หลายคนอาจเคยหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงกายมาในรูปของคอลเซ็นเตอร์สุดแสบจนเสียทั้งเงิน เจ็บทั้งใจ หรือหากไม่เคย ก็อาจได้ยินเรื่องราวทำนองนี้อยู่บ่อยๆจนพาลหวาดระแวง หากจะต้องรับโทรศัพท์จากคนที่ไม่รู้จักมักคุ้น ทันทีที่เหยื่อรับสาย แก๊งเหล่านี้ก็จะ ‘แจ้งข่าว'ให้ผู้รับสายฟังในรูปแบบต่างๆ อาทิ
[ads]
"สวัสดีครับ ผมชื่อ… ติดต่อมาจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย ขอเรียนให้คุณทราบว่าบัตรเครดิตของคุณมียอดค้างชำระจำนวนxxxxบาท หากต้องการตรวจสอบ กรุณาไปที่เอทีเอ็มของคุณ และกดเบอร์ดังนี้…หรือ "ดิฉัน ชื่อ… ติดต่อมาจากบริษัทxxx ขอแจ้งให้คุณทราบว่า คุณคือผู้โชคดีจากการสุ่มเบอร์โทรศัพท์ชิงรางวัลจากทางบริษัท ทว่าทางบริษัทต้องขอหักภาษี ณ ที่จ่ายโดยทันทีสำหรับผู้รับรางวัล ขอให้คุณทำการโอนเงินมาที่.."
เราจึงขอเสนอ 6วีธีรับมือมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ เพื่อให้ทุกคนสามารถ ตั้งรับเหล่ามิจฉาชีพพวกนี้ได้อย่างมีสติ
• ตั้งสติก่อนเสียสตางค์
แกงค์มิจฉาชีพส่วนมาก มักเล่นกับความโลภ หรือความกลัวของเหยื่อ เช่น คุณเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลเงินสดจำนวน …จากการจับฉลากของเรา หรือ ทางตำรวจสืบพบว่าบัญชีของคุณเป็นบัญชีที่ผิดกฏหมาย ฯลฯ ซึ่งทำให้ผู้รับมีอาการดีใจ หรือตื่นตกใจ จนไม่ทันคิดถึงความเป็นไปได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการมีสติ ไม่ไหลไปกับสิ่งที่ปลายสายกำลังพูด ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครก็ตาม
• ทำตัวเป็นนักสืบ(ชั่วคราว)
ระหว่างที่คุยโทรศัพท์กับปลายสายที่เราไม่แน่ใจว่าเป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า ให้ลองทำตัวเป็น ‘คนช่างสังเกต' ดูว่า บุคคลปลายสาย มีลักษณะดังนี้ หรือไม่
ไม่เปิดโอกาสให้เรามีสติพอที่จะคิดหรือเปล่า เช่น /คุณต้องรีบโอนเงินตอนนี้ ไม่งั้นจะเสียสิทธิ์ /คุณต้องเสียภาษีภายในเย็นวันนี้ ไม่งั้นถูกดำเนินคดี /ห้ามบอกคนอื่นเพราะเป็นความลับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ
มีคำพูดจูงใจน่าคล้อยตาม แต่มีข้อแม้ที่ชวนสับสน เช่น คุณได้รับรางวัลมูลค่า 1 แสนบาท แต่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายภายในตอนนี้ ส่วนของรางวัลจะตามมาทีหลัง
เมื่อใดที่เราเริ่มตั้งข้อสงสัยหรือถามข้อมูลกลับมากๆ ปลายสายจะเริ่มบอกปัด หรือรีบวางสาย และจะไม่มีการ ทิ้งเบอร์ติดต่อกลับอย่างเด็ดขาด (ยกเว้นในกรณีที่เหยื่อหลงเชื่อ มิจฉาชีพก็จะทิ้งเบอร์ไว้เพื่อให้เหยื่อติดต่อกลับ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งส่วนมาก มักเป็นเบอร์พวกเดียวกัน!)
• (หลอก)ถามข้อมูลกลับ
หากคุณเริ่มเอะใจ แต่ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า ปลายสายเป็นมิจฉาชีพ100 เปอร์เซนต์ ขอแนะนำให้คุณหลอกถามข้อมูลของฝ่ายมิจฉาชีพกลับบ้าง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ที่ไหน ใครเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้ใครเป็น ประธานของธนาคารแห่งประเทศไทย ฯลฯ เอาให้รู้กันไปเลยว่า ใครแน่กว่าใคร !
วิธีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ในการติดตามจับคนร้ายกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เริ่มจาก หมายเลขบัญชีธนาคาร.. เพราะ ข้อมูลอื่น ที่คนร้ายให้มาจะไม่มีเรื่องจริงเลย ยกเว้น หมายเลขบัญชีอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้น เมื่อปลายสายเริ่มหลอกให้ ไป โอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ให้คุณเตรียมปากกา จดหมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัญชีธนาคาร ชื่อธนาคารจากนั้นคุณก็สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปแจ้งความกับสน.ต่างๆได้ทันที
• ติดต่อไปยังแหล่งที่มา(ของจริง!)
กลุ่มมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ส่วนมาก มักอ้างบริษัท ห้างร้าน ธนาคาร สถาบัน ที่เป็นที่รู้จักและ น่าเชื่อถือ หรืออ้างชื่อของบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงสังคม ดังนั้นหากไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังโดนหลอกหรือไม่ ให้ลองติดต่อสอบถามไปยังแหล่งที่ปลายสายอ้างถึง โดยอาจเสิร์ชดูหมายเลขโทรศัพท์ในอินเตอร์เนต หรือสอบถามจาก1113
• แกล้งกลับ (ซะบ้าง!)
หากคุณมีเวลา อาจลองหาประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับชีวิต ด้วยการ ‘เล่น'กับกลุ่มมิจฉาชีพดู เพื่อจะได้เรียนรู้กลวิธีการต้มตุ๋นของคนกลุ่มนี้ เอาไว้เตือนภัยคนใกล้ตัว เช่น สังเกตว่ากลุ่มมิจฉาชีพมีวิธีการพูดอย่างไรให้คนเชื่อจนโอนเงินให้ หรือถ้านึกสนุกขึ้นมา อาจแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่ปลายสายพูดจนทำให้อีกฝ่ายต้องพูดซ้ำๆ นานๆ จน โมโห เบื่อหรือเซ็ง ไปเอง ! จะได้เข็ดขยาดไม่นึกอยากโทรไปหลอกใครอีก
• วางสาย (ซะงั้น!)
หากคุณไม่มีเวลา ก็จงวางสายไปเสียเถิด เพราะ สัตว์โลก…ย่อมเป็นไปตามกรรม
รู้อย่างนี้แล้ว ขอเพียงคุณมีสติตั้งมั่น รับรองว่าคุณจะสามารถรับมือกับเหล่ามิจฉาชีพทางโทรศัพท์ได้อย่างสบายหายห่วงแน่นอน!
[ads=center]
ขอบคุณเนื้อหาจาก: คอลัมน์ Life Management นิตยสาร Secret
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ