ตับ อวัยวะกำจัดสารพิษสำคัญที่ถูกมองข้าม ถ้าอยากมีสุขภาพแข็งแรง อย่าลืมดูแลสุขภาพตับ !!





ตับ (Liver)

 detoxify-the-liver 

เป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย ตับ จะอยู่บริเวณชายโครงขวา ใต้กระดูกซี่โครง หรือบริเวณช่องท้องซีกขวา ด้านบนใต้กระบังลม มีสีออกทางแดงปนน้ำตาลเข้ม มีน้ำหนักประมาณ 1-3 กิโลกรับ แบ่งเป็น 2 ซีก ซีกขวาและซีกซ้าย ตับ มีหลอดเลือดที่สำคัญ ๆ ใช้ในการผ่านเข้าออก ทั้งหมด 3 ทาง ดังนี้

Hepatic portal vein หลอดเลือดดำจากลำไส้เล็ก ทำหน้าที่ นำกลูโคส และสารอาหารต่าง ๆ ที่ผ่านระบบการย่อยและดูดซึมมาแล้ว ส่งมายัง ตับ เพื่อแยกประเภท ดำเนินตามกรรมวิธี หน้าที่ของตับ

** Hepatic artery หลอดเลือดแดงจากหัวใจ ทำหน้าที่ ลำเลียงเลือดแดงที่มี ออกซิเจน ส่งไปเลี้ยงเซลล์ตับ ในเวลาเดียวกัน จะรับเอาคาร์บอนไดออกไซค์ ที่เป็นของเสียจากตับ ออกทางหลอดเลือดดำ กลับเข้าไปสู่หัวใจและปอด

*** Hepatic vein หลอดเลือดดำจากตับ เมื่อเข้าสู่หลอดเลือดดำจากตับ หลอดเลือดดำจากหัวใจ ตับจะฝากส่งคาร์บอนไดออกไซค์ น้ำตาลกลูโคส สารอาหาร รวมทั้งตับอ่อนช่วยส่งอินซูลิน ให้หัวใจส่งไปรับออกซิเจนก่อน แล้วจึงทำหน้าที่แจกจ่ายไปยังทั่วทุกเซลล์ในร่างกาย

หน้าที่ของตับ

หากเราดูจากการไหลเข้า-ออก ของหลอดเลือดทั้ง 3 ข้างต้น ตับ นั้นก็เปรียบเสมือนเป็น ศูนย์กลาง ของร่างกาย มีหน้าที่รับวัตถุดิบ การผลิต การเก็บรักษา การตรวจสอบคุณภาพ การแจกจ่าย การเก็บกวาดขยะ รวมถึงการทิ้งขยะของเสีย ฉะนั้น เรามาสรุปภาพกว้าง ในการทำหน้าที่ของ ตับ แบบง่าย ๆ กันนะค่ะ

  1. ตับ เป็นหน่วยที่ช่วยสังเคราะห์ และส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ตับ สร้างขึ้นมาใช้ ตามที่ร่างการต้องการ สิ่งที่ตับผลิตขึ้นนั้น ได้แก่
  • น้ำตาลกลูโคส
  • โปรตีน เพื่อนำไปใช้สังเคราะห์แทนอวัยวะส่วนอื่น ที่สึกหรอทั่วร่างกาย รวมทั้งช่วยให้เลือดแข็งตัว
  • น้ำดี เป็นตัวช่วยย่อยอาหารไขมัน ท่อน้ำดีจะเป็นช่องทางทิ้งของเสีย หรือของที่มีพิษ ที่ตับกรองเก็บไว้ ให้ออกไปกับกากอาหาร ในทางลำไส้
  • สาร จำพวกไขมัน เช่น ไตรกลีเซอไรด์, คลอเรสเตอรอล เป็นต้น
  1. ตับ ทำหน้าที่ ผลิตน้ำดี เกลือน้ำดี เพื่อย่อยไขมัน โดยน้ำดีจะถูกขับออก มาทางเดินอาหาร อุจจาระจะมีสีเหลือง หากทางเดินน้ำดี อุดตันแล้ว จะทำให้อุจจาระจะมีสีขาว
  2. ตับ เป็นอวัยวะที่สะสมพลังงาน
  3. ตับ เป็นที่ผลิตพลังงานให้กับร่างกาย เมื่อตับป่วย ร่างกายจะรู้สึกเพลียมาก
  4. ตับ เป็นคลังเก็บรักษา เก็บสิ่งที่มีประโยชน์ต่าง ๆ เช่น แร่ธาตุ และวิตามิน
  5. ตับ ทำหน้าที่ กำจัดของเสีย ที่ร่างกายได้รับมาจากอาหาร หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย เมื่อสารพิษผ่านมายังตับ ตับจะทำลายสารพิษนั้น หากร่างกายได้รับสารพิษมากเกินไป ก็ส่งผลเสีย ทำให้ตับเสียหายได้
  6. ตับ เป็นที่อยู่ของเม็ดเลือด คอยดักจับเชื้อโรคต่าง ๆ

liver-detox-fi

การล้างพิษตับ คืออะไร?

การล้างพิษตับ Liver Flushing คือ กระบวนการหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ หรือที่เรียกว่า ดีท็อกซ์ (Detoxification) นั่นหมายถึง การขับสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายออกมา ถือเป็นการดูแลสุขภาพ ด้วยหลักทางธรรมชาติบำบัด จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ แพทย์ทางเลือก

การล้างพิษตับ ด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด (Naturopathy) ไม่ใช่การรักษาโรค แต่เป็นกระบวนการ การดูแลรักษากาย และรักษาใจ ควบคู่ไปพร้อมกัน ด้วยวิธีทางธรรมชาติ โดยยึดหลักการที่ว่า หากร่างกายของเรานั้น อยู่ในสภาวะที่สมดุล ปกติ ร่างกายจะสามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ หากร่างกายได้รับการเจ็บป่วยต่าง ๆ ขึ้นมา

[ads]

สูตรล้างพิษตับ ฉบับ รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี จากภาควิชาพยาธิวิทยา (Department of Pathology) คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 
 วิธีการคือ ให้เริ่มตั้งแต่วันอังคารไปจนถึงวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อน แต่หากใครยังต้องทำงานวันเสาร์ แต่ได้หยุดวันอื่น ก็ลองปรับเลื่อนวันกันดู โดยในแต่ละวันของการล้างพิษตับนั้น จะต้องทำดังต่อไปนี้ 

          วันอังคาร
          กินอาหารตามปกติจนถึง 15.00 น. จากนั้นดื่มได้แต่น้ำ (ถ้าเป็นน้ำด่างที่เรียก alkaline water) จะดีมาก จะสวนล้างลำไส้หรือไม่ก็ได้ ยากินเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
       
          วันพุธ และวันพฤหัสบดี
          งดอาหารทุกชนิด ดื่มได้เฉพาะน้ำผลไม้ที่ไม่มีกาก ดีที่สุดคือน้ำแอปเปิลเขียวที่ปั่นแยกกากออกแล้ว ให้ดื่มวันละ 3–5 แก้ว หรือจะดื่มเป็นน้ำผลไม้สดก็ได้ แต่ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้บรรจุกล่อง แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ แนะนำให้ดื่มน้ำมะขามเข้มข้น (ซื้อได้จากร้านดอยคำ) นำมาผสมน้ำดื่มก็ได้ ดื่มวันละ 3–5 แก้ว เช่นเดียวกัน เมื่อถึงเวลา 15.00 น. ให้หยุดดื่มน้ำผลไม้ ดื่มได้แต่เพียงน้ำเปล่าเท่านั้น ถ้าใครสวนล้างลำไส้อยู่แล้วก็ทำตามปกติ ถ้าไม่ได้สวนลำไส้ แนะนำให้กินดีเกลือ (MgSO4) 1 ช้อนชา ผสมน้ำมะนาว 1 ลูก ตอนประมาณ 18.00 น.
       
          วันศุกร์
          เวลา 06.00-08.00 น. ให้กินดีเกลือ 1 ช้อนชาผสมน้ำมะนาว 1 ลูก ดื่มน้ำผลไม้ได้เช่นเดียวกับวันพุธ และพฤหัสบดี และหยุดดื่มหลังจาก 15.00 น. ไปแล้ว จากนั้น ให้ทานดีเกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำมะนาว 1 ลูก ในเวลา 18.00 น. และ 20.00 น. 
          เมื่อถึงเวลา 22.00 น. ให้ดื่มน้ำมันมะกอก ประมาณ 150–200 ซี.ซี. ผสมน้ำมะนาว 150–200 ซี.ซี. เหยาะเกลือป่นผสมลงไปครึ่งช้อนชา เขย่าให้เข้ากันให้มากที่สุด ดื่มให้หมดในเวลา 10 นาที อาจจะแช่ให้เย็นเล็กน้อย ใส่แก้วใหญ่ ๆ แล้วดื่มติดต่อกันให้หมดในคราวเดียวก็ได้ เพราะบางคนไม่สามารถจิบทีละน้อยจนหมดได้ เนื่องจากมีอาการคลื่นไส้ แต่เราสามารถลดอาการคลื่นไส้ได้ด้วยการใช้มะขามเปียกคลุกเกลือป่นมาป้ายลิ้นก่อนและหลังดื่มน้ำมันมะกอก
          ทั้งนี้ สูตรนี้บอกด้วยว่า ขั้นตอนการดื่มน้ำมันมะกอกนี้สำคัญที่สุดในขบวนการนี้ เพราะถ้าอาเจียน การที่เราพยายามเตรียมร่างกายมาหลายวันจะเปล่าประโยชน์ ดังนั้น ต้องกลั้นอาเจียนไว้ให้ได้จนถึงเวลา 02.00 น. หรือ 4 ชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำมันมะกอก

          วันเสาร์ 
          ให้ทานดีเกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำมะนาว 1 ลูก ในช่วงเวลา 06.00–08.00 น. จากนั้นให้เข้าห้องน้ำถ่ายท้อง ลองสังเกตอุจจาระที่ถ่ายออกมาด้วยว่าผิดปกติไปจากเดิมหรือไม่ ซึ่งควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะการที่เราอดอาหารมาหลายวัน บวกกับการกินดีเกลือและสวนล้างลำไส้ด้วย จึงไม่น่ามีอุจจาระตกค้างในลำไส้แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ขับถ่ายออกมาน่าจะมาจากระบบท่อน้ำดี ในตับ, นอกตับ และถุงน้ำดี ซึ่งมีทั้งไขมัน, ตะกอนน้ำดี (bile salt) ไปจนถึงนิ่ว (stone) จากถุงน้ำดี ส่วนใหญ่จะมีกลิ่นเหม็นกว่าอุจจาระปกติ อย่างไรก็ตาม ตลอดวันเสาร์ และอาทิตย์ อาจมีการถ่ายอุจจาระอีกหลายครั้งขึ้นอยู่กับการทำงานของลำไส้ในแต่ละคน
          หลังจากถ่ายท้องในตอนเช้าแล้ว เราก็สามารถเริ่มกินอาหารได้ตามปกติ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป แต่ควรเลือกทานอาหารอ่อน ๆ ที่ย่อยง่าย และร้อน ๆ ก่อนในมื้อแรก ๆ 


ใครไม่เหมาะกับการล้างพิษตับ
          ฟัง ๆ ดูเหมือนว่าล้างพิษตับน่าจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่ว่าการล้างพิษตับจะทำกันได้ทุกคนนะคะ โดยเฉพาะกลุ่มคนบางประเภทที่มีโรคประจำตัว หากคิดจะล้างพิษตับ ต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะขณะล้างพิษ ความดันโลหิตจะสูงกว่าปกติ และอาจเกิดภาวะบวมน้ำ ดังนั้น กลุ่มคนที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษก็คือ

           ​ • ผู้ที่มีการติดเชื้อในถุงน้ำดี
            • ผู้ที่เป็นนิ่วขนาดใหญ่ในถุงน้ำดี
           ​ • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
           ​ • ผู้ป่วยโรคหัวใจ
           ​ • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
            ​• ผู้ป่วยโรคไต
           ​ • ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลาม
           ​ • ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลีย

liver-detox

อาหารบำรุงตับ มีอะไรบ้าง?
 เพื่อแบ่งเบาภาระของตับในการกำจัดของเสียในร่างกาย เราก็ควรรับประทานอาหารที่จะช่วยให้ตับล้างพิษได้ง่ายขึ้น นั่นก็คือ

          ผัก : กระเทียม หัวหอม มะนาว ผักใบเขียว ดอกกะหล่ำ และกะหล่ำปลี เพราะจะทำให้สารพิษที่เจือปนมากับอาหารอื่นนั้นมีสภาพเป็นกลาง นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มการผลิตน้ำดีซึ่งช่วยทำความสะอาดกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว   

          ผลไม้ : ควรเลือกทานผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น องุ่น ส้ม แคนตาลูป มะละกอ พรุน ลูกเกด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ จะช่วยปกป้องตับจากสารอนุมูลอิสระที่จะมีปริมาณสูงขึ้นในกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย 

          วิตามิน : ควรทานอาหารที่มี "วิตามินบีสูง" เช่น ข้าวซ้อมมือ ธัญพืชไม่ขัดสี และทานผลไม้ที่มี "วิตามินซีสูง" ด้วย อย่างผลไม้รสเปรี้ยว และผักใบเขียว

          แร่ธาตุ : ควรทานอาหารที่มี "เลซิติน" พบมากในไข่แดง ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก และควรทานอาหารที่มี "สังกะสี" เช่น ถั่วขาว เนื้อไก่ และหอยนางรม จะช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

          อย่างไรก็ตาม อาหารบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อตับควรงดทานซะ อย่างอาหารที่มีไขมันสูง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย จะได้ไม่เป็นการเพิ่มสารพิษให้ตับต้องเหนื่อยแรงกำจัด เพื่อสุขภาพตับที่แข็งแรงค่ะ


[ads=center]


เรียบเรียงโดย : Thaijobsjov.com

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://health.kapook.com/, http://www.homeopathygroup.com/
รูปภาพจาก : https://thevedix.wordpress.com, One Week DietsDavid Wolfe

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: