ฝากเงินธนาคารไม่คุ้ม ดอกเบี้ยต่ำ เอาเงินไปฝากไว้ที่ไหนให้ดอกเบี้ยสูงที่สุด





ในยามที่ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ลดต่ำเหลือเกือบ 0% คนไหนที่อยากจะรวยด้วยเงินฝากคงต้องเปลี่ยนวิธีคิดซะแล้ว หากอยากรวยลองย้ายเงินของคุณมาเก็บไว้ในที่เหล่านี้สิ รับรองว่าคุณจะเก็บเงินได้เยอะขึ้นแน่นอน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้ด้วย

 

ความเสี่ยงต่ำ เงินต้นยังอยู่

1. ฝากบัญชีประจำ

บัญชีเงินฝากประจำ 12 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ราว ๆ 1.3-1.8% แต่หากฝากประจำแบบ 24 เดือนก็จะได้ดอกเบี้ยมากกว่านี้อีก ลองพิจารณาดูว่าคุณกำลังต้องใช้เงินส่วนนี้ในอีกกี่เดือนหรือกี่ปี ถ้าเป็นเงินไม่ร้อน เอาไปฝากกินดอกเบี้ยสบายๆก็ไร้ปัญหา

 

2. เงินฝากปลอดภาษี

เหมาะสำหรับคนอยากเก็บออม เพราะจะต้องนำเงินฝากเข้าธนาคารทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กันตามที่เราเลือกไว้ ประมาณเดือนละ 1,000 บาท ถึง 25,000 บาท ระยะเวลา 24 เดือน หรือ 36 เดือน ซึ่งบัญชีแบบนี้จะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีประเภทอื่น ๆ อยู่ที่ราว ๆ 2.25-3% แถมยังไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย แต่มีข้อจำกัดว่า 1 คน เปิดได้เพียง 1 บัญชีเท่านั้น

 

3. ซื้อสลากออมทรัพย์

ถ้าคุณมีเงินก้อนเย็นๆสามารถเก็บไว้ได้สัก 3 ปีขึ้นไป แนะนำให้ซื้อสลากออมทรัพย์ เพราะนอกจากจะได้รับดอกเบี้ยตามที่กำหนดแล้ว ยังได้ลุ้นรางวัลอีกด้วย แต่ถ้าใครอยากถูกรางวัลทุกงวดก็ต้องซื้อแบบครบวงจร จึงจะถูกรางวัลเลขท้าย 3 ตัวทุกงวด แต่ถ้าไม่มีเงินก้อนก็สามารถทยอยซื้อเป็นครั้ง ๆ ได้ ก็ยังได้ลุ้นรางวัลเหมือนกัน ใครมีดวงด้านการลุ้นโชคออมเงินวิธีนี้คุ้มสุดๆ

 

1238.2

 

4. พันธบัตรรัฐบาล

เป็นตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออกเพื่อกู้เงินจากประชาชน หรือหมายความว่าเรากำลังเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาล โดยส่วนใหญ่จะต้องถือไว้อย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป ยิ่งมีอายุนานเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้ดอกเบี้ยสูงตามไปด้วย ในขณะเดียวกันก็เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำพอ ๆ กับเงินฝาก

 

1238.1

 

5. กองทุนรวมตลาดเงิน

สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อย แต่อยากได้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ ก็ต้องยกให้กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) เพราะแบบนี้ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี สูงสุดที่ 1.65% ต่ำสุด 0.69%  

กองทุนรวมนี้มีข้อดี คือ ซื้อง่าย ขายคล่อง ฝากได้ ถอนได้ไม่ต่างจากบัญชีออมทรัพย์ แต่มีโอกาสได้ดอกเบี้ยพอ ๆ กับเงินฝากประจำ เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ  มีเงินหลักร้อยก็ลงทุนได้ ไม่ต้องเสียภาษี สามารถซื้อ-ขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ แต่จะได้รับเงินในอีก 1 วันทำการที่สั่งขายหน่วยลงทุน

 

 

ความเสี่ยงปานกลาง

1. กองทุนรวมตราสารหนี้

เป็นกองทุนรวมที่มีลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก มีให้เลือกทั้งตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) และตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว ซึ่งผลตอบแทนก็จะแตกต่างกันไป โดยตราสารหนี้ระยะสั้น (Short Term Bond) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี  สูงสุด 2.94%  ต่ำสุด 0.64%  ส่วนตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว (Mid-Long Term Bond) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี สูงสุด 5.60% ต่ำสุด 1.66%

ทั้งนี้ กองทุนรวมตราสารหนี้มีความเสี่ยงกว่ากองทุนรวมตลาดเงิน ขึ้นอยู่กับตราสารหนี้ที่แต่ละกองทุนเลือกลงทุน เช่น เสี่ยงเรื่องค่าเงิน อัตราดอกเบี้ยในตลาด เป็นต้น

 

2. หุ้นกู้

หุ้นกู้ คือ ตราสารหนี้ประเภทหนึ่งที่ออกโดยบริษัทเอกชน ออกมาเพื่อกู้ยืมเงินของประชาชนไปลงทุน มีระยะเวลาในการฝาก เช่น 3 ปี 5 ปี 10 ปี อัตราดอกเบี้ยแล้วแต่บริษัทจะกำหนด

หุ้นกู้จะมีความเสี่ยงมาก-น้อยขึ้นอยู่กับเครดิตของบริษัทนั้น  ถ้าบริษัทมีความน่าเชื่อถือมากก็จะได้รับเครดิตสูง ซึ่งโดยทั่วไปหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือต่ำจะให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าหุ้นกู้ที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การซื้อหุ้นกู้ไม่ควรดูแค่อัตราดอกเบี้ยสูง ๆ เท่านั้น แต่ควรดูอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทด้วย

 

[ads]

 

ความเสี่ยงสูง มีโอกาสขาดทุน

 1. กองทุนรวม

กองทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงพอสมควร อาจขาดทุนหรือสูญเสียเงินต้นได้ แต่ก็มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าแบบอื่นๆได้เช่นกัน โดยกองทุนรวมมีให้เลือกลงทุนหลายประเภททั้ง กองทุนรวมในประเทศ ต่างประเทศ ลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น น้ำมัน ทองคำ ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเภทมีอัตราความเสี่ยงและผลตอบแทนแตกต่างกันไป เช่น

– กองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี สูงสุด 8.44% ต่ำสุด -13.57%

– กองทุนรวมหุ้นขนาดเล็กหรือกลาง (Equity Small/Mid Cap) ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี สูงสุด 8.09% ต่ำสุด -15.75%

 

นอกจากนี้สำหรับคนที่มีภาระเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ด้วยก็ได้ เพราะเงินลงทุนในการลงทุนแบบนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

 

 

การลงทุนทุกอย่างอาจไม่สามารถกำหนดผลตอบแทนที่แน่นอนได้ ใครอยากเลือกเก็บเงินแบบไหนก็ต้องพิจารณาความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ ใครรับความเสี่ยงได้สูงก็มีโอกาสได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่า ใครอยากลงทุนที่ความเสี่ยงน้อยๆก็จะได้ผลตอบแทนน้อยไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนะให้ทุกท่านลงทุนในหลายๆแบบ อย่าเจาะจงแบบใดแบบหนึ่งเพียงแบบเดียว ทั้งนี้ก็เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนนั่นเอง

 

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก money.kapook.com

 

 

[ads=center]

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: