สรุปประเด็น หนุ่มโดนรถชน หัวฟาดพื้น แต่ ตร. จับใส่กุญแจมือ ไม่พาส่ง รพ. สุดท้ายดับ





สรุปประเด็น หนุ่มโดนรถชน หัวฟาดพื้น แต่ ตร. จับใส่กุญแจมือ พาไปตรวจหาสารเสพติด-ตรวจแอลกอฮอล์ แถมวินิจฉัยเองว่าไม่เป็นอะไร ไม่ยอมส่ง รพ. สุดท้ายเสียชีวิต

จากกรณีข่าวที่ นายธนวัชร์ กลัดเสนาะ อายุ 41 ปี ขี่มอเตอร์ไซค์มาทางตรง แต่ถูกคู่กรณีขี่มอเตอร์ไซค์ตัดหน้ากะทันหันที่จุดเลี้ยวยูเทิร์น แต่เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุกลับใส่กุญแจมือนายธนวัชร์ และพาขึ้นรถตำรวจไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพัก ส่วนคู่กรณีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ตัวของนายธนวัชร์ เองก็ถูกตำรวจจับตรวจหาแอลกอฮอล์ในร่างกาย เพราะตำรวจคิดว่าเมาแล้วขับ ซึ่งจริง ๆ แล้วคนเลือดคั่งในสมองเกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรง การตอบ การเดิน การพูดคุย เริ่มผิดปกติ ผลจาก Effect ที่ได้รับ ผ่านไป 5 ชั่วโมง ไม่ได้รับการรักษาจนเลือดออกปาก-จมูก ถึงได้มีการส่งตัวมายังโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา ไม่ได้แม้แต่จะเริ่มการรักษา ส่วนคู่กรณีตอนแรกยอมรับผิด แต่ตอนหลังจ้างทนายมาสู้คดี บอกตัวเองไม่ผิด

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 19.00 น.

– นายธนวัชร์ ขี่รถมาทางตรงตามปกติ เมื่อมาถึงจุดกลับรถเลี้ยวยูเทิร์น กลับถูกรถของคู่กรณีเลี้ยวปาดหน้ามาจนล้มทั้งคู่ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่านายธนวัชร์ นอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน ส่วนคู่กรณีได้เดินเข้ามาดูและคุยโทรศัพท์

– ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ จะจับนายธนวัชร์ ใส่กุญแจมือ ก่อนจะนำตัวขึ้นรถตำรวจ ส่วนคู่กรณีนั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พาตัวไปส่งโรงพยาบาล และเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวนายธนวัชร์ มาถึง สภ.บางละมุง เพื่อตรวจหาสารเสพติด และตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งก็ไม่พบสารดังกล่าว

– กระทั่งเวลาประมาณ 23.50 น. นายธนวัชร์ มีเลือดออกปาก และจมูก ก่อนจะหมดสติไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

– หลังเกิดอุบัติเหตุคู่กรณีร้องไห้ยอมรับในความผิดทั้งหมด แต่อีกวันกลับมาพร้อมทนายความ และให้การปฏิเสธทุกคำพูด คู่กรณีอายุเพียง 18 ปี ไม่มีกระทั่งใบขับขี่ กลับมาพร้อมกับคำพูดว่าตนไม่ผิด พร้อมยื่นข้อเสนอให้ทางญาติผู้ตายเพื่อจบเรื่องนี้

ญาติร้อง แทนที่จะพาไปโรงพยาบาล กลับพาไปโรงพัก ให้ทนทรมานจนตาย

– ญาติของนายธนวัชร์ ติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังเกิดเหตุไม่พาไปโรงพยาบาล แต่กลับพาไปโรงพัก ไม่พอยังให้นั่งที่ท้ายกระบะจอดอยู่ข้างนอก ไมให้เข้าไปนั่งด้านใน

– ตอนที่ตำรวจเอาเอกสารมาให้เซ็น นายธนวัชร์ เริ่มไม่รู้เรื่องแล้ว แค่ชื่อตัวเองยังเขียนไม่ถูก ทำไมตำรวจไม่เอะใจและพาไปโรงพยาบาล

– อยู่ที่โรงพัก 5 ชั่วโมง กว่าจะได้ไปโรงพยาบาล พอไปถึงก็ไม่ทันกาลแล้ว

– ทางตำรวจไม่ให้เอกสารอะไรกับทางโรงพยาบาลเลย ทางโรงพยาบาลทำได้แค่ช่วยเหลือตามขั้นตอนเพราะติดต่อญาติไม่ได้ พอญาติไปถึง อาการก็ทรุดแล้ว

– ญาติคาใจว่าทำไมตำรวจไม่ติดต่อญาติ แต่ตำรวจบ่ายเบี่ยงว่านายธนวัชร์ ไม่มีเอกสารอะไรติดตัว ทั้งที่พกกระเป๋าตังค์ และบัตรประชาชน โทรศัพท์มือถืออีก 3 เครื่อง

ญาติซัด ตำรวจโกหก-ทำงานมักง่าย มีการบอกด้วยว่าวินิจฉัยแล้วไม่ได้เป็นอะไรเลยไม่พาไปส่งโรงพยาบาล

– ญาติถามว่าทำไมต้องพานายธรวัชร์ มาตรวจหาสาร ทำไมไม่พาคู่กรณีมาด้วย ทำไมคู่กรณีไม่ได้ตรวจ ทางตำรวจตอบมาแค่ว่าไม่รู้

– คู่กรณียังเดินได้ คุยโทรศัพท์ได้ ไม่ใส่หมวกกันน็อก ไม่มีใบขับขี่ พฤติการณ์ก็การเลี้ยวรถก็ผิด แต่นายธนวัชร์ สลบกลางถนน แต่ตำรวจกลับจับคนสลบ พอลุกขึ้นมาเห็นเป๋ ๆ ก็คิดว่าเมา เอามือไพล่หลังใส่กุญแจมือ

– ตำรวจบอกว่าวินิจฉัยว่าไม่เป็นอะไรเลย เลยไม่พาส่งโรงพยาบาล ส่วนคู่กรณีทำแผลแล้วกลับบ้านได้ แต่คนที่ตำรวจบอกไม่เป็นอะไร กลับเสียชีวิต

– ภาพจากกล้องวงจรปิด ญาติก็หามาเอง ถ้าไม่ได้เห็นกล้อง คงไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง เพราะกล้องวงจรปิดที่ตำรวจนำมาให้ญาติดู เห็นเฉพาะตอนประสบอุบัติเหตุเท่านั้น ไม่เห็นตอนที่ถูกไพล่หลัง

พี่สาวผู้ตายจะไปรับศพ แต่ไม่รู้เลยว่าศพถูกเอาไปผ่าชันสูตร ไม่มีใครมาบอกญาติเลย

พี่สาวนายธนวัชร์ บอกว่า ตนจะไปรับศพที่กระทรวงยุติธรรม ทราบว่าเจ้าหน้าที่รับศพไปแล้วเพื่อส่งชันสูตร ตอนแรกศพอยู่ รพ.ชลบุรี เราจำเป็นต้องไปทำเรื่องที่กระทรวงยุติธรรม จะเอาศพไปตรวจ ปรากฏว่าศพไม่อยู่แล้ว ตำรวจบอกว่าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีนี้ได้นำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลของตำรวจแล้ว

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับญาติ-ตั้งกรรมการสอบตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์

– พล.ต.ต. อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เผยว่า ทางญาติได้ร้องเรียนประเด็นการใส่กุญแจมือ ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสอบ ดูว่ามีใครกระทำผิดบ้าง ผิดอย่างไรครับ

– ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนในวงการตำรวจในการต้องตรวจสอบเบื้องต้น แยกคนที่เมาหรือมีอาการทางสมอง ซึ่งต้องขยายให้ตำรวจทุกนายมีมาตรฐานในการดำเนินการให้ถูกต้อง

โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ออกเอกสารชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น ที่ตำรวจไม่พาตัวนายธนวัชร์ ส่งโรงพยาบาล

– หลังเกิดเหตุมูลนิธิฯ นำคู่กรณีส่งโรงพยาบาลบางละมุง ส่วนนายธนวัชร์ ซึ่งไม่มีบาดแผลภายนอก จึงไม่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล แต่พลเมืองดีช่วยกันนำตัวไปนั่งพักบริเวณข้างถนน

– ต่อมาตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถทำการสอบสวนนายธนวัชร์ ได้ จึงได้นำตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรบางละมุง ระหว่างนำตัวไปได้มีการใส่กุญแจมือในลักษณะมือไพล่หลัง และให้นั่งที่กระบะรถยนต์ เพื่อตรวจแอลกอฮอล์และสารเสพติด ผลการตรวจไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด

– หลังจากนั้นก็ปล่อยให้นอนที่หลังกระบะรถตำรวจโดยที่ยังใส่กุญแจมืออยู่ จนกระทั่งเวลา 23.50 น. นายธนวัชร์ มีอาการบาดเจ็บเลือดออกทางจมูกและหมดสติไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลบางละมุง

– เวลา 04.00 น. ได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี แต่พนักงานสอบสวนไม่มีข้อมูลของนายธนาวัชร์ ทำให้ไม่สามารถติดต่อญาติเพื่อตัดสินใจรักษาด้วยการผ่าตัดเร่งด่วนได้ เป็นเหตุให้นายธนวัชร์ เสียชีวิตในเวลาต่อมา

– วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 มารดาผู้เสียชีวิต พบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ร้องขอความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกรณีที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อทำการสอบสวนในคดีจราจรที่เกิดขึ้น และออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยกำชับให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน

 

ข่าวจาก : kapook

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: