กินวิตามินมากๆ ดีต่อสุขภาพจริงหรือ ?!!





นอกจากการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพร่างกายแล้ว หลายคนมักเลือกการทานวิตามินเป็นอาหารเสริม ซึ่งการทานวิตามินกำลังกลายเป็นเทรนด์ฮิตทั้งในไทยและต่างประเทศ มีทั้งวิตามินช่วยเสริมเรื่องสุขภาพให้แข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันโรคมะเร็ง ไขมัน ความดัน ฯลฯ ไปจนถึงวิตามินประเภทที่ช่วยในเรื่องของความงามต่างๆ 

แต่รู้หรือไม่ว่าการทานวิตามินมากเกินไปนอกจากจะเปลืองเงิน และไม่ได้ช่วยให้คุณสุขภาพดีแล้ว ยังสามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้อีกด้วย

633925805

 

[ads]

สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษตีแผ่วัฒนธรรมการกินวิตามินพร่ำเพรื่อที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกโดยเปิดเผยผลวิจัยของนักวิทยาศาสตร์หลายคนที่พบว่าการกินวิตามินเอเบตาแคโรทีน และวิตามินอี รวมถึงสารแอนติออกซิแดนท์ต่างๆ มากเกินไปในระยะเวลานานๆ นอกจากจะไม่ได้ส่งผลให้สุขภาพแข็งแรงและป้องกันโรคแล้ว ยังส่งผลให้เกิดโรคหลายอย่างตามมา

วิตามินเอที่มากเกินไป หรือเกิน 3,000 ไมโครกรัมต่อวันในผู้ใหญ่ เคยทำให้คนตายมาแล้ว ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เคยมีนักสำรวจ ขั้วโลกที่เสียชีวิตจากการกินตับสุนัขลากเลื่อนทำให้มีการค้นพบว่าตับสุนัขมีวิตามินเอสูงมาก และการกินตับสุนัข 100 กรัมก็สามารถฆ่าคนได้ หรือถ้าได้รับวิตามินเอมากเกินไปแต่ยังไม่ถึงขั้นเสียชีวิต ก็จะเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ผมร่วง ปากแห้ง ผิวแห้ง ผิวลอกเป็นชั้นๆ ได้ และสำหรับนักสูบบุหรี่ วิตามินเอก็ทำให้คุณเป็นมะเร็งปอดได้ง่ายขึ้น ส่วนซิงก์ที่ หนุ่มสาวชอบกินเพื่อแก้อาการผมร่วง หรือช่วยรักษาสิว หากกินมากเกินไปคือตั้งแต่ 100-150 มิลลิกรัม และกินติดต่อกันเป็นเวลานานจะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง และถ้ากินมากถึง 200 มิลลิกรัมขึ้นไป อาจทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสียและเป็นโรคโลหิตจางได้

วิตามินรวมหลายๆ ชนิดแบบเบ็ดเสร็จในเม็ดเดียว ที่มักมาในรูปแบบของวิตามินบำรุงผม บำรุงสมอง หรือบำรุงสายตา ก็อันตรายมากเช่นเดียวกันเพราะนอกจากจะไม่สามารถคำนวณได้ว่ากินวิตามินอะไรเข้าไปเท่าไหร่ และที่กินเข้าไปนั้นมากเกินขนาดหรือไม่ วิตามินหลายชนิดยังขัดขวางการดูดซึมของกันและกัน เช่นแคลเซียมจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กขัดขวางการดูดซึมทองแดง ทำให้การโด๊ปวิตามินตัวหนึ่ง อาจทำให้คุณขาดวิตามินอีกชนิดได้ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ได้หมายความว่าวิตามินเป็นสิ่งไม่ดีหรือไม่จำเป็น แต่ควรรับประทานเท่าที่จำเป็นหรือเท่าที่แพทย์แนะนำ อาทิ ผู้ที่ควรได้รับวิตามินเสริม คือหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องได้รับโฟลิกและวิตามินดีเพิ่ม คนอายุ 65 ปี และเด็กวัย 6 เดือน ถึง 5 ปี และคนที่ไม่ค่อยได้โดนแดด ควรได้รับวิตามินดี และสุดท้ายเด็ก 6 เดือน ถึง 5 ปี ทุกคนควรได้รับวิตามินเอ ซี และดีเสริม โดยเฉพาะเด็กที่ไม่สามารถกินอาหารที่หลากหลายได้

 

ขอขอบคุณเนื้อหาดีจากๆ เปรียว ออนไลน์ ผู้สนับสนุนเนื้อหา http://www.priewmagonline.com/

 

[ads=center]

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: