ชาวเลราไวย์ ตั้งคำถาม ถูกสั่งปิดชุมชน แต่ห้างเปิดได้ ตัดพ้อไม่มีนมให้เด็กกิน





ชาวเลราไวย์ ตั้งคำถาม ถูกสั่งปิดชุมชน แต่ห้างกลางเมืองยังเปิดได้ พ้อได้แต่ข้าวสาร-ปลากระป๋อง สุดอึดอัดกังวลเรื่องปากท้อง ไม่ได้ออกทะเลหาปลา

วันที่ 20 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ชาวเลราไวย์ จ.ภูเก็ต ที่ถูกจังหวัดมีคำสั่งปิดชุมชน 14 วัน โดย นายชาญวิทย์ สายวัน นักสื่อสารชายขอบ มูลนิธิชุมชนไท เปิดเผยว่า หลังจากจังหวัดภูเก็ตมีคำสั่งปิดชุมชนราไวย์ 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-28 กันยายน 2564 ได้มีการตรวจคัดกรองแบ่งกลุ่มผู้ติดเชื้อ โดยระดับสีแดงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนสีเขียวและสีเหลืองจะถูกแยกกักตัวอยู่ภายในชุมชน

ซึ่งการปิดชุมชนเช่นนี้แม้จะเป็นไปตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่มีเสียงสะท้อนจากชาวบ้านว่า มาตรการนี้อาจทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น เพราะคนติดเชื้อและไม่ติดชื้อต้องถูกกักตัวร่วมกันในชุมชนที่มีลักษณะแออัด

นอกจากนี้ไม่สามารถออกทะเลหาปลาหาหอยไปขายได้ ทำให้ขาดรายได้โดยสิ้นเชิง การช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐมีเพียงข้าวสารและอาหารแห้งเท่านั้น ยังขาดแคลนของใช้จำเป็นอื่นๆ เช่น นมสำหรับเด็ก หรือของใช้ส่วนตัว

“ตอนนี้ชาวบ้านอึดอัดที่ต้องถูกกักตัวแบบนี้ เด็กและเยาวชนออกมาเขียนป้ายระบายความรู้สึกติดที่ริมรั้วสังกะสี ออกทะเลหาปลา ไปขายปลาหรือทำงานก็ไม่ได้ สิ้นเดือนพ้นกักตัวก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เขาสงสัยว่าทำไมต้องสั่งปิดเฉพาะชุมชนชาวเล แต่ห้างใหญ่กับซูเปอร์มาร์เก็ตกลางเมืองที่มีแพร่ระบาดโควิดกลับไม่มีการสั่งปิด และไม่มีมาตรการช่วยเหลืออะไรเลยนอกจากข้าวสารกับปลากระป๋อง” นายชาญวิทย์ กล่าว

ด้าน นายวิทวัส เทพสง ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวเลอันดามัน กล่าวว่า กรณีปิดชุมชนชาวเลหาดราไวย์ เครือข่ายได้ประสานงานกับพี่น้องที่ถูกกักตัวพบว่า มีความกังวลเรื่องปากท้องมากที่สุด เพราะต้องหยุดการทำมาหากินทั้งหมด อีกทั้งมาตรการกักตัวปิดชุมชนเป็นการแก้ปัญหาที่ขาดการมีส่วนร่วม

เนื่องจากเมื่อมีการคัดกรองแล้ว ควรแยกกักตัวเฉพาะผู้ติดเชื้อเท่านั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่ม และชาวบ้านยังสามารถออกเรือจับปลาไปขายได้ เหมือนเป็นมาตรการที่ซ้ำเติมชาวบ้าน เพราะถึงตอนนี้รัฐยังไม่มีแผนการช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการปิดชุมชนเลย โดยเฉพาะแผนฟื้นฟูคุณภาพชีวิต ชดเชยรายได้ เยียวยาผลกระทบด้านต่างๆ เหมือนกับการสั่งล็อคดาวน์ที่จะมีการเยียวยาตามมา

“พี่น้องเห็นด้วยอยู่แล้วกับมาตรการต่างๆ เพื่อให้การท่องเที่ยวหรือเศรษฐกิจภูเก็ตฟื้นตัว แต่การปิดชุมชนชาวเล เขารู้สึกเป็นการเลือกปฎิบัติ เพราะพื้นที่ผู้ประกอบการเอกชนก็มีการแพร่ระบาดหนัก แต่ไม่มีการล้อมสังกะสีแบบนี้ เหมือนไม่ได้มองชาวเลเป็นคน ส่วนการฉีดวัคซีนชิโนแวคหรือแอสตร้า 2 เข็ม ก็ไม่ได้ผล เพราะชาวบ้านยังติดเชื้อและป่วยกันเยอะ” นายวิทวัส กล่าว

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: