ใครที่ทำงานเป็นพนักงานมีรายได้ประจำจากเงินเดือน แต่สงสัยว่าทำไมตัวเองถึงไม่มี ‘ประกันสังคม’ อาจมีคำถามนี้ติดอยู่ในใจ และพอไปเอ่ยปากถามนายจ้าง เขาก็บอกกลับมาว่า “ไม่ได้เข้าระบบประกันสังคม” ซึ่งอาจจะทำให้คุณเลยอดคิดไม่ได้ว่า “นายจ้างทำแบบนี้ทำให้เราเสียสิทธิประโยชน์อะไรไปหรือไม่ หรือถือว่าเราทำผิดกฎหมายหรือเปล่า” มาหาคำตอบกันดีกว่า
ข้อกำหนดของประกันสังคมได้กำหนดไว้ว่า
“นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป จะต้องขึ้นทะเบียนนายจ้าง พร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนด้วยกับทางประกันสังคม โดยต้องขึ้นทะเบียนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่มีการจ้างงาน”
หรือเมื่อมีการจ้างลูกจ้างใหม่ก็จะต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่ภายในกำหนด 30 วัน เช่นเดียวกันและเมื่อมีลูกจ้างลาออกไปนายจ้างก็มีหน้าที่ต้องแจ้งเอาชื่อลูกจ้างออกจากประกันสังคมด้วยเช่นเดียวกัน โดยต้องระบุสาเหตุของการออกจากงาน และต้องแจ้งภายใน 15 วันของเดือนถัดไป
หลังจากขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างและลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนแล้ว นายจ้างจะมีหน้าที่ต้องนำส่งเงินสมทบทุกเดือนให้กับประกันสังคม โดยเงินสมทบที่ต้องนำส่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นเงินสมทบที่หักจากเงินเดือนของลูกจ้าง
ส่วนที่สอง เป็นเงินสมทบที่บริษัทต้องจ่ายสมทบเพิ่มไป
การนำส่งเงินสมทบนี้นายจ้างสามารถส่งเงินสมทบได้ 2 วิธี คือ
1. นำส่งเงินสมทบด้วยแบบ สปส.1-10 โดยจะต้องกรอกข้อมูลในเอกสารให้ครบถ้วน ยื่นที่ประกันสังคมส่วนเงินสมทบจะเป็นเงินสดหรือเช็คก็ได้ ต้องยื่นและส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
2. นำส่งเงินสมทบด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยนายจ้างต้องดาวน์โหลดโปรแกรม format ข้อมูลจาก www.sso.go.th กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนในเอกสาร สปส.1-10 ทั้งสองส่วน นำส่งเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับบุคคลหรือกิจการที่ไม่ได้ใช้บังคับโดยกฎหมายประกันสังคม เช่น
• ข้าราชการหรือลูกจ้างประจำของหน่วยงานราชการ
• ลูกจ้างของสภากาชาดไทย
• ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
• ลูกจ้างของผู้ประกอบกิจการเพาะปลูก ประมง ป่าไม้และเลี้ยงสัตว์ ที่ไม่ได้จ้างประจำตลอดทั้งปี
• ลูกจ้างของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
• ลูกจ้างของนายจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดาที่งานที่ทำไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ
• ลูกจ้างของนายจ้างที่ประกอบกิจการหาบเร่ แผงลอย
หากนายจ้างไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคมและลูกจ้างเลยไม่ได้เป็นผู้ประกันตน และไม่ได้รับสิทธิจากประกันสังคมนั้น ตามกฎหมายประกันสังคมนายจ้างจะถือว่า “มีความผิด”
เพราะไม่ว่าลูกจ้างจะเป็นพนักงานรายวันหรือรายเดือนก็ตาม หากมีการจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไปก็ถือว่าต้องขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างและลูกจ้างก็ต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนด้วยเช่นกัน แม้แต่นายจ้างที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทหรือนิติบุคคลเป็นเจ้าของคนเดียวก็ต้องทำ ยกเว้นกิจการที่เป็นข้อยกเว้นเท่านั้น
หากไม่มีใครไปแจ้งกับสำนักงานประกันสังคมก็คงจะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่หากมีผู้ไปแจ้งกับประกันสังคมทางประกันสังคมจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่สถานที่ประกอบการของบริษัทนั้น ๆ
[ads]
ระวังโทษหนัก! อะไรบ้าง
สำหรับโทษที่กำหนดไว้หากนายจ้างที่เข้าข่ายต้องขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างและลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนตามประกันสังคมแต่ไม่ได้ทำ หรือมีการจ้างลูกจ้างเข้าทำงานแต่ไม่ได้แจ้งประกันสังคมภายใน 30 วัน มีบทลงโทษที่กำหนดไว้ คือ
“ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ”
อยากให้คุณรู้ไว้ว่า พนักงานที่ทำงานอยู่ในบริษัทที่ไม่ได้ทำประกันสังคมนั้นไม่ถือว่ามีความผิด แต่เรียกว่าเป็นการเสียสิทธิมากกว่า เช่น
– การรักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วย
– การคลอดบุตร
– สงเคราะห์บุตร
– การว่างงาน
– เงินชราภาพ ทุพพลภาพหรือเสียชีวิต
ลูกจ้างคนไหนเป็นแบบนี้สามารถแจ้งไปทางแผนกบุคคลเพื่อให้ยื่นเรื่องเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างและแจ้งลูกจ้างเป็นผู้ประกันตน หรือแจ้งเรื่องไปที่ประกันสังคมเองโดยตรงก็ได้
อย่ายอมที่จะเสียสิทธิที่เราพึงจะได้รับจากประกันสังคมเลยค่ะ เพราะประกันสังคมที่เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทไหนที่จงใจไม่ทำเลยก็เหมือนส่อเจตนาที่ไม่ซื่อสัตย์ ซึ่งคุณนั่นแหละที่ต้องดิ้นรน เพื่อผลประโยชน์ของตัวคุณเอง
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก naarn.com
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ