ต้มจืดยอดมะรุม สุดยอดเมนูอาหารโปรตีนสูง กินลดไขมันในเลือด บำรุงตับ
มะรุมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง
• สูง 3-4 เมตร ทรงต้นโปร่ง
• ใบคล้ายกับใบมะขามออกเรียงแบบสลับกัน
• ผิวใบสีเขียว ด้านล่างสีจะอ่อนกว่าด้านบน
• ดอกออกเป็นช่อสีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบ
• ผลหรือฝักมีความยาว 20-50 เซนติเมตร ลักษณะเหมือนไม้ตีกลอง
• เปลือกผล หรือฝักเป็นสีเขียวมีส่วนคอด และส่วนมนเป็นระยะตามความยาวของฝัก
• ฝักแก่ผิวเปลือกเป็นสีน้ำตาล เมล็ดมีเยื่อหุ้มกลมเป็นสีน้ำตาล มีขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร
คุณค่าทางสารอาหาร
1. โปรตีนสูง เฉลี่ยแล้วมะรุมมีโปรตีนแซงหน้านมสดถึง 2 เท่า
2. อุดมไปด้วยวิตามินเอ เฉลี่ยแล้วมากกว่าแครอท 3 เท่า
3. แคลเซียมสูงกว่านมสดประมาณ 3 เท่า
4. โพแทสเซียมในมะรุมมีมากกว่ากล้วย 3 เท่า
5. ใยอาหารสูงมาก
6. แคลอรีต่ำ
7. อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายมากถึง 8 ชนิด ได้แก่ ไอโซลิวซีน (ISOLEUCINE), ลิวซีน (LEUCINE), ไลซีน (LYSINE), เมไธโอนีน (METHEONINE), ฟีนิลอะลานีน (PHENYLALAINE), ทรีโอนีน (THREONINE), ทริทโอยีน (TRYTOHYAN) และกรดอะมิโนวาลีน (VALINE) ซึ่งล้วนแต่เป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายผลิตขึ้นเองไม่ได้
[ads]
สรรพคุณของมะรุม
1. แทรกซึมอยู่แทบทุกส่วนของต้นมะรุม ไม่ว่าจะเป็นใบมะรุม ฝักมะมุม เปลือกต้น หรือรากมะรุม
2. ใบมะรุมจะเป็นส่วนที่มีวิตามินซี วิตามินเอ และวิตามินบีสูงมาก รวมทั้งธาตุเหล็กก็สูงไม่แพ้กัน จนกระทั่งงานวิจัยต่างประเทศยังยกให้ใบมะรุมเป็นซูเปอร์ฟู้ดชนิดหนึ่งเลยทีเดียว
3. ตำรายาพื้นบ้านใช้ใบมะรุมพอกแผลช่วยห้ามเลือด
4. เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ
5. ทำให้นอนหลับง่าย
6. แก้ไข้
7. ลดไขมันในเลือด
8. บำรุงตับ
9. ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน
10. แก้อักเสบ
11. ช่วยลดความดันโลหิต เมื่อนำสารสกัดจากใบไปผสมน้ำและเอทานอล
12. ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
13. บำรุงกำลัง
14. บรรเทาอาการปวดข้อ
15. รักษาแผลเปื่อย
16.สารสกัดจากใบสามารถกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญได้
17. บำรุงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายให้แข็งแรง
18. ต้านอนุมูลอิสระได้
19. น้ำคั้นสดของใบมะรุมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
20. สารสกัดจากใบมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด
21. ช่วยบำรุงการทำงานของระบบย่อยอาหาร
22. ช่วยคงสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยให้อารมณ์คงที่
ข้อควรระวังในการกินมะรุม
1. ผู้ป่วยที่กินมะรุมติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรหมั่นตรวจการทำงานของตับ เนื่องจากผู้ป่วยบางรายที่ใช้มะรุมติดต่อกันเป็นเวลานาน ตรวจพบว่ามีค่าเอนไซม์ตับเพิ่มสูงขึ้น
2. สตรีมีครรภ์ควรระมัดระวังการรับประทานมะรุมในทุก ๆ ส่วนเพราะจากการทดลองความเป็นพิษในสัตว์ทดลองพบว่า การรับประทานมะรุมเป็นเวลานาน ๆ อาจเกิดการสะสมของสารบางอย่าง ซึ่งอาจเป็นพิษและทำให้เกิดการแท้งได้
วิธีการนำมะรุมมาทำอาหาร
1. เด็ดยอดมะรุมอ่อนๆ รูดใบ เด็ดก้านอ่อน
2.ต้มน้ำซุปใส่ปลาหมึกแห้งหรือกุ้งแห้งสักนิดเพื่อดึงความหอมของน้ำซุป ต้มจนเดือด
3. พอเดือดให้ทำหมูบะช่อให้ลอย
4. ใส่ยอดและก้านมะรุมลงไป
5. เหยาะพริกไทย กระเทียมเจียวโรยหน้า
6. หากชอบรสหอมก็เติมผักชีลงไป
7. เพียงเท่านี้เป็นอันเสร็จ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ก็ดูจะเข้ากัน
หลังจากที่ได้อ่านกันแล้ว ก็ได้ทราบถึงสรรพคุณของมะรุมกันไปแล้ว ซึ่งใบมะรุมต้องผ่านการสกัดใบมะรุมด้วยตัวทำละลาย เพื่อให้ง่ายต่อการป้อนสัตว์ทดลอง ดังนั้นหากคุณจะทานมะรุมสดๆสามารถช่วยรักษาโรคและบำรุงสุขภาพได้เช่นกัน แต่ก็อย่าหวังผลการรักษาที่มากเกินไป และไม่ควรรับประทานมะรุมในปริมาณมาก หรือรับประทานติดต่อกันนานเกินไปจากประโยชน์จะกลายเป็นโทษแทน
______________________________________
เรียบเรียงและจัดทำหาข้อมูลโดย ThaiJobsGov.com
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ