วิธีจ่ายบิลค่าไฟ เสียค่าธรรมเนียม 0 บาท!! สำหรับผู้ไม่มีบัตรเครดิตเเละไม่ต้องตัดบัญชีธนาคารอัตโนมัติ





 

บางคนอาจจะรู้สึกว่าแค่จ่ายบิลเสียค่าธรรมเนียม 5 – 15 บาทเป็นเรื่องสิวๆมาก เงินเล็กน้อยก็จ่ายไปเถอะ รู้มั๊ยว่าเป็นเงินเท่าไหร่!! ถ้าเรามานั่งรวมกันสัก 5 บิลก็เสียเงินเดือนละ 50 บาทเข้าไปล่ะ ครบรอบ 1 ปีก็เป็นเงิน 600 บาท อร๊ายยยย!! ซื้อข้าวกินได้ 10 กว่ามื้อเลยนะเนี่ย

[ads]

เคยนั่งคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่งเขาบอกว่าเมื่อก่อนไม่ได้คิดมากเรื่องค่าธรรมเนียม 10-15 บาท แค่นี้เขาจ่ายได้สบายๆ แต่พอผลิตลูกออกมา 1 คนก็มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น มันก็ต้องคิดเรื่องเงินมากขึ้นด้วย ตอนนี้แค่เสียค่าธรรมเนียม 5 บาทเขาก็ยังเสียดาย นี่ไงไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมเหมือนกันเลย

   เรื่องนี้อาจจะไม่เป็นปัญหาของคนที่จ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือว่าตัดผ่านบัญชีธนาคาร เพราะแบบนั้นตัดจ่ายอัตโนมัติทุกเดือนแล้วไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่สำหรับคนที่ไม่มีบัตรเครดิต ไม่มีบัญชีธนาคารหรือว่าคนที่ไม่มีเวลาไปทำเรื่องตัดจ่ายบิลอัตโนมัติที่ธนาคาร เขาควรมีทางเลือกอื่นๆที่ไม่เสียค่าธรรมเนียมบ้างซิ

วันนี้เราขอแชร์ประสบการณ์จ่ายบิลค่าไฟฟ้าผ่านแอพบนมือถือที่จ่ายได้ทุกเวลาและทุกที่ที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต เรื่องที่สุดยอดมากไปกว่านั้น คือ ไม่เสียค่าธรรมเนียม!! ทำยังไงบ้างมาดูกันได้เลยนะจ๊ะ

3 ขั้นตอนจ่ายค่าไฟไร้ค่าธรรมเนียม

ขั้นตอนที่ 1 โหลดแอพและสมัครใช้บริการ

ตอนนี้มีผู้ให้บริการจ่ายบิลหลายรายชอบแบบไหนก็ไปสมัครใช้บริการได้เลย ส่วนตัวขออนุญาต ใช้แอพนี้เพราะเคยโหลดและสมัครไว้นานแล้ว แต่ยังไม่เคยใช้งานสักที พอเห็นโฆษณาว่าจ่ายค่าไฟไม่เสียค่าธรรมเนียมเท่านั้นแหละ ต่อมประหยัดเต้นแรงตุ๊บๆ เอาวะ!! ลองใช้ดูสักครั้ง

 

ขั้นตอนที่ 2 เติมเงินเข้าแอพ

   สมัครเสร็จแล้วก็เติมเงินเข้าแอพ ทำได้ 3 แบบ คือ ผ่านธนาคาร ร้านค้าและตู้เติมเงิน ใครสะดวกทางไหนก็ใช้ทางนั้น ส่วนเราปกติจะลิงค์ทุกอย่างเข้ากับบัญชีธนาคารออนไลน์ แต่อันนี้มันเป็นครั้งแรกก็ยังไม่ค่อยกล้าสักเท่าไหร่ เราก็เลยเลือกวิธีเติมเงินผ่านทาง 7-11 ทดลองเติมครั้งแรกขั้นต่ำสุด 150 บาทก่อน แล้วลองใช้แอพนี้จ่ายเงินซื้อของใน 7-11 ราคา 59 บาท

   เฮ้ยยยย ตอนจ่ายเงินเปิดหน้าบาร์โค้ดจ่ายเงินซื้อขนมผ่านแอพ มันจ่ายได้จริงๆแฮะ เอาล่ะ คราวนี้ก็ถึงตอนที่จะต้องจ่ายค่าไฟผ่านแอพจริงๆซะที เราก็เลยเติมเงินเข้าแอพไปอีก 500 บาท

 

ขั้นตอนที่ 3 จ่ายบิลค่าไฟฟ้า

เรากดปุ่มข้างล่างที่เขียนว่า “Pay bill” แล้วสแกนบาร์โค้ดที่บิลค่าไฟฟ้าของเรา ระบบมันจะบอกมาเลยว่าบิลนี้มีค่าไฟฟ้าเท่าไหร่ (ค่าไฟเดือนนี้ 321.66 บาท) เราดูเรียบร้อยแล้วว่ามันตรงกับบิลต้นฉบับ จากนั้นก็กดปุ่มสีส้มข้างล่าง  “ชำระด้วย Wallet” สังเกตว่าจะเขียนไว้ชัดเจนว่าค่าธรรมเนียม 0 บาท

แค่กระพริบตารหัส OTP จะส่งมาทาง SMS ของเรา ติ๊ดๆ จากนั้นก็ใส่หมายเลขแล้วเลื่อนลูกศร รอระบบจัดการตัวเองนิดนึง

พอเสร็จพิธีกรรมจ่ายค่าไฟแล้วหลักฐานการจ่ายเงินจะส่งมายืนยันกับเราผ่าน 3 ช่องทาง คือ ในแอพนี้ ทางอีเมล์และ SMS ในมือถือของเรา ถ้าเกิดความผิดพลาดว่าทางการไฟฟ้าไม่ได้รับค่าไฟของเราก็จะได้นำหลักฐานทั้งหมดนี้มายืนยันได้ว่าเราจ่ายละน๊า

 

รายการรับจ่ายเงินผ่านแอพนี้ก็จะถูกบันทึกสรุปรวมกันไว้ที่หน้านี้ทั้งหมด ถ้าเรารู้สักว่าพึ่งเติมเงินแล้วทำไมเงินหมดเร็วจังจะได้ตามมาแกะรอยได้ว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง อ่อ!! กินขนมมากเกินไปนี่เอง เงินถึงหมดเร๊ว เร็ว

    สรุปภาพรวมของการจ่ายบิลผ่านแอพบนมือถือ

ใช้งานง่าย

: มีช่องทางการเติมเงินที่สะดวกและขั้นตอนการจ่ายบิลผ่านแอพไม่ยุ่งยาก

ประหยัดรายจ่าย

: ถ้ามีหลายๆบิลและจ่ายรวมกันเป็นปีๆ ช่องทางนี้จะช่วยให้เราลดรายจ่ายลงได้

ใช้ควบคุมรายจ่าย

ท่องให้จำขึ้นใจว่า “ห้ามใช้เกินงบที่ตั้งไว้”

: เราอาจจะตั้งงบรายจ่ายไว้ว่าเดือนนี้จะใช้เงินเท่าไหร่ เช่น ค่าบิล ค่าของกินใน 7-11 ค่าเติมเกมส์ ค่าซื้อแอพหรือสติกเกอร์ไลน์ ช้อปออนไลน์ ฯลฯ แล้วเติมเงินเข้าแอพตามงบที่ตั้งไว้

: ถ้าเงินที่เติมมันหมดเร็วกว่าที่คิดไว้ก็ตรวจสอบรายการย้อนหลังได้ว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง รู้ว่าเงินมันรั่วไปอยู่ที่ไหน จะได้ระวังรายจ่ายมากขึ้น

ข้อควรระวัง!!

   สำหรับผู้ที่ไม่มีวินัยทางการเงิน ใช้จ่ายเงินแบบไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ การใช้จ่ายออนไลน์ไร้เงินสดแบบนี้จะทำให้เงินหมดเร็วขึ้น เพราะแค่จิ้ม จิ้ม จิ้มหน้าจอก็เสียเงินได้ รวมถึงอาจจะทำให้ผู้ปกครองปวดหัวกับลูกหลานเพราะเป็นช่องทางที่ทำให้ใช้จ่ายเงินเกินตัวได้ เช่น เติมเงินซื้อเกมส์จนไม่มีเงินกลับมาหยอดกระปุกออมสิน

   ทางแก้ของปัญหานี้ คือ การตั้งงบประมาณรายจ่ายให้ชัดเจน ว่าจะใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์นี้เท่าไหร่ แล้วควรหมั่นตรวจสอบรายจ่ายย้อนหลังของตัวเองและลูกหลานด้วยว่า ถ้าเริ่มใช้จ่ายเงินมากเกินความจำเป็นก็จะต้องนั่งคุยว่ามันเกิดจากอะไร ผลของการใช้เงินเกินจะถูกลงโทษอย่างไร เช่น ตัดเงินค่าขนม เพื่อจะได้มีวินัยทางการเงินที่ดีต่อไป

 

"เหรียญมี 2 ด้าน

เหมือนการใช้เงินออนไลน์ที่ทำให้

ชีวิตง่ายขึ้นและหมดเงินง่ายๆได้เช่นกัน"

ขอบคุณเนื้อหาจาก:www.aommoney.com

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: