รถจักรยานต์ยนต์ หรือ รถยนต์สูญหาย ไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อต่อไปอีก เพราะเหตุใด
เนื่องจากสัญญาเช่าซื้อ เป็นสัญญาเช่าชนิดหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งกฎหมายเกี่ยวกับการเช่า ตามมาตรา 567 บัญญัติว่า มาตรา 567 ถ้าทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปทั้งหมดไซร้ ท่านว่าสัญญาเช่าก็ย่อม ระงับไปด้วย
หมายความว่า ถ้ารถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายไป โดยไม่ใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อย่อมระงับไปตามกฎหมาย คู่สัญญาสิ้นความผูกพันธ์เสมือนไม่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อต่อกันอีกต่อไป หากการเช่าซื้อยังคงผ่อนชำระไม่หมดผู้เช่าซื้อก็ไม่ต้องผ่อนชำระงวดที่เหลือในอนาคต
หลักการนี้เป็นบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 ในกรณีไฟแนนซ์ หรือ ลิสซิ่ง ที่ให้เช่าซื้อ ทำสัญญาบังคับให้ผู้เช่าซื้อ ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเช่าซื้อต่อไป แม้ว่ารถยนต์นั้นจะสูญหายไปตามสัญญาก็ตามสัญญาฉบับนั้น ก็ตาม(ข้อกำหนอในสัญญา) ก็ไม่สามารถบังคับได้ เพราะขัดต่อประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้สัญญาธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พ.ศ.2555 ในข้อ 5 (4)
ข้อ ๕ ข้อสัญญาที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคต้องไม่ใช้ข้อสัญญาที่มีลักษณะหรือมีความหมายทำนองเดียวกัน ดังต่อไปนี้….
(๔) ข้อสัญญาที่กำหนดให้ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชำระค่าเช่าซื้อให้ครบถ้วนตาม สัญญา ในกรณีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อสูญหาย ถูกทำลาย ถูกยึด ถูกอายัด หรือถูกริบ โดยมิใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อ เว้นแต่ค่าเสียหาย หรือเบี้ยปรับ หรือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการทวงถาม การติดตามรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อ ค่าทนายความหรือค่าอื่นใด เพียงเท่าที่ผู้ให้เช่าซื้อได้ใช้จ่ายไปจริง โดยประหยัดตามความจำเป็นและมีเหตุผลอันสมควร)
แต่การที่สัญญาจะระงับตามกฎหมายต้องปรากฎหมายว่า เหตุที่รถสูญหายไปนั้น ไม่ใช่ความผิดของผู้เช่าซื้อ
และที่สำคัญ ผู้เช่าซื้อต้องแสดงให้เห็นว่า ตนได้ใช้ความระมัดระวังในการดูแลรักษาทรัพย์สินเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงรักษาทรัพย์สินของตนเองหรือไม่ เพราะโจทก์ (ผู้ให้เช่าซื้อ) ไม่อาจทราบได้เองว่า ขณะรถยนต์สูญหาย จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังเพียงใด
คดีนี้…ปรากฎว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาคดี ไม่สืบพยาน (คือจำเลยไม่มาศาลเพิ่อสู้คดี) จึงไม่มีพยานหลักฐานให้ศาลพิจารณาได้ว่า จำเลยที่ 1 ใช้ความระมัดระวังในการดูแลทรัพย์สินหรือไม่ ศาลจึงต้องฟังว่าเหตุที่รถที่เช่าซื้อสูญหายเป็นความผิดของจำเลยที่1 ดังนั้น จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดใช้ราคาค่าเช่าซื้อแก่โจทก์ สัญญาเช่าซื้อไม่ระงับไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567
คำพิพากษาฎีกาที่ 6531/2558
ขอบคุณข้อมูลจาก ทนายเกิดผล แก้วเกิด
เรียบเรียงใหม่โดย Thaijobsgov
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ