สาวอิสลามสู้ชีวิตเป็นลูกของสาวโรงงานฐานะที่บ้านยากจนสร้างตัวเองจากศูนย์ ใช้ทุนจากทองแต่งงานหลักพันกลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจขายส่งอุปกรณ์เบเกอรี่มูลค่ามากกว่า 30 ล้าน แต่โชคชะตากลับพลิกผัน เมื่อทำงานหนักจนมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงมีผลทำให้ตาบอดสนิททั้งสองข้าง หมอสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะเนื้องอกก้อนใหญ่กดทับสมอง แต่เชื่อมั่นในพระเจ้ากับความดีที่ทำมาตลอด คิดว่ามันคือบททดสอบ จนมาเจอกับนักธุรกิจรุ่นใหญ่ที่มีความสามารถพิเศษ สามารถรักษาต่อกระดูก ต่อเส้นเอ็นได้ รักษาอาการตาบอดของเธอให้กลับมาหายดีเป็นปกติตามเดิม
หลังจากทำงานหนักสู้ชีวิตแบบชาตินี้ไม่มีถอยหนีเพื่อให้ลูกๆมีกินมีใช้อย่างสุขสบาย แต่เพราะการไม่พักผ่อนทำให้คุณ ยา อรชุมา ระดิ่งหิน สาวอิสลามนักสู้ต้องป่วยหนักเกิดอาการตาบอดทั้งสองข้างมองไม่เห็นไปเกือบ 7 เดือน ไปโรงพยาบาลหาหมอรักษาหมดเงินไปเยอะมากแต่อาการกลับไม่ดีขึ้นมีแต่ทรงกับทรุด สุดท้ายกลับมาบ้านเตรียมเขียนพินัยกรรมแบ่งมรดกยกบ้านให้ลูกๆที่คนโตอายุแค่ไม่กี่ขวบเอง
[ads]
“คือยากับแฟนอดีตเราเปิดร้านของขายชำกันแถวประชาอุทิศทุ่งครุ เราสองคนก็สู้ชีวิตกันมาทำงานหนักไม่เคยได้พักผ่อนกันเลยค่ะ แล้วพอเราขายมาเรื่อยๆก็เลยเปลี่ยนมาทำเป็นร้านขายอุปกรณ์ทำเบเกอรี่ ซึ่งเราเริ่มต้นกับด้วยความลำบากแต่กิจการที่ยากับแฟนสร้างก็ค่อยๆเติบโต จากที่มีร้านเดียวเราก็คิดขยายเพิ่มพื้นที่ขาย ขายดีมากจนไม่เวลาพักผ่อน เวลากินข้าวเนี่ยแทบไม่มีเลย ในหัวสมองคิดแต่เรื่องงาน แต่ชีวิตก็เจออุปสรรคเยอะมากเหมือนกัน พอขายดีก็โดนแกล้ง ถูกคนที่บริหารจัดการตลาดที่เราเคยไปเช่าเขากลั่นแกล้งสารพัดไล่เราเหมือนหมูเหมือนหมาจนเราทนไม่ไหวเลยย้ายไปเปิดที่ตลาดอีกฝั่ง ร้านค้าเราก็บูมอีก ขายได้วันละหลายหมื่นซึ่งในช่วงย้อนหลังไปหลายปีก่อนถือว่าขายได้เยอะมาก เราก็ลงของเพิ่มขายดีต่อไป แต่แน่นอนว่าขายดีย่อมมีอุปสรรคก็เจอแกล้งอีกจนสุดท้ายคิดกันกับแฟนว่าไม่อยากไปเช่าพื้นที่คนอื่นขายของกันแล้ว พอเราสร้างๆมาก็มาเจอแบบเดิม เลยตัดสินใจไปซื้อคูหาตึกร้าง 5 ห้องที่ไม่มีใครเอามาทำเปิดร้านใหญ่โต จนกลายเป็นร้านประชาอุทิศเบเกอร์คิงส์ ขายอุปกรณ์เบเกอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในย่านประชาอุทิศทุ่งครุในปัจจุบันนี่ค่ะ”
ทำงานหนักกันสองผัวเมียไม่มีวันหยุด กินข้าวแทบไม่มีเวลาพักผ่อนจนเป็นเหตุให้อยู่ดีๆ ก็คุณยาก็ป่วยกะทันหัน ตาเริ่มบอดจนในที่สุดมองไม่เห็นทั้งสองข้าง ช่วงนั้นคือวิกฤติครั้งใหญ่สุดในชีวิตคุณยาเลยทีเดียว “คิดว่าตัวเองจะตายแน่ๆ ไปหาหมอเสียเงินเสียเวลา ไปหลายที่ไม่หายไม่ดีขึ้นมีแต่ทรุดลง จนดวงตายาทั้งสองข้างมองไม่เห็น ทางแฟนยาเองก็ป่วยแบบเริ่มเจ็บปวดหลังปวดกระดูกเพราะทำงานหนักเหมือนกัน ป่วยกันทั้งผัวและเมีย แต่อาการยาหนักสุดคิดว่าจะตายแน่ๆ เลยทำพินัยกรรมแบ่งสมบัติให้ลูกๆ คือยาเองมีลูกเล็กๆ 3คน เรียนประถมและอนุบาลกันอยู่เลยค่ะ ก็แบ่งว่าบ้านหลังนี้จะยกให้ลูกคนนี้อะไรแบบนี้ เพราะอาการเราหนักมาก ไม่หายแน่นอน หมอก็สงสัยว่าเราเป็นเนื้องอกทับส่วนใดของร่างกายแน่ๆ ทำให้เรานอนโทรมตาบอดยาวนานกว่า 7 เดือน ตอนนั้นงานที่ร้านเราไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ได้ยินแล้วมันจะเครียด”
คิดว่าตัวเองจะตาย สุดท้ายปาฏิหาริย์เกิด เมื่อพระเจ้าได้ส่งอาจารย์คนหนึ่งที่เขาเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถพิเศษเป็นที่ปรึกษาบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มารักษา “ตอนที่ป่วยอยู่เราไปหาหมอสมัยใหม่มาหลายที่เลยนะ พี่กล้าพูดเต็มปากเลยว่าหมอเองก็จนปัญญารักษาไม่ได้ แล้วอยู่ๆดีก็มีอาจารย์พิเศษคนหนึ่งเป็นคนรู้จักแนะนำมา ได้ยินมาว่าเขาเคยรักษามาหลายคนแล้วอาการดีขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือน้าชุมพรพ่อของพระเอก ศรราม ยาเองไม่รู้จะไปพึ่งที่ไหนได้อีกแล้ว ก็อาจารย์คนนี้มารักษาที่บ้าน แทบไม่เชื่อว่าอาการที่หมอสมัยใหม่รักษาไม่หาย จากที่คิดว่าตัวเองทรมานและกำลังจะตาย ปรากฏว่าอาการเริ่มดีขึ้น เหลือเชื่อยาเริ่มกลับมามองเห็นเหมือนคนปกติได้เหมือนเดิม ตอนนั้นมีความหวังมาก เหมือนคนที่ตายทั้งเป็นกลับมาได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง”
รอดตายหลังจากป่วยหนักตาบอดมา 7 เดือน ได้แง่คิดเป็นอุทาหรณ์ ว่าทำงานหนักเกินตัว ก็อย่าลืมห่วงเรื่องสุขภาพของตัวเองเพราะสุขภาพที่ดีนั้นเป็นลาภอันประเสิรฐมากกว่าเงินทองหรือของมีค่าสิ่งอื่นใด “หลังจากอาการดีขึ้น ยาก็ย้อนดูตัวเองเพราะวันๆหนึ่งทำงานหนักมากเวลาพักผ่อนน้อย กินก็ต้องรีบกินไม่ได้ไปเที่ยวไหนตั้งแต่แต่งงานมากับแฟนไม่เคยไปเที่ยวสวีทเหมือนคนอื่นเขาจนวันนี้มีบ้าน 1 หลัง มีอาคารพาณิชย์ 5 ห้องมีร้านขายส่งอุปกรณ์เบเกอรี่ที่ใหญ่ที่สุดและขายดีที่สุดในย่านประชาอุทิศทุ่งครุ มีรถ มีสมบัติทุกอย่างแต่เกือบพลาดท่าให้กับความตาย เราไม่เคยดูแลร่างกายเลยใช้แต่ร่างกายทำงานหนักพอทำงานเยอะก็กินเยอะไม่มีเวลาออกกำลังกายทำให้อ้วนมากจนป่วยหนักทั้งผัวและเมีย ลูกๆก็พลอยอ้วนด้วย เรียกได้ว่าอ้วนกันทั้งบ้าน
ยาเลยคิดว่าร่างกายเราจะเป็นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ ต้องลุกขึ้นปฎิวัติตัวเอง เริ่มจากหายาลดความอ้วนมากิน ลองอยู่หลายตัวหลายสูตรก็ไม่เห็นผลจนกระทั่งมีเพื่อนที่ทำงานด้านอาหารเสริมลดน้ำหนักพอดี พี่เลยเข้าไปหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เราเป็นคนคิดค้นพัฒนาสูตรจนได้สูตรที่ดีที่สุดเห็นผลที่สุดด้วยสารสกัดจากลาสเบอรี่ที่ดีที่สุด ยาและแฟนเลยได้ลองทานดู ปรากฏว่าเห็นผล จากแฟนพี่อ้วนๆลงพุง 6 เดือนลดได้ 20 โล จากน้ำหนัก 98 เหลือ 77 โล ส่วนตัวยาเอง 3 เดือนลดได้ 20 โลจากน้ำหนัก 85 เหลือ 65 จากที่แต่ก้อนอ้วนลงพุงตอนนี้หุ่นดีขึ้นมาเยอะมาก
สุขภาพก็ดีขึ้น รูปร่างกระชับ ไม่เหี่ยวไม่โทรมผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นด้วย ยาเลยปรึกษาแฟนว่าเราจะลองมาทำแบรนด์ตัวลดความอ้วนกันดีมั้ย เพราะร้านเราก็ขายพวกอุปกรณ์เบเกอรี่ ขายพวกอุปกรณ์ ขนม นมเนย แป้ง อะไรพวกนี้อยู่แล้วเจอคนที่มีปัญหาเรื่องความอ้วนเยอะมาก จึงตัดสินใจกันมาทำอาหารเสริมลดน้ำหนักขายกันในชื่อแบรนด์ว่า กิ๊ฟซี่ (Gift Si) ซึ่งพี่กับแฟนลองกินสูตรนี่มาหลายเดือนจนมั่นใจว่าปลอดภัยจริงๆ
จึงกล้าทำออกมาขายและบอกต่อปรากฏว่าขายดีเฉพาะลูกค้าประจำที่เดินเข้าร้านเห็นหุ่นเราสองคนเปลี่ยนไปหลายคนก็ซื้อไปทาน ตอนนี้มีลูกค้าที่ขายดีแบบไม่ต้องพูดเยอะเพราะแค่ลูกค้าเห็นหุ่นพี่กับแฟนเขาก็เชื่อแล้วว่ามันได้ผล ล่าสุดผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักแบรนด์ กิ๊ฟซี่ มีชื่อเข้ารับรางผลิตภัณฑ์ดีเด่น จากสภาเครือข่ายสถาบันส่งเสริมพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจแห่งประเทศไทยด้วยนะคะ เป็นที่น่าภาคภูมิใจและมั่นในในคุณภาพสินค้า เป็ของเราว่าปลอดภัย ได้ผล เป็นที่ยอมรับ น่าใช้”
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก คุณยา อรชุมา ระดิ่งหิน หรือปรึกษาให้คำแนะนำเรื่องลดน้ำหนักได้ที่ เฟสบุค ลดน้ำหนัก กี๊ฟซี่
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ