หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นเครื่องดื่มที่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าไรนัก แต่ด้วยความซู่ซ่า ดับ กระหาย ยิ่งถ้าได้ดื่มขณะเย็นๆ ท่ามกลางอากาศร้อนๆ อย่างในบ้านเรา ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความสดชื่นของเครื่องดื่มชนิดนี้แน่นอน แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะรู้ว่าน้ำอัดลมไม่มีประโยชน์แถมยังแฝงไปด้วยอันตราย แต่ก็มักจะคิดว่านิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไร บ่อยๆ เข้าก็เพิ่มปริมาณและความถี่ในการกิน
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าหนึ่งในอันตรายของน้ำอัดลม คือ ภัยมหันต์สำหรับลูกๆ ในวัยที่กำลังเจริญเติบโต นักโภชนาการชำนาญการพิเศษ กองโภชนาการ กรมอนามัย ให้ความรู้ว่า ในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง หรือ 1 ขวด นอกจากจะมีน้ำและน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลักแล้ว ยังมีส่วนประกอบของกรดคาร์บอนิก และกรดฟอสฟอริกด้วย
ซึ่งกรดเหล่านี้มีคุณสมบัติ ทำให้น้ำอัดลมเกิดฟอง และทำให้รู้สึกซ่าขณะดื่ม แต่ในขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติในการขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียมที่ จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายสำหรับเด็ก ๆ ที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโตเช่นกัน
ภาพประกอบจาก www.dailymail.co.uk
กรดคาร์บอนิก เป็นกรดที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาเคมีระหว่างน้ำกับคาร์บอนไดออกไซด์ และด้วยคุณสมบัติเฉพาะของกรดทั่วไปที่มักทำปฏิกิริยาได้ดีกับหินปูน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่กรดคาร์บอนิกจะทำลายแคลเซียมที่เป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน จนทำให้เด็กมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร เช่นเดียวกับกรดฟอสฟอริก ที่มีฟอสฟอรัสเป็นส่วนประกอบ
โดยปกติแล้วฟอสฟอรัสจะต้องทำงานร่วมกับแคลเซียมและต้องพยายามรักษาสัดส่วนของฟอสฟอรัสและแคลเซียมในเลือดให้เท่ากับ 1:2 เพื่อเป็นกลไกที่จะป้องกันไม่ให้เลือดเรามีสภาพเป็นกรด และเมื่อใดที่ร่างกายได้รับฟอสฟอรัสมากเกินไป ร่างกายจึงจำเป็นต้องสลายแคลเซียมจากกระดูกมาใช้ในการปรับกลไกให้สมดุล ดังนั้นการดื่มน้ำอัดลมในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้กระดูกที่มีส่วนประกอบของแคลเซียม อาจเกิดการคดงอ สึกกร่อนได้ง่ายยิ่งขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะพร่องแคลเซียมเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่
โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในช่วงที่เรียกว่า “Growth Spurt” หรือ ช่วงที่มีพัฒนาการในการเจริญเติบโตได้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้ชายจะอยู่ในช่วง 13-14 ปี ผู้หญิง 11-12 ปี ในช่วงนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เด็กทุกคนจะต้องได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาร่างกายได้อย่างเต็มที่
การดื่มน้ำอัดลมอาจส่งผลกระทบโดยตรงกับส่วนสูงของเด็กก็ต่อเมื่อ ดื่มก่อนมื้ออาหารหลัก หรือ ดื่มในปริมาณที่มากกว่าอาหารหลัก เพราะน้ำอัดลมคือน้ำตาล ทำให้เด็กรู้สึกอิ่ม แทนที่จะได้รับสารอาหารจากมื้ออาหารหลักอย่างเต็มที่ก็กลับไม่ได้ ร่างกายจึงขาดสารอาหารที่จำเป็นต้องใช้ในการเจริญเติบโต เมื่อดื่มในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงนำมาสู่ภาวะขาดสารอาหารในที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม รวมไปถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอของเด็กด้วยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก healthandtrend.com
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ