(คนไทยควรอ่าน) ในหลวง”ไม่โกรธ”เมื่อต้องเจอการต้อนรับที่ไร้มารยาทจากต่างชาติ





ในภาวะแห่งความโศกเศร้าเสียใจจากการสูญเสียบุคคลที่รักยิ่ง ความอ่อนไหวทางอารมณ์บางทีก็ก่อให้เกิดความรุนแรง การทะเลาะเบาะแว้งกันง่ายดาย เช่น โดนยั่วยุเพียงเพราะใส่เสื้อที่ต่างสีกัน, โดนยั่วยุเพียงเพราะความคิดไม่ตรงกัน อยากให้คนไทยได้อ่านบทความนี้ เพื่อได้แง่คิดบางอย่างจากในหลวงของเรากลับไปทบทวนกันให้ดี

14718649_1205334569537427_5676582979640826581_n

***ในอดีตพวกนักศึกษาฝรั่งชาวออสซี่ เคยมาดูถูกพ่อหลวงเรา 
มาอ่านวิธีกำหลาบฝรั่งไร้มารยาทพวกนี้ดูค่ะ สะใจจริงๆ***

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ราชาผู้มีพระจริยาวัตรงดงามยิ่งในสายตา ชาวโลก 

เหตุการณ์กันยายน เมื่อ 54 ปีมาแล้ว ขณะเสด็จฯ ณ เมลเบิร์น ออสเตรเลีย เมื่อวันจันทร์ ที่ ๓ กันยายน ๒๕๐๕ ขณะที่เสด็จฯในพิธีทูลเกล้าฯ ถวายปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ณ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนควรรำลึกเป็นตัวอย่างของผู้นำที่มีความเข้มแข็งและทรงเปี่ยมด้วยพระราชธรรม “ความไม่โกรธ”

กล่าวคือ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปเยือนต่างประเทศเป็นทางการ ในพิธีทูลเกล้าฯ ถวายปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ณ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ทรงถูกนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่มีความคิดรุนแรง ไม่เข้าใจพระองค์และเมืองไทย บางคนถือป้ายที่มีข้อความกล่าวร้ายต่อพระองค์ท่าน บางกลุ่มส่งเสียงโห่ ลบหลู่พระเกียรติ และเกียรติภูมิของชาติไทยอย่างรุนแรง 

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงบรรยายถึงเหตุการณ์ในวันนั้นในพระราชนิพนธ์ ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศ ตอนหนึ่งว่า ถึงเวลาที่พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จไปพระราชทานพระราชดำรัสที่กลางเวที ยังไม่ทันจะอะไร ก็มีเสียงโห่ดังขึ้นมาจากกลุ่มปัญญาชนข้างนอก 

ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามือเย็นเฉียบ หัวใจหวิวๆ อย่างไรพิกล รู้สึกสงสารพระเจ้าอยู่หัว จนทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะมองขึ้นดูพระพักตร์ท่าน ด้วยความสงสาร และเห็นพระทัย ในที่สุดฝืนใจมองขึ้นไปเพื่อถวายกำลังพระทัย แต่แล้วข้าพเจ้านั่นเองแหละที่เป็นผู้ได้กำลังใจกลับคืนมา เพราะมองดูท่านขณะที่ประทับยืนกลางเวที เห็นพระพักตร์ทรงเฉย

ทันใดนั้นเอง คนที่อยู่ในหอประชุมทั้งหมดปรบมือเสียงสนั่นหวั่นไหวคล้ายจะถวายกำลังพระทัยท่าน พอเสียงปรบมือเงียบลง 

คราวนี้ข้าพเจ้ามองขึ้นไปบนเวทีอีก เห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงเปิดพระมาลาที่ทรงคู่กับฉลองพระองค์ครุย แล้วหันพระองค์ไปโค้งคำนับกลุ่มที่ส่งเสียงเอะอะอยู่ข้างนอกอย่างงดงาม และน่าดูที่สุด 

พระพักตร์ยิ้มนิดๆ พระเนตรมีแววเยาะหน่อยๆ แต่พระสุรเสียงราบเรียบยิ่งนัก 

“ขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอันมาก ในการต้อนรับอันอบอุ่น และสุภาพเรียบร้อยที่ท่านแสดงต่อแขกเมืองของท่าน” รับสั่งเพียงเท่านั้นเอง แล้วหันพระองค์มารับสั่งต่อกับผู้ที่นั่งฟังอยู่ในหอประชุม

“ไทย…เป็นประเทศเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับออสเตรเลีย แต่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน มีอารยธรรมสูงส่งมานาน นานมาก…”

รับสั่งว่า ต้องขอโทษที่จะบอกว่า (ถึงจังหวะนี้ ทรงหันไปทางผู้ชุมนุม แล้วน้อมพระเศียรลงเล็กน้อย)

“..นานจนข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า ขณะนั้น ประเทศออสเตรเลียอยู่ที่ไหน…” 

ผลปรากฏว่า นักศึกษาเงียบกริบทั้งบริเวณงาน และเปลี่ยนเป็นปรบมือสนั่นหวั่นไหว

แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงพระปรีชาสามารถมากในการแก้ไข ปัญหาเฉพาะหน้า และทรงเปี่ยมด้วยพระราชธรรม “ความไม่โกรธ” อย่างแท้จริง 

พระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชอัธยาศัยประกอบด้วยพระเมตตา ไม่ปรารถนาก่อเวรภัยให้ผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่ทรงพระพิโรธด้วยเหตุที่ไม่ควร แม้มีเหตุให้ทรงพระพิโรธ แต่ทรงข่มได้ สงบระงับโดยการใส่ใจพิจารณาจนพบต้นเหตุ 

แม้แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไม่เคยเห็นพระเจ้าอยู่หัวแสดงอาการโกรธผู้ใด


ขอบคุณบทความจากเว็บ chaoprayanews, เฟซบุ๊ก ป๊อกเก้า รักในหลวงและแผ่นดินไทย (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1205334569537427&set=a.109515202452708.11322.100001826866447&type=3&theater)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: