วิธีอ่านใจคนด้วย….เทคนิคจิตวิทยาของ FBI





   พลังจิต มีจริงหรือไม่…ไม่มีใครรู้ แต่ถ้าถามว่าอยากมีมั๊ย? คงมีคนตอบว่ามาก! เรายังเชื่ออีกว่าพลังที่หลายคนอยากมีคือ การอ่านใจ แต่มันเด็ดกว่านั้นเพราะวิธีของเราคืออ่านใจคนแบบไม่ต้องมีพลังจิต เพราะเพียงแค่คุณประยุกต์ใช้หลักการเชิงจิตวิทยาของ FBI คุณก็สามารถอ่านใจคนได้

 

[ads]

 

 

 

ลักษณะท่าทาง (Body language) หรือการแสดงออก ซึ่งมีให้สังเกตอยู่ตลอดเวลาเพียงแต่เรามองข้ามหรือไม่ทันได้สังเกตตาม หลักทฤษฎีของนักจิตวิทยา เราสามารถอ่านใจหรือความคิดของผู้อื่นได้โดยอาศัยการสังเกตลักษณะท่าทาง (Body language) หรือการแสดงออก ซึ่งมีให้สังเกตอยู่ตลอดเวลาเพียงแต่เรามองข้ามหรือไม่ทันได้สังเกต สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ ต้องรู้ก่อนว่าคุณต้องการรู้อะไรและกำลังมองหาสิ่งไหน จากคนๆนั้น อย่างไรก็ตามเราอยากให้คุณเข้าใจก่อนว่าวิธีที่เรากำลังจะบอกกับคุณต่อไปนี้ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าจะต้องถูกต้องเสมอไป เพราะแม้แต่นักจิตวิทยาที่เก่งกาจก็สามารถทำนายความคิดด้วยวิธีนี้ได้ถูกต้องเพียง 80% ของทั้งหมดเท่านั้น

"พื้นฐานของการอ่านความคิดคือการสังเกตพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้าม ณ ขณะนั้น"

Ex. ประโยคพื้นๆจากเซลล์ขายของอย่าง “คุณเป็นยังไงบ้างวันนี้” อาจถูกใช้เพื่อเป็นประโยคเกริ่นนำเพื่อลอบสังเกตท่าทางของคุณ ก่อนจะนำไปสู่คำถามที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นมองหาความไม่สอดคล้องกันระหว่างลักษณะท่าทางที่แสดงออกและคำพูดเมื่อมีโอกาสในการถามให้ถามอย่างตรงประเด็น อย่าคลุมเคลือ

   อดีต FBI โจ นาวาโร่ แนะนำเทคนิคเล็กๆน้อยๆในการอ่านความคิดผู้อื่นจากการถามคำถาม ว่า คำถามแบบปลายเปิดที่คลุมเคลือไม่ชัดเจน ไม่เวิร์คเอามากๆ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ตอบร่ายคำตอบยาวๆออกมา มันจะกลายเป็นเรื่องยากมากที่คุณจะจับสังเกตพฤติกรรมและคำพูด

Trick: หลังจากถามคำถามออกไปแล้ว ให้คุณทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี เอนหลังและฟังทุกคำพูดของคู่สนทนา

 

ลักษณะคำพูดบ่งบอกจุดประสงค์ของผู้พูด

 

อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI ดร.จอห์น อาร์. ชารเฟอร์ เขียนอธิบายไว้ในคอลัมน์ว่า I won another awardคำว่า “another” หรือ อื่นๆ คำนี้บอกให้เรารู้ว่าผู้พูดเคยได้รับรางวัลมากกว่า 1 ครั้ง อุปมาได้ว่าเขาหรือเธอที่เป็นคนพูดหวังให้คนฟังรู้ว่าตนเองเคยได้รับรางวัลมากกว่า 1 ครั้ง อาจทำไปเพื่อภาพลักษณ์ หรือ ความพอใจส่วนบุคคล เรียกง่ายๆว่าเป็นพวกอีโก้สูงนั้นเอง

   เมื่อไหร่ก็ตามที่คู่สนทนาเอนตัวห่างจากคุณขณะพูด สามารถอ่านได้ว่า ณ ขณะนั้น คนพูดกำลังรู้สึกเครียดหรือกดดัน

   ในขณะเดียวกันลักษณะท่าทางอย่าง การถูกมือเข้ากับต้นขา การกุม/ถูหน้าผาก ก็หมายความถึงภาวะตึงเครียดหรือกดดัน เช่นกัน

 

อ่านใจคนจากการแสดงออกทางสีหน้า

  -การแสดงออกทางสีหน้าที่บ่งบอกถึงความไม่สบายตัวหรือหดหู่ มีทั้ง การขมวดคิ้ว ขบกราม เม้มปาก ใบหน้าตึงและอาการคอแข็ง

  -หากคู่สนทนาของคุณหลับตาลงชั่วครู่ (ไม่ใช่การกระพริบตา) กระแอมในคอ หรือพูดทวนคำถาม นั้นหมายถึงเขากำลังถ่วงเวลาเพื่อหาข้อแก่ตัว

   -อาการไม่สบตา กระพริบตาถี่ หรือ ท่าทางหลุกหลิก อ่านได้ว่าเขากำลังโกหก ในขณะเดียวกันก็อาจหมายถึงความกังวล (นักต้มตุ๋นบางคนก็สามารถโกหกได้ทั้งๆที่สบตาคุณอยู่ -โกหกหน้าตาย-)

  – อาการโกหกอื่นๆรวมถึง ความพูดวกวนพร่ำพรรณนา หรือ น้ำเสียงที่ไม่ชัดถ้อยชัดคำ

   -การจับหรือแตะตรงบริเวณด้านหน้าลำคอ บอกได้ว่าคนๆนั้นกำลังปกป้องตัวเองหรือรู้สึกอึดอัด ท่าทางแบบนี้พบบ่อยในผู้หญิง

 -อาการรูม่านตาขยาย หรือ การหลับตาแน่น บ่งบอกให้รู้ว่าคนๆนั้นถูกรบกวนด้วยภาพที่กำลังมองอยู่

-การถอนหายใจยาวหรือหายใจสะดุด บ่งบอกว่าคนๆนั้นอยู่ภายใต้ความกดดัน โดยเฉพาะตอนที่ถูกจับตัวได้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: