ทำความรู้จักเชื้อดื้อยา “Candida auris” เสี่ยงติดเชื้อในเลือด ระบาดหนักในสหรัฐฯ





หลังจากสำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กรณีทางการแพทย์ที่กำลังเตือนประชาชนให้ระวัง โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ประกาศ เชื้อราแคนดิดา ออริส (Candida auris) เป็นหนึ่งในการติดเชื้อราร้ายแรงที่รักษาได้ยากกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในอัตราที่ “น่าตกใจ” กลายเป็น “ภัยคุกคามการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างเร่งด่วน”

ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนได้รู้จักถึงเชื้อราแคนดิดา ออริส (Candida auris) และแนวทางการป้องกันตัวเอง ทีมข่าวสดจะขอเสนอเชื้อราเชื้อราแคนดิดา ออริส คืออะไร

เชื้อราที่ดื้อยา Candida auris (C. auris) เป็นยีสต์ ซึ่งเป็นกลุ่มของเชื้อราที่มีสปีชีส์ที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำขนมปังและเบียร์ แต่ยังมีสปีชีส์ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ด้วย เชื้อราแคนดิดา ออริส ถูกค้นพบครั้งแรกในบางสายของหนองบริเวณช่องหูของผู้ป่วยหญิงขณะพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในปี พ.ศ. 2552

เป็นหนึ่งในจุลินทรีย์ในโรงพยาบาลท่ากลัวที่สุดในโลก โดยทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ก็สามารถส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาทส่วนกลาง และอวัยวะภายใน รวมทั้งผิวหนัง ซึ่งมีอาการค่อนข้างรุนแรง องค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณการว่าอัตราการเสียชีวิตอยู่ในช่วง 30% ถึง 53% ของผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อที่รุกราน

สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ เชื้อราได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถต้านทานต่อยาต้านเชื้อราชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด บางสายพันธุ์ดื้อต่อยาทั้งหมด ทำให้ยากต่อการรักษา ดร. ทีน่า โจชิ รองศาสตราจารย์ด้านอณูชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยพลีมัธ ในสหราชอาณาจักรกล่าว “ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเชื้อราชนิดนี้คือการดื้อต่อยาที่เรามี แต่อีกประเด็นหนึ่งคือการระบุการติดเชื้อราแคนดิดา ออริสนั้นค่อนข้างยาก และอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเชื้อราชนิดอื่นได้ง่าย ซึ่งนำไปสู่การรักษาที่ไม่ถูกต้อง”

จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) มีการระบาดในกว่า 30 ประเทศ การทบทวนในปี 2563 จากรายงานผู้ป่วยจากประเทศเหล่านั้น พบผู้ป่วยเกือบ 4,750 รายทั่วโลกระหว่างปี 2552-2562 และเพิ่มขึ้นสามเท่าจาก 476 ในปี 2562 เป็น 1,471 ในปี 2564

การศึกษาในปี 2019 ซึ่งตีพิมพ์โดยวารสาร mBio จาก American Society for Microbiology ชี้ให้เห็นว่าสาเหตุที่การติดเชื้อราแคนดิดา ออริสกลายเป็นเรื่องธรรมดา อาจเป็นเพราะสายพันธุ์นี้ถูกบังคับให้อยู่ในอุณหภูมิที่สูงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงอาจมีบทบาทในการเพิ่มจำนวนของการติดเชื้อแคนดิดา ออริส (Candida auris) เติบโตในร่างกายมนุษย์ได้ง่ายขึ้น

การแพร่เชื้อส่วนใหญ่ผ่านพื้นผิวที่ปนเปื้อนในโรงพยาบาล มันเกาะติดเส้นเลือดดำและสายวัดความดันโลหิต ซึ่งการดื้อต่อยาต้านเชื้อราทั่วไป เช่น ฟลูโคนาโซล (fluconazole) ส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนี้ ยาต้านเชื้อราที่พบได้น้อยจึงถูกใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อ

แต่ปัจจุบัน เชื้อราแคนดิดา ออริสได้พัฒนาความต้านทานต่อยาเหล่านี้เช่นกัน บางสายพันธุ์ดื้อยา 2 ขนาน หรือมากกว่า (ดื้อยาหลายขนาน) โดยเฉพาะ amphotericin B (ยาหลักที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อ Candida species ที่พบไม่บ่อย) และ echinocandins (ยาที่ได้รับการพัฒนาไม่นานนี้ เพื่อใช้รักษาโรคติดเชื้อ Candida ดื้อยา)

นักวิชาชีพด้านการแพทย์และการรักษาพยาบาลจำเป็นต้องทราบว่า ผู้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ผู้ที่อยู่ในสถานดูแลพักฟื้น ผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ เป็นกลุ่มที่อยู่ในความเสี่ยงสูง ซึ่งการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อราแคนดิดา ออริส เบื้องต้น คือ หมั่นล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่เมื่อมีคราบเปื้อน, ใช้เจลทำความสะอาดมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เมื่อมือไม่มีคราบสกปรกที่มองเห็นได้, ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสภาพแวดล้อมในการดูแลผู้ป่วย

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: