ความจริงอีกด้านที่จะบอกว่า “สังคมชนบทไม่ได้ slow life สวยงามเสมอไป”





กระแส slow life ที่คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงก็คือ การกลับไปใช้ชีวิตอย่างสมถะ เรียบง่าย ธรรมดา ยิ่งกลับไปบ้านเกิดต่างจังหวัดยิ่งดี ไม่ต้องวุ่นวายอะไรมากเหมือนตามหัวเมืองใหญ่หรือในเมืองหลวง ทำมาหากินตามมีตามเกิดกันไป ใช้วิถีแบบชาวบ้านที่แสนอบอุ่น มีอะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด ( อย่างที่ในหนังหรือตามสื่อต่าง ๆ มักจะประโคมให้เห็นภาพสวย ๆ ทัศนคติดี ๆ ให้เราคล้อยตาม กระตุ้นความรู้สึกสำนึกรักบ้านเกิด )

visual03

ภาพประกอบจาก www.due.t.u-tokyo.ac.jp
 

แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า “ สังคมชนบทไม่ได้น่าอยู่เสมอไป ” Thaijobsgov ขอสรุปจากกระทู้ “สังคมในชนบทมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิดหรอคะ” เว็บไซต์ http://pantip.com/topic/34416593 ทั้งในมุมของเจ้าของกระทู้และความคิดเห็นอื่น ๆ โดยรวม ซึ่งเสนอในอีกแง่ของสังคมชนบท หรือสังคมชาวบ้านตามความเป็นจริงไว้ดังนี้  ( ย้ำอีกทีว่าแค่เสนอความจริงอีกด้าน ไม่ได้มีเจตนาจะระบุชี้ชัดไปเลยว่าสังคมชนบทไม่ดี 100% )

 

– สังคมชาวบ้านเป็นสังคมขี้เม้าท์ ขี้นินทา อย่างที่เราเคยได้ยินกันว่า “เป็นขี้ปากชาวบ้าน” หรือ “ปากตลาด” นั่นแหละ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราขยับตัวนิด ๆ หน่อย ๆ หูตาคนละแวกบ้านมักจะไวเสมอ หาเรื่องมาชมอย่างนั้น พูดอย่างนี้บ้าง แล้วตบท้ายด้วยการแอบนินทา แอบพูดในแง่ร้าย ใช่ว่าจะยิ้มแย้มแจ่มใสใจดีอย่างที่เห็นเสมอไป

 

– เป็นไปไม่ได้ที่เราจะตั้งต้นชีวิตชาวไร่ชาวนาโดยที่ต้นทุนเป็น 0 ไม่รู้อะไรซักอย่าง เพราะอย่างน้อยต้องมีค่าปุ๋ย ค่าเมล็ดผัก ค่าที่ พูดง่าย ๆ ก็คือ “ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นทุน” แม้แต่คนที่เป็นชาวไร้ชาวนาแท้ ๆ โดยกำเนิด มีที่ดินเป็นของตัวเอง ไร้พันธนาการหนี้สินยังบ่นอุบเลยว่า จะปลูกตามธรรมชาติเพียว ๆ ไม่ได้ ต้องดูฟ้าดูฝน ตามทันตลาดสินค้า รู้ทันนายทุน รู้ทันเถ้าแก่ด้วย ( ในโฆษณาชวนเชื่อที่บอกว่าเคยใช้ชีวิตในเมืองแล้วเบื่อ เลยมาเริ่มต้นชีวิตชนบทรู้สึกสุขใจ นั่นก็เพราะเขาพอจะมีต้นทุนบ้างแล้วต่างหาก แค่เขาไมได้แจกแจงให้ฟังเฉย ๆ ว่าต้องจ่ายอะไรไปบ้าง )

 

– ยิ่งชาวบ้านที่เป็นมนุษย์ลุง มนุษย์ป้าที่หัวโบราณมาก ๆ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมรับความรู้ใหม่ ๆ ที่มันเวิร์คกว่า เช่น เขาพร้อมที่จะโวยวายใส่หมอที่รักษาไม่ดี แต่เชื่อในหมอผีบอกที่รักษาซี้ซั้ว หรือหมอผีที่จ่ายแพงเท่าไหร่ก็ยอม ( เชื่อแค่ว่าหมอใน รพ. ต้องรักษาคนให้หาย แต่ไม่ทันคิดว่าบางโรค บางอาการมันก็เกินกำลังหมอจริง ๆ )

 

– ชาวบ้านบางคนพร้อมที่จะโวยวายดราม่าไว้ก่อน โดยไม่ทันดูข้อกฎหมาย ไม่ทันได้อัพเดทข่าวสารเพื่อความรอบคอบกว่านี้ เอาความสงสารสู้เข้าไว้ เดี๋ยวคนที่รวยกว่า เหนือกว่า ยังไงก็ต้องยอมอยู่ดี ( เช่น ถ้าคนรวยเป็นฝ่ายถูกกฎหมาย ชาวบ้านธรรมดาผิดกฎหมาย พวกเขาก็พร้อมจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ ว่าใช่ซี้ ฉันมันคนจน คนไม่มีความรู้ คนรวยมันก็ใช้เส้นสายกันทั้งนั้นแหละ ทั้งที่ความจริงแล้ว คู่กรณีก็แค่รวยกว่า ไม่ได้ใช้เส้นสายอะไรเลย ทำตามกฎหมายทุกประการ )

 

– ชาวบ้านบางคนใช่ว่าพอใจกับชีวิตสมถะ ไอ้อยากรวยน่ะก็อยาก แต่เพียงแค่ ‘ไม่รู้จะไปไหน ทำอะไรเพื่อให้ตัวเองดีขึ้น’ สุดท้ายชีวิตก็วนเวียนอยู่แค่เหล้า การพนัน ความบันเทิงไปวัน ๆ (และบางทีความสนุกก็ไปสุขบนความทุกข์คนอื่น) พอเครียดก็ดราม่า บ่นชีวิตเหมือนเดิม ใครได้ดีหน่อยก็ซุบซิบนินทา อิจฉาเขา คิดในแง่ร้ายว่าเขาไปทำอะไรแปลก ๆ เป็นเรื่องสนุกปากไว้ก่อน ( จุดนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสารจริง ๆ เพราะเหมือนว่าพวกเขายังไม่มีใครนำทางหรือไม่ค้นพบทางสว่างด้วยตัวเอง )

 

– หากคุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไปใช้ชีวิตที่อื่นแล้วนาน ๆ กลับบ้าน การเปลี่ยนแปลงของคุณนิด ๆ หน่อย ๆ ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรมากในการถูกนำไปซุบซิบนินทา เปรียบเทียบกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แต่ถ้าคุณมีอะไรที่ผิดไปจากวิถีชาวบ้านแบบเดิม ๆ เช่น มีรถมีทองเป็นของตัวเอง, มีแฟนฝรั่ง, มีแฟนหน้าตาดีมาบ้านด้วยกัน, เป็นเพศที่สาม, กลับมาจากเมืองนอก ถึงแม้ว่าในสิ่งที่คุณพัฒนามากกว่าเดิมจะเป็นไปในทางที่สุจริตก็ตาม คุณไม่มีทางพ้นคำนินทาที่ส่อไปในทางเสียหาย แง่ร้าย พร้อมจะเติมแต่งเรื่องราวยังไงก็ได้ คุณต้องแกร่งพอที่จะผ่านมันไปให้ได้ ทำเป็นไม่สนใจ ( ทั้งที่บางคนพร้อมจะขุดมาอีก ทั้งที่เราก็สงบปากสงบคำไปหลายทีแล้ว ) ถ้าคุณยิ่งต่อกร ก็เท่ากับว่ายิ่งทำให้พวกเขาอยากเม้าท์อยากขุดมากขึ้น
 

– ยิ่งถ้าคุณรวยมาก ๆ คุณก็ต้องใจแข็งมาก ๆ โดยเฉพาะกับญาติห่าง ๆ บางคนที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรดี พวกเขาพร้อมจะอ้างความเป็นญาติมาขอโน่นขอนี่จากคุณเสมอ ถ้าคุณพร้อมที่จะให้ คุณก็ต้องเผื่อใจด้วยว่ามีโอกาสสูงที่จะได้คืนมาครบ พวกเขาจะอ้างว่าจนบ้าง ยังมีภาระอื่นเยอะบ้าง ญาติกันแค่นี้ทำไมจะต้องทวง ฯลฯ ( ความจริงในข้อนี้ สังคมที่รวยกว่านี้ มีการศึกษากว่านี้ก็เป็นกัน เพียงแต่สังคมชนบทบางคน พร้อมจะใช้ความจนความน่าสงสารต่าง ๆ มาอ้างไว้ก่อนเสมอ )

 

– การจราจรแถวชานเมืองไปจนถึงชนบท (เช่น ทางไฮเวย์, ทางเข้าหมู่บ้าน) คุณต้องระวังตัวให้มาก แม้ว่าจะรักษากฎจราจรเคร่งครัดเพียงใดก็ตาม เพราะคุณจะเจอการขับขี่ ‘แบบชาวบ้าน’ ไม่สนกฎอะไรทั้งนั้น เอาง่ายไว้ก่อน เช่น มอเตอร์ไซค์ขี่รถย้อนศรเพื่อลัดเข้าหมู่บ้านได้ง่าย ๆ ทั้งที่ถนนเป็นเลนส์กว้าง, วัยรุ่นขี่รถเร็วปาดหน้าหลังเราอย่างหวาดเสียว, ชาวบ้านบางคนที่เฉี่ยวรถแล้วผ่านไปเลย ไม่พร้อมจะลงมาดูดำดูดีอะไรทั้งนั้น, มอเตอร์ไซค์ที่พร้อมจะขับจะแต่งเสียงดังยังไงก็ได้โดยไม่สนว่าคนในชุมชนจะหลับนอนพักผ่อนยังไง

 

– คนเฒ่าคนแก่บางคนโลกแคบกว่าที่เราคิด เพราะเขาถืออาวุโสเป็นใหญ่ “ฉันเกิดก่อน ฉันย่อมถูกเสมอ ถูกกว่าเธอที่เกิดทีหลัง” ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว “อาบน้ำร้อนมาก่อน ใช่ว่าจะอาบน้ำสะอาด”

 

– ชาวบ้านบางคนไม่รู้จักการปรับตัว ไม่รู้จัก ‘มารยาท’ เช่น ฉันอยากลัดคิวก็ลัด ไม่เห็นหนิว่าใครต่อแถวอยู่, ฉันอยากตะโกนเสียงดังกลางที่สาธารณะใครจะทำไม ก็กำลังคุยเรื่องส่วนตัวกันอยู่หนิ, อยากถุยน้ำลายตรงไหนถุย สูบบุหรี่ตรงไหนก็ได้ คนอื่นเป็นไงไม่รู้ ไม่ชอบใจก็ออกไปสิ ใครได้บังคับล่ะ !

 

– ชาวบ้านบางคนไม่ได้ประหยัด กินอยู่ตามมีตามเกิดอย่างที่คิด บางคนถือคติ ‘เสียเงินไม่ว่า ได้หน้าไว้ก่อน’ เช่น การจัดงานสำคัญต่าง ๆ ขอให้ยิ่งใหญ่ไว้ก่อน หนี้สินช่างมัน บ้านรถข้าวของ กู้ได้กู้ ค่อยคิดทีหลังว่าจะผ่อนยังไง ( สินค้าระบบเงินผ่อนเติบโตได้ดีมากในกลุ่มชาวบ้าน ยิ่งเป็นระบบผ่อนน้อย ๆ  แต่นาน  ๆ ยิ่งได้ใจ ) จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หากจะพบว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นหนี้นอกระบบกันมาก ถ้าคุณเป็นเจ้าหนี้ต้องทำใจไว้เลยว่าอีกนาน ( หรืออาจไม่มีโอกาสเลย ) ที่จะได้เงินคืนกลับมา ( เจ้าหนี้บางคนที่เป็นข่าวในทีวี อาจถูกบีบคอให้ประนีประนอมหนี้ซะ เพราะลูกหนี้จนกว่า น่าสงสาร แต่ไม่มีใครลองคิดอีกมุมเลยว่า บางทีแล้วลูกหนี้นั่นแหละที่ตัวร้าย หนีหนี้ไปทั่ว หาข้ออ้างสารพัด หรือคิดฆ่าเจ้าหนี้เพื่อล้างหนี้ไปเลย )

 

– ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำบางคนไม่ได้ใจดีน่ารักอย่างที่คิด บางคนพร้อมจะใช้ความเป็นชาวบ้านเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เอาเปรียบคนต่างถิ่นไว้ก่อน เพราะคิดว่า “ก็เขาไม่รู้เองนี่ ช่วยไม่ได้” พอถูกร้องเรียน ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายก็มาดราม่าว่าโดนรังแก ทำไมไม่เห็นใจกันบ้าง

 

– ชาวบ้านบางคนพร้อมจะเชื่อข่าวลือไว้ก่อน เม้าท์ไวก่อนยิ่งได้เปรียบ ออกตัวแรงไว้ก่อนยิ่งสะใจ น้อยคนนักที่จะฟังหูไว้หู ตรวจสอบข้อมูลให้ดี ๆ เพื่อกันพลาด พอเงิบจริงก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เป็น หรือไม่มีแม้แต่คำขอโทษจากปากอย่างจริงใจ

 

อย่างไรก็ดี สังคมชนบทก็ยังมีข้อดีอีกมาก เช่น มีงานอะไรก็ช่วยกันบอกกันได้ไม่ต้องเกรงใจ, ของกินของใช้ที่เป็นเอกลักษณ์ ราคาถูก หาได้ง่ายแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่ต้องไปไขว่คว้าอะไรมาก แต่ละแห่ง แต่ละชุมชนก็มีทั้งคนดีคนไม่ดี มีทั้งด้านดีและด้านแย่คละกันไป ใช่ว่าเจอมาชุมชนแบบนี้ ชุมชนอื่นจะเป็นแบบเราเป๊ะทุกชุมชน ถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เป็นใจ เราไปแก้ไขคนอื่นไม่ได้ เราก็ปรับที่ตัวเองนี่แหละ สบายใจสุดแล้ว ( ถึงแม้จะไม่สบายใจ 100% ก็ตาม )

 

อ่านความคิดเห็นอื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ได้ที่  >>> http://pantip.com/topic/34416593

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: