมยั่วยุแบบนั้นด้วย” สิ่งที่เกิดขึ้นนำมาสู่กระแสถกเถียงในหมู่ชาวเน็ตจีน โดยบางคนต่อว่าภรรยาสาวที่ไม่คิดให้ดีก่อนการแต่งงาน ชี้ทำแบบนี้มีแต่จะทำร้ายตัวเองกับลูก แต่ก็พบว่ามีหลายคนที่เข้าข้างเธอ ชี้ว่า “ฉันมีลูกชายไม่ได้เพราะผู้ชายไม่ให้โครโมโซม y มาต่างหาก” รวมถึงคนที่ชี้ว่าการผ่าคลอดนั้นเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก ๆ จนขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำหลังคลอด   ข่าวจาก : kapook

ไวรัลหลักล้าน หนุ่มเพิ่งพ้นโทษใหม่ เจอเซอร์ไพรส์น้ำตาซึมหน้าเรือนจำ

6 สิงหาคม 2565 ผู้ใช้ TikTok @oatzer93 ลงคลิปที่ตนและกลุ่มเพื่อนทั้งชายหญิง นัดกันมารอรับเพื่อนที่เพิ่งพ้นโทษออกมา โดยระบุแคปชั่นว่า “มารับเพื่อนกลับบ้านครับ ยินดีกับเพื่อนด้วยครับ #กลับบ้านเรา #เพื่อนกันตลอดไป” @oatzer93 มารับเพื่อนกลับบ้านครับ ยินดีกับเพื่อนด้วยครับ 👬🏽💯🤟🏽 #กลับบ้านเรา #เพื่อนกันตลอดไป ♬ เสียงต้นฉบับ – ยิ๊ อ า นิ๊ ก😋 🎞️ 🖤 – บอง’ นิ๊ก’ ฯ.🇹🇭🇰🇭 จากคลิปเผยให้เห็นกลุ่มเพื่อน ๆ มายืนรอรับเพื่อนชายคนหนึ่งบริเวณหน้าเรือนจำ โดยเมื่อเห็นเพื่อนเดินมา ก็มีการตะโกนทักทายและพากันเดินเข้าไปหา และต่างโผกอดด้วยความคิดถึง ก่อนจะหยอกล้อและหัวเราะร่วมกัน หลังคลิปนี้ถูกเผยแพร่ไป ได้กลายเป็นไวรัลใน TikTok จนมียอดวิว 1.5 ล้านครั้ง โดยหลายคนประทับใจกับมิตรภาพของเพื่อนที่ไม่ทิ้งกันในวันที่ลำบาก ซึ่งบางส่วนอวยพร ขอให้การเดินออกมาจากเรือนจำในครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีต่อไป   ข่าวจาก : kapook

1 430 431 432 3,802
error: