แม่ นศ. ถูกเบนซ์ชนดับ ร่ำไห้ ประกันไม่จ่าย2.5ล้าน เงินทำบุญลูกยังไม่มี





แม่นักศึกษาถูกเบนซ์ชนเสียชีวิต ร่ำไห้ พ้อ ไม่มีเงินทำบุญ 100 วัน ลูก ด้าน คปภ. มึนตึ๊บ ศาลตัดสินแต่ประกันยังเถียง จ่อฟันโทษ ต้องจ่าย 2.5 ล้าน

จากกรณี น.ส.พัชราภา เกรัมย์ หรือ น้องหญิง อายุ 21 ปี ถูกรถเบนซ์ชนจนเสียชีวิต ขณะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ขณะที่รถเบนซ์คันดังกล่าว ทำประกันชั้น 1 กับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง วงเงินเอาประกัน 2 ล้านบาท แต่บริษัทประกันไม่ยอมจ่าย อ้างว่าประมาทร่วม  ทั้งที่ศาลได้ตัดสินไปแล้ว จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม

รายการ โหนกระแส วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 สัมภาษณ์ แม่สมเร็จ เกรัมย์, พ่อสมชาย เกรัมย์ มาพร้อม ชัยยุทธ มังศรี ผู้ช่วยเลขาธิการสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ.

มีการตกลงในชั้นสอบสวนก่อน เขาก็บอกว่าคนขับรถเบนซ์ผิด เพราะขับรถเร็ว หลังจากนั้นพ่อได้คุยกับใครที่เห็นเหตุการณ์มั้ย ?

พ่อ : ไม่มีครับ

คนขับเขาบอกว่าอะไร ?

พ่อ : เขาบอกว่าเขามองไม่ชัด เลยขับรถชนน้อง น้องขี่มอเตอร์ไซค์บนถนน เวลา 9 โมงเช้า น้องกำลังกลับบ้านมาหาพ่อแม่ กลับจากโรงเรียน เขาชนท้ายรถน้อง แล้วล้มมาหารถเขา รถก็ลากไปประมาณ 100 กว่าเมตร ลากรถ ส่วนน้องกระเด็นไปฝากระโปรงหรือเปล่าไม่แน่ใจ เขาพูดว่างั้น แต่ลากรถไปไกลมาก เป็นร้อยเมตร

แม่ : (เสียงสั่น) ทำใจไม่ได้ซะที

เขาแซงมาตลอด และมาชนรถน้องตอน 9 โมงเช้า น้องเสียชีวิตที่ไหน ?

พ่อ : ที่โรงพยาบาลครับ อาการมีเลือดตกใน อวัยวะภายในฉีกขาด

คนขับรถเบนซ์ก็ยอมรับว่าเขาผิด ?

พ่อ : ครับ ตอนแรกเขาอาจตกใจหรือกลัวหรือเปล่า เขาบอกว่าน้องขับรถออกมาจากซอย มาตัดหน้าเขา ซึ่งสภาพความเป็นจริงไม่ใช่ครับ

เพราะคลิปเห็นชัด ?

พ่อ : มันเป็นความตกใจของผู้ขับ กลัวมีความผิดอะไร เลยพูดไปเพื่อให้ตัวเองถูกไว้ก่อน เพราะลูกสาวไม่ได้ออกจากซอยอะไรเลย

แม่ : เขาไม่เคยรู้จักใคร เขาตรงมาหาพ่อแม่ทุกครั้ง

 

 

คนขับเขาบอกว่าอะไร ?

พ่อ : เขาบอกว่าเขามองไม่ชัด เลยขับรถชนน้อง น้องขี่มอเตอร์ไซค์บนถนน เวลา 9 โมงเช้า น้องกำลังกลับบ้านมาหาพ่อแม่ กลับจากโรงเรียน เขาชนท้ายรถน้อง แล้วล้มมาหารถเขา รถก็ลากไปประมาณ 100 กว่าเมตร ลากรถ ส่วนน้องกระเด็นไปฝากระโปรงหรือเปล่าไม่แน่ใจ เขาพูดว่างั้น แต่ลากรถไปไกลมาก เป็นร้อยเมตร

แม่ : (เสียงสั่น) ทำใจไม่ได้ซะที

เขาแซงมาตลอด และมาชนรถน้องตอน 9 โมงเช้า น้องเสียชีวิตที่ไหน ?

พ่อ : ที่โรงพยาบาลครับ อาการมีเลือดตกใน อวัยวะภายในฉีกขาด

คนขับรถเบนซ์ก็ยอมรับว่าเขาผิด ?

พ่อ : ครับ ตอนแรกเขาอาจตกใจหรือกลัวหรือเปล่า เขาบอกว่าน้องขับรถออกมาจากซอย มาตัดหน้าเขา ซึ่งสภาพความเป็นจริงไม่ใช่ครับ

เพราะคลิปเห็นชัด ?

พ่อ : มันเป็นความตกใจของผู้ขับ กลัวมีความผิดอะไร เลยพูดไปเพื่อให้ตัวเองถูกไว้ก่อน เพราะลูกสาวไม่ได้ออกจากซอยอะไรเลย

แม่ : เขาไม่เคยรู้จักใคร เขาตรงมาหาพ่อแม่ทุกครั้ง

วันนั้นศาลตัดสินให้ชดใช้เท่าไหร่ ?

พ่อ : 2.5 ล้าน

กี่วันประกันต้องจ่าย ?

ชัยยุทธ : จริง ๆ เรื่องการจ่ายประกันกับคดีอาญาตัดสิน คนละส่วนกันนะครับ ศาลตัดสินในเรื่องคดีอาญาว่าใครเป็นฝ่ายผิด ศาลวิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ขับเบนซ์ผิด คือขับรถด้วยความเร็ว ขณะนี้ที่มีรถอยู่ข้างหน้า

อันนี้ไม่เกี่ยวกับประกัน ?

ชัยยุทธ : ยังไม่ได้เกี่ยวครับ แค่ใครผิดใครถูก ศาลวินิจฉัยว่าในสภาวะเช่นนั้น รู้ว่ามีรถอยู่ข้างหน้า คนขับรถต้องชะลอ เขาได้ใช้ความระมัดระวังและชะลอความเร็วหรือไม่ ซึ่งเกิดเป็นกรณีที่กระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้คนอื่นถึงแก่ความตาย ประกอบกับจำเลยรับสารภาพก็มีความผิดตามนี้ นี่คือคำบรรยายของศาล ก็ถือว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด

ทีนี้โยงประกัน ผู้ขับรถคือผู้เอาประกัน คนถูกฟ้องคือผู้เอาประกันคือผู้ขับ เขาไม่ได้เป็นคู่ความในคดี แต่ในหลักประกันก็คือว่าประกันต้องรับผิด กรณีผู้เอาประกันและผิดชดใช้ในกรณีผู้เอาประกันเอาไปกระทำความผิด นี่คือหลักประกันครับ

นี่คือผู้เอาประกันไปกระทำความผิดแล้ว ศาลก็ตัดสินแล้วว่าผิด บริษัทประกันภัยก็มีหน้าที่จ่ายค่าสินไหมทดแทน บริษัทโต้แย้งว่าเขาไม่ใช่คู่ความในคดี และเขาก็โต้แย้งว่าคดีนี้คนของเขาไม่ได้ไปประมาทฝ่ายเดียว แต่ไม่มีหลักฐานนะ

ผู้ขับขี่มีประกันชั้น 1 ประกันต้องสั่งจ่าย แต่อันนี้คนขับผิดประกันก็ต้องจ่าย ทั้งหมดคือ 2.5 ล้าน ตัวเลขมาจากไหน ?

ชัยยุทธ : เขาทำประกันไว้ 2 ส่วน คือประกันภัยภาคบังคับ ในทะเบียนแก้ไขปี 62 คุ้มครองไม่น้อยกว่า 5 แสน เขาทำประกันภาคบังคับไว้ ก็ต้องจ่าย 5 แสน กรณีเสียชีวิต กรณีภาคสมัครใจ ถ้าทำประกันไว้ไม่เกิน 2 ล้าน ก็ต้องจ่าย 2 ล้าน ก็เป็นตามนั้น ไม่ต้องมาพิสูจน์ความเสียหายที่แท้จริง ก็จ่ายไป 2.5 ล้านเลย

ศาลได้บอกเขาหรือเปล่า ?

ชัยยุทธ : อันนี้ไม่เกี่ยวกับศาลครับ ศาลแค่บอกว่าใครถูกใครผิด ประกันก็ต้องมีหน้าที่ไปบอก ถ้าคนของตัวเองผิด คุณมีหน้าที่ต้องจ่าย

พ่อทราบจากไหนต้องจ่าย 2.5 ล้าน ?

พ่อ : ดูจากเอกสารที่ศาลท่านพิพากษา

 

 

สรุปว่าศาลสั่งว่าคนขับผิดจริง ประกันชั้น 1 ที่ทำเอาไว้มูลค่าที่ต้องจ่ายคือ 2.5 ล้าน ศาลท่านได้มีการเขียนเอาไว้ด้วยมั้ย ?

ชัยยุทธ : ไม่มีจำนวนเงินนะ ศาลบรรเทาโทษให้คือเขาได้จ่ายค่าเสียหายบางส่วนให้คุณพ่อคุณแม่ไป 2 แสน เท่านั้นเอง แต่จำนวนเงินของประกันศาลไม่ได้พูดถึง

แต่ประกันก็ต้องจ่าย ?

ชัยยุทธ : ถูกครับ เพราะคนของตัวเองไปกระทำความผิด ข้อเท็จจริงมันยุติแล้วตั้งแต่ศาลตัดสิน ก็มีหน้าที่ต้องจ่ายเขา

แล้วทำไมเขาไม่จ่าย ประกันมาบอกทางพ่อว่าไง ?

พ่อ : ก็ไม่เคยมาพูด มาพบอะไรเลย เงียบอยู่อย่างนั้น พลิ้วเลย

พ่อเคยทวงมั้ย ?

พ่อ : เคยให้ญาติทางบุรีรัมย์ เอาสำนวนมาส่งให้ คปภ. บังคับจ่าย แต่ คปภ. ไม่ได้ทำเรื่อง หรือไม่ได้ทำอะไรหรือเปล่า ผมก็รออยู่อย่างนั้น

ศาลสั่งว่าฝั่งคนขับผิด ฉะนั้นตามข้อเท็จจริงเมื่อคุณผิด ประกันรถคุณก็ต้องจ่าย เขายังไม่ได้ 2.5 ล้าน ประกันพูดใช่มั้ยว่าให้ไปฟ้องต่อ เพราะประมาทร่วม ?

พ่อ : ครับ เขาบอกให้ไปฟ้องแพ่งต่อ

ตอนนี้ที่ได้ฟังมาจากข่าว กลับตาลปัตรไปนิดนึง แต่ธงสุดท้ายเหมือนเดิม ยังไงก็ต้องได้ 2.5 ล้าน สรุปแล้วหลังน้องหญิงถูกรถเบนซ์ชนเสียชีวิต คนขับรถเบนซ์เยียวยาไปแล้วส่วนหนึ่งประมาณ 1-2 แสน หลังจากนั้นมีการขึ้นศาล ศาลตัดสินว่าฝั่งคนขับรถเบนซ์ประมาท ทำให้คนถึงแก่ความตาย ฉะนั้นพอคนขับเป็นคนผิดปุ๊บ ประกันต้องทำงานอัตโนมัติ

พ่อเลยตั้งทนายมาหนึ่งคน พ่อให้ทนายไปติดต่อว่าต้องจ่ายเงิน 2.5 ล้าน เสร็จปุ๊บประกันทำเรื่องมาทาง คปภ. เพราะทางนั้นเขาไม่จ่าย เพราะเขาบอกว่าประมาทร่วม ต้องไปร้องมาใหม่ ถามว่าประมาทร่วมคืออะไร เขาบอกรถน้องไม่มีร่องรอยถูกชนด้านหลัง แต่มีร่องรอยถูกชนด้านข้าง อันนี้ประกันเขาอ้างมาแบบนี้ เขาเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้ถูกชนท้าย หรืออาจเป็นประมาทร่วม ต้องไปร้องมาใหม่ 2.5 ล้านยังไม่ต้องเอา พ่อให้ทนายไปร้อง คปภ. แต่ ปภ. บอกว่ายังไง ?

พ่อ : ทำไม คปภ. ไม่ใช้อำนาจบังคับบริษัทประกันให้จ่าย คปภ. มีอำนาจตรงนี้อยู่

ชัยยุทธ : ส่วนประกัน คุณพ่อได้มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นเรื่องร้องเรียน เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 สำนักงาน คปภ. ได้รับเรื่องแล้ว ตามกติกาเรา เจ้าหน้าที่ต้องส่งหนังสือให้บริษัทชี้แจงว่าทำไมเหตุการณ์เกิดขึ้นยังไง ทำไมไม่จ่าย บริษัทชี้แจงมาว่ากรณีนี้ ณ ขณะนั้นวันที่ 23 ศาลยังไม่ได้ตัดสิน ที่เขาแย้งมา ที่ยื่นขอให้จ่าย ศาลยังไม่ตัดสิน พอ 31 ศาลตัดสินทีหลัง หลังเรื่องร้องเรียน ทีนี้เรารับเรื่องร้องเรียน เราก็ให้บริษัทชี้แจง สำนักงานมีระเบียบเอาไว้ว่าต้องชี้แจงภายใน 7 วัน บริษัทชี้แจงมาแล้วก็ปฏิเสธ

แต่ตอนช่วงร้องเรียนมา ศาลตัดสิน เรามีเอกสาร คปภ. เลยสั่งให้บริษัทต้องจ่ายเงิน ส่งไปแล้ว แจ้งไปแล้ว บริษัทโต้แย้งกลับมา เรียนท่านว่ากรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานหรือสำนักงาน คปภ. บอกว่าถ้าบริษัทโต้แย้ง เขากำหนดให้นายทะเบียน หรือเลขาธิการมีอำนาจในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ไม่ได้มีอำนาจในการชี้ขาดตัดสินเหมือนศาล นี่กฎหมายเขาเขียนไว้แบบนี้ กระบวนการสำนักงาน คปภ. เลยมีระเบียบเรื่องร้องเรียนไกล่เกลี่ยกันขึ้นมา ถ้าหากโต้แย้งแบบนี้ ต้องใช้กระบวนการในการชี้แจงไกล่เกลี่ย หรือต้องให้อนุญาโตชี้ขาด เจ้าหน้าที่ไม่สามารถไปตัดสินทันทีได้

แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บอกให้จ่ายแล้ว ถ้าข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้แล้ว มันเข้าเหตุว่าบริษัทปฏิเสธจ่ายโดยไม่มีเหตุอันควร หรือจงใจ ซึ่ง ณ ขณะนี้ ข้อเท็จจริงมันยุติแล้ว แต่อาจล่าช้าในกระบวนการ เพราะคุณพ่อได้มอบอำนาจไปยื่นที่นนท์ แต่พอมาวันที่ 21 ตุลาคม นนท์แจ้งไปแล้ว ทางเขาปฏิเสธ ทนายท่านอีกคนเลยมายื่นร้องเรียนที่สำนักงานส่วนกลางอีกที เลยยังไม่ไปไหน

 

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: