ไม่มีผลข้างเคียง! 10 อาหารที่สามารถแช่แข็งได้!!


ไม่มีผลข้างเคียง! 10 อาหารที่สามารถแช่แข็งได้
1. เนย
• การที่คุณนำเนยไปแช่แข็งสามารถทำได้ไม่ยาก แถมยังช่วยให้สะดวกอีกด้วย
• เมื่อเข้าถึงฤดูกาลที่จะอบขนม เพียงแค่คุณนำเนยใส่ไว้ในถุงสูญญากาศหรือกระดาษฟอยล์
• จากนั้นให้นำเอาเนยออกจากช่องแช่แข็งแล้วทำการปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืนในช่องธรรมดาก่อนที่คุณจะนำมันไปใช้
• โดยส่วนมากเนย มักจะอยู่ได้นานถึง 4 เดือนและเมื่อคุณนำไปแช่แข็ง มันจะสามารถอยู่ได้นานขึ้นเป็นปีเลย
2. ถั่ว
• ถั่วที่ไม่มีเปลือก โดยส่วนมากมักจะเสียค่อนข้างเร็ว เนื่องมาจากมีปริมาณไขมันสูง ยิ่งมีอากาศร้อน ความชื้น แสงสว่าง หรือแม้กระทั่งการวางใกล้กับโลหะ มันก็ยิ่งสามารถทำให้ถั่วเน่าบูดได้
• ฉะนั้น คุณควรที่จะเก็บถั่วไว้ในภาชนะพลาสติกสูญญากาศ และนำไปแช่แข็งมันจะทำให้สามารถอยู่ได้นานถึง 8 เดือน
• คุณควรจำไว้ว่า ถั่วเน่าเพียงเม็ดเดียวสามารถทำให้อาหารเสียได้ทั้งจาน ฉะนั้นควรชิมก่อนนำไปประกอบอาหาร
3. ชีส
• สามารถนำไปแช่แข็งได้ แต่คุณควรจะต้องทำการห่อหุ้มไว้ในถุงพลาสติกหรือกระดาษฟอยล์อย่างมิดชิด
• ชีสที่ได้รับความชื้นสูงและชีสเหลวแปรรูปจะอยู่ได้เพียง 1 เดือน กระทั่งว่าจะนำไปแช่แข็ง
• ฉะนั้นคุณควรที่จะเลือกชีสที่มีความแข็งกว่านั้น เนื่องจากมันจะสามารถอยู่ได้นานถึง 6 เดือน
• อีกทั้งคุณควรแช่ทิ้งไว้ในช่องธรรมดา 1 คืนก่อนนำไปใช้
4. ขนมอบ
• คุกกี้ที่ผ่านการอบ เมื่อเย็นลงแล้วให้คุณทำการห่อพลาสติกแยกชิ้นกัน
• จากนั้นให้นำไปใส่ไว้ในภาชนะสูญญากาศ ซึ่งมันจะช่วยทำให้สามารถเก็บได้นานประมาณ 1 เดือน
• ในส่วนของคุกกี้บาร์หรือบราวนี่ คุณควรที่จะเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง โดยไม่ต้องหั่นในห่อพลาสติกแล้วหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์อีกชั้น ซึ่งมันจะช่วยทำให้เก็บไว้ได้นานถึง 3 เดือน
• ในขณะที่ขนมปังจากร้านค้าและมัฟฟิ่นที่คุณซื้อมา คุณควรที่จะแช่ไว้ในช่องแช่แข็ง มันจะช่วยทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 2 เดือน ถ้าหากไม่มีการเปิดเลย
• ในส่วนแป้งโด ให้นำไปแช่แข็งและควรทิ้งไว้ในช่องธรรมดา เพื่อนำเอาไปอบในภายหลัง
5. นม
• มันสามารถทำได้ และคุณควรทำเฉพาะตอนที่ยังสดใหม่ที่สุด
• คุณไม่ควรที่จะเก็บไว้นานเกิน 4-6 สัปดาห์ อีกทั้งคุณควรเขย่าให้ดีก่อนนำมาดื่ม
• นมที่ผ่านการแช่แข็ง อาจจะมีรสชาติและผิวสัมผัสที่แตกต่างไปจากเดิม
6. แป้ง
• มันจะช่วยในเรื่องของการประหยัดเงินและดีต่อสุขอนามัย
• คุณควรที่จะเก็บแป้งไว้ในภาชนะสูญญากาศที่เหมาะแก่การบรรจุอาหาร
• แต่คุณควรทิ้งหีบห่อเดิม เนื่องจากมันมีลักษณะเป็นรูพรุน
• สิ่งแรกที่ควรทำคือ แช่ไว้ในช่องแช่แข็งราวๆ 48 ชั่วโมงเพื่อช่วยในการกำจัดแมลง
• หลังจากนั้นให้คุณทำการย้ายมาแช่ในช่องธรรมดาเพื่อทำการรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม
7. ซอสเพสโต้
• หลังจากการทำซอสเสร็จให้คุณตักแบ่งลงไปในช่องของถาดน้ำแข็งในปริมาณเท่าๆกัน
• จากนั้นให้นำไปแช่แข็ง เมื่อผ่านการแข็งตัวแล้ว ให้คุณนำซอสไปใส่ลงไปในภาชนะหรือถุงสูญญากาศ
• หลังจากนั้นก็ให้นำกลับไปแช่แข็งอีกครั้ง มันจะสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 3 เดือน
• ก่อนนำไปใช้ คุณควรทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องหรือแช่เย็นไว้ในช่องธรรมดา
8. พืชสมุนไพร
• การแช่ในขณะที่ยังสดใหม่ที่สุด มันจะช่วยในการรักษาความชื้นและคงรสชาติดั้งเดิมไว้ได้
• ให้คุณเริ่มจากล้างน้ำและตากให้แห้ง แล้วนำไปหั่นตามสัดส่วนที่ต้องการก่อนนำไปแช่แข็ง
• ให้ทำการวางพืชสมุนไพรแยกเป็นชิ้นๆ บนกระดาษรองอบในถาดเล็กๆ หรือถาดคุกกี้
• จากนั้นให้คลุมให้มิดชิดก่อนนำไปแช่แข็ง เมื่อแข็งตัวแล้วให้นำพืชเหล่านั้นใส่ไว้ในถุงพลาสติกสูญญากาศและเอาไปแช่แข็งเหมือนเดิม
• ให้คุณทำการแช่ไปจนกว่าจะถึงเวลาใช้จริง หรือจะตักใส่ในช่องของถาดน้ำแข็งและเติมน้ำลงไปให้เต็มก็ได้ เมื่อต้องการนำมาปรุงอาหารก็ให้คุณใส่พืชแช่แข็งลงไปในแกงหรืออาหารได้ทันที
9. ครีมชีสและครีมเปรี้ยว
• ถ้าหากคุณต้องการที่จะทาครีมชีสลงบนขนมปังมื้อเช้า คุณไม่จำเป็นต้องนำครีมชีสไปแช่แข็ง เนื่องจากเมื่อนำมาละลายความเหนียวข้นของมันจะเปลี่ยนไป
• แต่ถ้าหากคุณนำไปอบหรือต้มทันที ครีมชีสจะยังคงรสชาติเดิมและคุณภาพก็ไม่เปลี่ยนแปลง
• ในส่วนของครีมเปรี้ยวก็เช่นกัน แข็งตัวง่าย เหมาะแก่การนำไปอบหรือต้ม แต่ความเหนียวข้นจะเปลี่ยนไปจากเดิม
• ฉะนั้นการตีครีมเปรี้ยวก่อนแช่แข็ง มันจะช่วยทำให้เกิดการกระจายความชื้น
• หลังจากที่คุณนำมาละลายพร้อมกันกับเติมแป้งข้าวโพดลงไป 2 ช้อนโต๊ะจะช่วยทำให้มีลักษณะเหนียวข้นกลายเป็นครีมได้เหมือนเดิม
10. แยม
• ให้คุณนำเอาแยมที่ทำเองไปแช่แข็งไว้ เพียงแค่บรรจุแยมไว้ในขวดโหลแก้ว (แยมจะไม่ขยายตัวมากนักเมื่ออยู่ในช่องแช่แข็ง)
• แต่ถ้าหากต้องการละลาย ให้คุณทิ้งไว้ในช่องธรรมดา 1 คืน คุณก็จะสามารถเก็บแยมไว้ได้นานถึง 1 ปี หลังจากนั้นมันก็จะเริ่มเสียรสชาติไปตามธรรมชาติ
ที่มา: http://issue247.com