ฉีดวัคซีน ‘แบบไทยๆ’ ตอนนี้เข้าประเทศไหนแบบไม่ต้องกักตัวได้บ้าง





เวลานี้ หลายประเทศกำลังปรับเปลี่ยนมาตรการคัดกรองคนเข้าประเทศใหม่ แม้ส่วนใหญ่จะยังจำกัด โดยเปิดให้เฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นเดินทางเข้าประเทศได้เท่านั้น แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสตามเกณฑ์ที่วางไว้ ก็สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว ทั้งนี้ ต้องเป็นวัคซีนจากผู้ผลิตที่ประเทศนั้นๆ กำหนด ไม่ใช่วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากผู้ผลิตใดก็ได้

ตาม เอกสารของสหภาพยุโรป ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2021 เปิดเผยรายชื่อวัคซีนที่ฉีดในประเทศนอกสหภาพยุโรปที่ประเทศสมาชิกจะใช้เพื่อทดแทนการต้องถูกกักตัวได้ และผู้ที่ฉีดวัคซีนจากประเทศเหล่านี้ สามารถทำใบรับรองการฉีดวัคซีนดิจิทัลของอียู (EU Digital Certificate) ซึ่งขณะนี้ วัคซีนแอสตราเซเนกาที่ใช้ในประเทศไทยได้รับการยอมรับแล้ว

ส่วนการฉีดวัคซีนสูตรผสมระหว่างยี่ห้อต่างๆ นั้น แต่ละประเทศมีเกณฑ์ต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วยังจำกัดเฉพาะวัคซีนที่องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) รับรองแล้วเท่านั้น

ยุโรป

ผู้เดินทางที่ไม่ใช่พลเมืองของประเทศสมาชิกอียูจะต้องฉีดวัคซีนที่องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) รับรองแล้วครบโดส ได้แก่ อ็อกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์/ไบออนเทค โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่อาจกำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติม เช่น จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) รับรองให้ใช้เป็นการฉุกเฉินหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ ประเทศในยุโรปที่เปิดรับผู้ฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้ว ได้แก่ ออสเตรีย ไซปรัส ฟินแลนด์ กรีซ ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์

กรณีของออสเตรีย ที่ยอมให้ผู้ที่ฉีดซิโนแวคเข้าประเทศได้ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานที่บางประเภท เช่น ร้านอาหาร โรงแรม หรือบริการบางประเภท

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 มีการยกเลิกการห้ามเดินทางเข้าประเทศจากผู้ที่มาจากประเทศ ออสเตรเลีย แคนาดา ชิลี จีน จอร์แดน คูเวต นิวซีแลนด์ กาตาร์ รวันดา ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ยูเครน อุรุกวัย ส่วนประเทศอื่นๆ ต้องเดินทางเฉพาะมีความจำเป็นเท่านั้น

ฝรั่งเศส

ตั้งแต่ 17 กรกฎาคม 2564 ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในประเทศกลุ่มสีส้ม ซึ่งเป็นประเทศที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่องของเชื้อไวรัส แต่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และไม่มีการระบาดของสายพันธุ์ที่น่ากังวล ผู้เดินทางจากประเทศสีส้มที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การยาสหภาพยุโรปครบจำนวนครั้งที่กำหนด และมีหลักฐานยืนยัน จะได้รับยกเว้นจากการบังคับใช้ข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส ซึ่งรวมถึงวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตในประเทศไทยด้วย

เยอรมนี

ผู้ที่ฉีดวัคซีนแบบผสมจะต้องเป็นวัคซีนที่ EMA รับรองเท่านั้น ไทยจัดอยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยงสูงต้องกักตัวที่บ้าน 10 วัน เว้นแต่ว่ามีใบรับรองว่าฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

สวิตเซอร์แลนด์

ผู้ที่ฉีดวัคซีนอ็อกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์/ไบออนเทค โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ แต่หากจะขอใบรับรองการฉีดวัคซีนดิจิทัลของอียู จะทำได้เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนที่ EMA รับรองแล้วเท่านั้น ซึ่งจะทำให้สามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ในอาคารได้ เช่น ร้านอาหาร

สหราชอาณาจักร

ตั้งแต่เวลา 4.00 น. วันที่ 4 ตุลาคม 2021 อังกฤษ (ยังไม่รวมสกอตแลนด์ เวลส์ ไอร์แลนด์เหนือ) จะปรับมาตรการการเดินทางเข้าประเทศใหม่ จากเดิมที่เป็นการแบ่งประเทศเป็นกลุ่มสีแดง เหลือง สีเขียว มาเป็นประเทศสีแดงและประเทศอื่นๆ ที่เหลือทั่วโลก การเดินทางจากประเทศต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มสีแดงจะขึ้นอยู่กับสถานะการได้รับวัคซีน

ผู้ที่ถือว่าฉีดวัคซีนครบแล้ว จะต้องเข้าเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้

1) ฉีดวัคซีนในสหราชอาณาจักร ยุโรป สหรัฐอเมริกา หรือโครงการฉีดวัคซีนของสหราชอาณาจักรในต่างประเทศ

2) ฉีดวัคซีนอ็อกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์/ไบออนเทค โมเดอร์นา หรือจอห์นสันแอนด์จอห์นสันครบโดส โดยการดำเนินการของสาธารณสุขในประเทศต่อไปนี้ ออสเตรเลีย แอนติกาและบาร์บูดา บาร์บาโดส บาห์เรน บรูไน แคนาดา โดมินิกา อิสราเอล ญี่ปุ่น คูเวต มาเลเซีย นิวซีแลนด์ กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งฉีดวัคซีนจาก 4 บริษัทนี้ เช่น แอสตราเซเนกาโควิชิลด์ แอสตราเซเนกา แวกเซฟเรีย และโมเดอร์นา ทาเคดะ

ผู้ที่เดินทางเข้าสหราชอาณาจักร ต้องฉีดวัคซีนครบคอร์สเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน หากเป็นการฉีดในหลายประเทศ ก็ต้องเป็นโปรแกรมที่ได้รับการรับรอง เช่น ฉีดใน ออสเตรเลีย+ญี่ปุ่น ฉีดใน สหราชอาณาจักร+สหรัฐอเมริกา ฉีดใน สหภาพยุโรป+แคนาดา

และนับแต่วันที่ 4 ตุลาคม จะเริ่มเปิดให้เข้าประเทศสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนสูตรผสม ภายใต้การรับรองของ สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา

ส่วนประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มสีแดง ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนครบโดสแล้วหรือไม่ ก็ต้องกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 10 วัน ผู้ที่จะเดินทางมาจากประเทศสีแดงที่จะเข้าสหราชอาณาจักร หากไม่ได้ถือสัญชาติอังกฤษหรือไอร์แลนด์ หรือมีสิทธิในการพำนัก ต้องกักตัวตามเกณฑ์นี้

สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยโพสต์หน้าเฟซบุ๊กว่า ผู้เดินทางจากประเทศไทยเข้าสหราชอาณาจักรยังต้องปฏิบัติตามกฎเดิม จนกว่าไทยจะออกจากกลุ่มสีแดง และหากภายใน 10 วันก่อนเข้าสหราชอาณาจักร อยู่ในประเทศที่ไม่ใช่กลุ่มสีแดง แต่ฉีดวัคซีนไปจากประเทศไทย (หรือประเทศอื่นๆ ที่สหราชอาณาจักรยังไม่ได้รับรอง) ก็ยังต้องตรวจเชื้อก่อนเดินทาง กักตัวเอง 10 วัน และตรวจเชื้อในวันที่ 2 และ 8 หลังเข้าสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ทางสถานทูตอังกฤษระบุว่า “กำลังเร่งดำเนินการร่วมกับรัฐบาลไทยเพื่อขยายการรับรองวัคซีนให้ครอบคลุมถึงไทยโดยเร็ว เมื่อมีฐานข้อมูลที่เพียงพอในการออกใบรับรองการฉีดวัคซีน”

สหรัฐอเมริกา

แม้ปัจจุบันยังไม่มีเกณฑ์เกี่ยวกับวัคซีน แต่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป สหรัฐอเมริกาจะเปิดประเทศ โดยปลดล็อกการแบนนักเดินทางจาก 33 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึง อินเดีย จีน บางประเทศในสหภาพยุโรป อิหร่าน แอฟริกาใต้ โดยมีข้อกำหนดว่า ผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันทุกคน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส

อย่างไรก็ดี ทางการสหรัฐอเมริกายังไม่กำหนดวันที่ชัดเจนว่าจะเปิดประเทศเมื่อใด และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า ต้องเป็นวัคซีนใดบ้าง อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา (FDA) ระบุว่า วัคซีนที่องค์การอนามัยโลกอนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉิน เช่น แอสตราเซเนกา จะถูกนับว่าครบโดส

จีน

เว็บไซต์สถานทูตจีน ประจำประเทศไทยระบุตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2564 ว่า สถานทูตจีนประจำประเทศไทยจะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สมัครขอวีซ่าที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ผลิตขึ้นในประเทศจีน และได้รับเอกสารว่าได้ทำการฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว และต่อมา ในเดือนเมษายน 2564 ด้วยความพยายามเปิดประเทศ ทำให้จีนอนุญาตให้ผู้ที่รับวัคซีนจากชาติตะวันตก อันได้แก่ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน สามารถเดินทางเข้าประเทศได้

ญี่ปุ่น

ปัจจุบันญี่ปุ่นยังไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ แต่ให้เฉพาะผู้ถือสัญชาติญี่ปุ่นหรือชาวต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่นอยู่แล้ว และล่าสุด รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 จะลดเวลากักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดยมาตรการผ่อนคลายนี้ ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นรับรอง ได้แก่ ไฟเซอร์/ไบออนเทค โมเดอร์นา และแอสตราเซเนกา ซึ่งจะยอมรับวัคซีนพาสปอร์ตจาก 50 ประเทศ รวมถึงไทยด้วย

อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นมีมาตรการที่เข้มงวดในการรับคนที่เดินทางเข้าประเทศ โดยกำหนดให้ต้องมีผลตรวจโควิดก่อน และเมื่อเดินทางไปถึง ยังต้องตรวจโควิดอีกครั้ง และกักตัวในที่ที่รัฐกำหนดต่ออีก 6 วัน หรือ 10 วัน ขึ้นอยู่กับว่าเดินทางมาจากประเทศใด และเมื่อพ้นระยะกักตัวแล้ว อาจยังต้องกักตัวต่อที่บ้านเองอีก 14 วัน ระหว่างนี้ห้ามใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดตามแต่ละกรณี

 

ข่าวจาก : thairath

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: