ผบ.ตร.สั่งปรับยุทธวิธี สลายผู้ชุมนุม ไม่กระทบชาวบ้าน ยกตู้คอนเทนเนอร์ออก





สั่งปรับยุทธวิธีสลายผู้ชุมนุม ไม่ให้เข้าใกล้บ้านเรือนที่พักอาศัยประชาชน ยันทำเพื่อปกป้องสถานที่ราชการ สั่งเอาตู้คอนเทนเนอร์ออก รับจับแกนนำเยาวชนแล้วหลายคน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 ส.ค.64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง ว่า วันนี้จะมีการปรับยุทธิวิธีให้กับเจ้าหน้าที่ในการเข้าระงับเหตุวุ่นวายที่เกิดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณดินแดงและอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา (20ส.ค.) ปรากฏภาพเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้วยความรุนแรง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน

โดยเฉพาะคลิปเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนยิงประชิดใส่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และยิงใส่ใต้แฟลตดินแดง จำนวน 2 เหตุการณ์ ได้สั่งการให้ บช.น.ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่ต้องพิจารณาถึงเหตุและผลเป็นเรื่องๆ ไป เพราะหลักยุทธวิธีสากลเป็นเพียงหลักเกณฑ์กว้างๆ ที่กำหนดขึ้นเท่านั้น ไม่มีการบังคับตายตัว จึงต้องเรียกตำรวจนายดังกล่าวมาตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถตอบคำถามของสังคมได้ ว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงจริงหรือไม่

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สั่งการให้ปรับยุทธวิธีแล้ว กำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติการภายในที่พักอาศัย ชุมชน หรือซอยขนาดเล็ก แต่เน้นการรักษาพื้นที่บริเวณถนนเส้นหลัก ป้องกันไม่ให้มีการเผาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และทรัพย์สินของประชาชน หรือโจมตีเจ้าหน้าที่ รวมถึงยกเลิกการตั้งตู้คอนเทนเนอร์ที่ขวางถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ใกล้สามเหลี่ยมดินแดงที่จะมุ่งหน้ากรมทหารราบที่ 1 และยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ปกป้องบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นการปกป้องสถานที่ราชการ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ขอให้เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันสูงมาก ต้องรักษาความสงบ และต้องบังคับใช้กฎหมาย เพราะสถานการณ์วันนี้ไม่ใช่การชุมนุมเหมือนเมื่อก่อน แต่เป็นการก่อความวุ่นวาย และทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยการใช้ระเบิดปิงปอง และหัวน็อต ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้รับบาดเจ็บเมื่อไหร่ และผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ทำให้ตำรวจทำงานได้ยาก ก็สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ให้อดทน อดกลั้น แม้กลุ่มผู้ก่อเหตุจะเล่นนอกกติกาก่อความรุนแรงก็ตาม แต่ตำรวจต้องอดทนและปฏิบัติภายในกติกา กฎหมายและยุทธวิธีสากล

เบื้องต้นตำรวจเข้าไปพูดคุยกับผู้ปกครองของเยาวชนเหล่านี้ เพื่อทำความเข้าใจและชี้แจงเหตุผลที่ตำรวจต้องดำเนินคดี พบว่าส่วนใหญ่เป็นเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่จุดเกิดเหตุ แต่มาจากจังหวัดรอบกรุงเทพฯ และตอนนี้มีการจับกุมแกนนำที่ชักชวนเยาวชนออกมารวมตัวก่อเหตุแล้วบางส่วน แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงเมื่อไหร่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ไม่มีหนังเรื่องไหนไม่จบ อยู่ที่ว่าจะเป็นหนังสั้นหรือหนังยาวเท่านั้นเอง

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: