ไม่ต้องรับราชการก็มีบำนาญได้ ! ครม. จ่อไฟเขียวตั้ง “กองทุนบำนาญ” จ่ายเท่าไหร่นายจ้างสมทบให้เท่านั้น





เชื่อว่าคนทำงานทุกคนย่อมอยากสบายในวันที่ตัวเองเกษียณ มีเงินใช้สบายๆในวันที่ไม่ต้องเหนื่อยทำงานแล้ว แต่บริษัทบางบริษัทก็ไม่ได้มีนโยบายเช่นนั้น ทำให้หลายคนไม่มีเงินก้อนมากพอที่จะใช้ยามเกษียณ และกลายเป็นภาระของลูกหลานต่อไป…

 

1560-1

 

แต่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายละเอียดเรื่องร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) โดยมีสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ คือ

 

“จะมีการบังคับให้ผู้ประกอบการทุกรายตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้าง”

 

การบังคับที่ว่านี้ส่งผลอย่างไรกับประชาชนคนไทย เราสรุปมาให้แล้วค่ะ

 

สาระสำคัญ

1. ประโยชน์ของร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีเงินไว้พอใช้ในยามเกษียณ

2. ในเบื้องต้นจะบังคับกับผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 รายขึ้นไปก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการ SME

3. อัตราเบื้องต้นจะอยู่ที่ประมาณ 3% โดยอัตราของนายจ้างและลูกจ้างที่จ่ายเงินเข้าสมทบกองทุนจะเป็นแบบขั้นบันได คือ ให้นายจ้างและลูกจ้างจ่ายสมทบเงินเข้ากองทุนฝ่ายละ 3% ในช่วง 3 ปีแรก และจะเพิ่มเป็นฝ่ายละ 5% และ 7% ในปีถัดไป

4. เนื่องจากในปี 2561 บุคคลธรรมดาจะเสียภาษีน้อยลง ดังนั้น การเก็บเงินเข้ากองทุนบำนาญในอัตราดังกล่าวจึงไม่น่าจะมีผลกระทบด้านภาระการเงินที่เพิ่มขึ้น

5. พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ ยกเว้นสำหรับลูกจ้างที่รายได้ไม่ถึง 10,000 บาทต่อเดือน ไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับ โดยให้นายจ้างจ่ายสมทบฝ่ายเดียว เพราะถือว่าเป็นลูกจ้างที่มีรายได้น้อย

 

จากข้อมูลข้างต้น….ร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ จึงถือเป็นกฎหมายสำคัญที่กระทรวงการคลังต้องการออกมาเพื่อให้ประชาชนได้สำรองเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ

 

[ads]

 

อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายตัวนี้ยังไม่ได้มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะต้องพิจารณาหลักการของ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติก่อนอีกครั้ง จึงจะบรรจุวาระเพื่อพิจารณาเห็นชอบ ทั้งนี้ ก็ต้องมีระยะเวลาเพื่อไม่ให้ลูกจ้างและนายจ้างได้รับผลกระทบในเรื่องรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นนี้นั่นเอง

 

เอาเป็นว่าในอนาคต หากร่างนี้ถูกบังคับใช้ขึ้นมาจริงๆ น่าจะช่วยให้คนไทยในวัยเกษียณมีความสุขมากขึ้น แม้ว่าคุณจะไม่เคยวางแผนทางการเงินมาก่อน ไม่เคยทำประกันชีวิต แต่การทำงานมาตลอดชีวิตก็จะช่วยให้คุณมีเงินก้อนหนึ่งที่มากเพียงพอที่จะดูแลตัวเอง หรือรักษาตัวเองยามเจ็บไข้ได้ ไม่ต้องเป็นภาระของลูกหลานมากจนเกินไป

 

แต่ถ้าใครไม่อยากอดยากในยามแก่เฒ่าจริงๆ ก็ต้องเริ่มออมเงินตั้งแต่วันนี้นะคะ การออมเงินจากหลายๆทางน่าจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและช่วยให้คุณมีเงินใช้ไม่ขาดมือได้ในอนาคต

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก onlinesss.com

 

[ads=center]

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: