ปิดฉาก “คนละครึ่ง” รมว.คลัง ชี้ไม่จำเป็น เศรษฐกิจฟื้นแล้ว





26 พฤศจิกายน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ถือว่ากลับมาฟื้นตัวแล้ว ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การบริโภค การใช้จ่ายที่กลับมาต่อเนื่อง ดังนั้นวันนี้จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพามาตรการคนละครึ่ง อีกต่อไป เนื่องจากไม่มีความจำเป็นแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่กระทรวงการคลังเน้นย้ำคือการแก้ไขปัญหาหนี้สินต่างๆ ของประชาชนที่ยังต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แพคมาตรการของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ตอนนี้ยังจัดทำไม่เสร็จ ขอให้อดใจรอดูก่อน

“ปัจจุบันการใช้จ่ายของประชาชนเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว โดยวัดจากอัตราการใช้จ่ายในช่วงไตรมาส 3/2565 ที่ตัวเลขการจับจ่ายของประชาชนก็ออกมาค่อนข้างดี เพราะฉะนั้นความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเข้าไปสนับสนุนในโครงการที่รัฐต้องออกเงินช่วย ก็อาจจะลดน้อยลงไป ส่วนเรื่องของขวัญปีใหม่ 2566 ตอนนี้ยังไม่พร้อมเสนอ ยังรวบรวมไม่เสร็จ แต่มีมาตรการออกมาเยอะแน่นอน รอดูได้เลย” นายอาคม กล่าว

ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีหน้าเชื่อว่าการที่ทั่วโลกเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ย่อมกระทบกับประเทศไทยด้วย แต่โอกาสของไทยมีมากกว่า ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต้องมีแรงส่ง ทั้งการบริโภคในประเทศที่ค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น ต่อมาการส่งออกก็ยังดีต่อเนื่อง แรงส่งต่อมารัฐบาลก็ทำงบขาดดุลอยู่ หลังจากนี้จึงต้องลงทุนมากขึ้น เพื่อตอนเศรษฐกิจฟื้นตัวประเทศไทยจะได้โครงสร้างพื้นฐานที่ดีไว้รองรับ จึงวางแผนการออกบอนด์ หรือตราสารหนี้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่เป็นโครงการสีเขียว มูลค่าประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท ในช่วง 8-10 ปี

ด้าน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การยกเลิกมาตรการคนละครึ่งถือว่าเข้าใจได้ เพราะการออกมาตรการใดก็ตาม ย่อมมีภาระต่อภาคการคลัง ต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาอุดหนุน แต่ที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนหลังจากนี้ คือการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ด้วยการลดข้อจำกัดต่างๆลงไป อาทิ การเปิดให้ต่างชาติสามารถซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยได้ และใช้โอกาสในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อยอดการจัดประชุมเอเปคที่ผ่านมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

ข่าวจาก : มติชน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: