ในขณะที่หลายๆคนกำลังเดินดูงานมอเตอร์เอกซ์โปรกันอยู่ ก็ต้องอย่าลืมพิจารณาเรื่องภาษีกันด้วยนะคะ เพราะการปรับขึ้นภาษีรถใหม่ในปี 2559 กำลังมีผลต่อผู้ที่คิดจะซื้อรถใหม่และค่ายผู้ผลิตรถเป็นอย่างมาก ใครที่ยังไม่เข้าใจฐานภาษีที่กำลังจะปรับใหม่ เข้ามาดูกันได้เลย..
สาเหตุในการปรับขึ้น ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ในครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากโครงการรถคันแรกที่ทำให้ประชาชนต่างแห่กันออกรถใหม่มาเป็นจำนวนมาก จนทำให้ กรมสรรพสามิต ต้องสูญเสียรายได้ตรงจุดนี้ไป แถมยังต้องดำเนินเรื่องคืนภาษีกลับให้แก่ประชาชนอีก ด้วยเหตุนี้ กรมสรรพสามิตจึงได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. แล้ว ดังนี้
ภาษีสรรพสามิตรถใหม่ในครั้งนี้ พิจารณาในเรื่องของการใช้พลังงานทดแทนและการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ด้วย เพื่อว่าอาจจะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปลดปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้นั่นเอง
1. กลุ่มรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซี.ซี. (3.0 ลิตร) อัตราภาษี แยกเป็น
ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% จากเดิมจัดเก็บภาษี 25%
ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% จากเดิมจัดเก็บภาษี 25%
ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40% จากเดิมจัดเก็บภาษี 30% ซึ่งจะเห็นว่าภาษีจะแพงขึ้นตามปริมาณก๊าซที่ปล่อยออกมา
2. กลุ่มรถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซี.ซี. อัตราภาษี คือ
ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% จากเดิมจัดเก็บภาษี 25%
ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% จากเดิมจัดเก็บภาษี 25%
ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% เดิมจัดเก็บภาษี 30%
3. กลุ่มรถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง และไฟฟ้า (ไฮบริด) ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซี.ซี. เดิมจัดเก็บภาษี 10% อัตราภาษีใหม่ คือ
ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10%
ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20%
ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
4. กลุ่มรถยนต์ Eco Car เดิมจัดเก็บภาษี 17% อัตราภาษีใหม่ คือ
ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร และใช้น้ำมัน E85 ได้ จัดเก็บภาษี 12%
ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 14%
ปล่อยก๊าซเกิน 100-120 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 17%
5. กลุ่มรถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นที่ใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ (ไม่มีแค็บ) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซี.ซี. เดิมจัดเก็บภาษี 3% อัตราภาษีใหม่ คือ
ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3%,
ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
[ads]
6. กลุ่มรถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ (มีแค็บ) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซี.ซี. เดิมจัดเก็บภาษี 3% อัตราภาษีใหม่ คือ
ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5%
ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7%
7. กลุ่มรถยนต์นั่งที่มีกระบะ (กระบะ 4 ประตู) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซี.ซี. เดิมจัดเก็บภาษี 12% อัตราภาษีใหม่ คือ
ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12%
ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15%
8. กลุ่มรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (กระบะดัดแปลง (PPV) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซี.ซี. เดิมจัดเก็บภาษี 20% อัตราภาษีใหม่ คือ
ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25%
ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30%
ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้จริงในวันที่ 1 มกราคม 2559 งานนี้เหล่าผู้ที่กำลังจะควักกระเป๋าซื้อรถประเภทอีโคคาร์ในปีหน้า ดูเหมือนจะได้รับอานิสงส์ไปเต็ม ๆ เพราะเป็นรถประเภทที่ปล่อยไอเสียในอัตราที่ไม่สูงมาก ทำให้อัตราการเก็บภาษีลดลงไปโดยปริยาย ขณะที่รถยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่ปล่อยไอเสียในอัตราที่สูง ก็ต้องรีบซื้อกันตั้งแต่ปีนี้เลย จะได้ไม่ถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น
ใครที่กำลังวางแผนซื้อรถใหม่ คงต้องพิจารณาเรื่องภาษีรถยนต์ควบคู่ไปกับสมรรถภาพของรถด้วยแล้วละสิ เพราะผลประโยชน์ที่คุณจะได้ ตกอยู่ที่คุณคนเดียวเลย
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก news.unseencar.com และ krobkruakao.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย ThaiJobsGov.com
[ads=center]
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ