เมื่อกระแสรักสุขภาพมาแรง หลายคนจึงหันมาบริโภคพืชผักกันมากขึ้น ผักสุขภาพอย่าง “ต้นอ่อนข้าวสาลี”ก็เป็นอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าต้นอ่อนทานตะวันเลย ต้องปลูกยังไง ขายยังไงถึงจะรวย ตามมาดูกัน
ต้นอ่อนข้าวสาลี คือ ส่วนของต้นที่เพิ่งจะงอกออกจากเมล็ดได้ไม่นาน ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ ก็สามารถนำมารับประทานได้ วิธีการรับประทานก็คือนำมาคั้นเพื่อให้ได้ส่วนของน้ำสีเขียวสดที่เรียกว่า “น้ำวีทกราส (Wheat grass juice)” หรือนำเอาไปทำเป็นผงชงดื่มและอัดเม็ดเป็นแคปซูลเพื่อให้รับประทานง่ายขึ้น
เครื่องดื่มชนิดนี้ ประกอบด้วยคลอโรฟิลล์ถึงร้อยละ 70 นอกจากนั้น ยังพบวิตามินเอ ซีและอี แร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม และกรดอะมิโนกว่า 17 ชนิด ซึ่งนับได้ว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
การเพาะปลูกต้นอ่อนข้าวสาลี
เราสามารถเพาะปลูกด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ โดยอาจจะหาซื้อเป็นชุด kit ที่มีวางจำหน่ายทั้งถาด ดิน และเมล็ด หรือหาซื้ออุปกรณ์และเมล็ดพันธุ์เองก็ได้ ดังนี้
อุปกรณ์ที่ต้องมี
1. ถาดปลูก ( เจาะรู ) 3 ถาด
2. ถาดเพาะ ( ไม่เจาะรู ) 1 ถาด
3. ข้าวสาลี 1 ถุง ( 1 กิโลกรัม ) พันธ์ข้าวสาลีแนะนำให้ช้พันธุ์ผสมพื้นเมือง หากใช้พันธุ์ต่างประเทศจะปลูกยาก
วิธีทำ
1. นำข้าวสาลีประมาณ 200 กรัม มาล้างและเกลี่ยให้เต็มถาดเพาะ เติมน้ำให้ท่วม ทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง
2. เทน้ำออกให้ชื้นพอหมาด ๆ นำถาดเพาะมาครอบไว้อีก 24 ชม. ช่วงนี้ข้าวสาลีจะเริ่มแทงรากออกมา ยาวประมาณ 2 มม.
3. เตรียมดินลงบนถาดปลูกให้หนาประมาณ 1 นิ้ว เลือกแบบที่ไม่มีเศษไม้หรือกาบมะพร้าว เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา
4. นำเมล็ดข้าวสาลีที่เริ่มงอกมาเกลี่ยให้เต็มหน้าดิน แต่ไม่ต้องฝังดิน
5. รดน้ำ แต่อย่าให้แฉะจนเกินไป เพราะจะเกิดเชื้อราได้ง่าย
6. นำถาดเพาะมาครอบ ทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 วัน ต้นกล้าจะสูงประมาณ 1 ซม.หากเมล็ดไหนมีเชื้อรา ควรจะแยกเมล็ดนั้นออก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราขยายตัว
7. นำถาดปลูกต้นกล้าไปวางในตำแหน่งรับแสง ให้โดนแดดโดยตรงและรดน้ำให้พอเหมาะแต่อย่าให้แฉะเกินไป ทิ้งไว้จนครบ 5-7 วัน
8. เท่านี้ก็จะได้ “ต้นกล้าข้าวสาลี” ตัดต้นกล้าข้าวสาลีถึงโคนต้น พร้อมนำไปขายหรือคั้นน้ำสำหรับดื่มเพื่อสุขภาพได้เลย
9. สามารถปลูกต่อและตัดได้อีกรอบ
[ads]
ข้อควรระวัง
การปลูกวีทกลาสในประเทศไทย จะพบปัญหาเชื้อราขึ้นเป็นหย่อมๆบริเวณโคนต้น การป้องกันทำได้โดย
1. ไม่ใช้เมล็ดข้าวสาลีที่เก่า
2. ล้างน้ำหลังจากแช่และก่อนลงดินหลายๆครั้ง ก
3. อย่ารดน้ำให้น้ำขังมาก
4. คัดเมล็ดที่มีเชื้อราออกในวันที่ 2 หลังลงดิน
สำหรับราคาที่ขายได้ ผลผลิตจำหน่าย 1 ขีด ขายได้ประมาณ 50 บาท ถ้าคิดต่อกิโลกรัมก็ตกกิโลกรัมละ 500 บาท เลย นับว่ารายได้ดีไม่น้อย เพียงแต่ต้องหาตลาดให้เจอเท่านั้นเอง
อาชีพเสริมสามารถสร้างรายได้ให้แก่คุณได้ไม่น้อยไปกว่ารายได้หลักเลย หากคุณคิดว่าคุณพร้อมที่จะเรียนรู้และมีเงินเพียงพอในการลงทุน การเพาะต้นอ่อนข้าวสาลี ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คุณรวยได้ หากคุณตั้งใจมากพอ คุณก็จะทำสำเร็จได้ไม่ยากเลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก goodhealth.co.th และ organicbook.com
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ