ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯ เดือนก.ค. ตกต่ำสุดในรอบ 14 เดือน





ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯ เดือนก.ค. ตกต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ชี้ชัดมาตรการล็อกดาวน์ล้มเหลว ลดคนติดเชื้อไม่ได้

ดัชนีความเชื่อมั่นอุตฯทรุดหนัก – นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 78.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 80.7 ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 14 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 เนื่องจากจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย และกระจายวงกว้างไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ภาครัฐต้องออกมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด ห้ามออกนอกเคหะสถานช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.-2 ส.ค. 2564 การจำกัดการเดินทางภายในประเทศ รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้พนักงานทำงานที่บ้านมากที่สุด

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลงได้ และยังส่งผลให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และประชาชนมีรายได้ลดลง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งทำให้กำลังการผลิตลดลง 5-10% เนื่องจากแรงงานต้องกักตัวทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งโรงงานบางแห่งต้องปิดชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด บางอุตสาหกรรมจึงอาจเหลือกำลังการผลิตไม่ถึง 50% ขณะที่แรงงานในภาคอุตสาหกรรมยังได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่น้อย

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 89.3 ปรับตัวลดลงจากเดิมคาดไว้อยู่ที่ระดับ 90.8 ในเดือนมิ.ย. 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายโดยเฉพาะการแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งหากไม่สามารถควบคุมได้จะกระทบต่อภาคการผลิตและการส่งออก

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการมองว่าหากภาครัฐใช้มาตรการล็อกดาวน์หลายเดือนจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังไม่แน่นอน เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในหลายประเทศอาจส่งผลต่อกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออกของไทยในระยะต่อไป

โดยจะเห็นว่ายังมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการส่งออกที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีฯ คำสั่งซื้อและยอดขายต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีทิศทางที่ดีขึ้นจากสัดส่วนประชากรที่ฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ทำให้อุปสงค์ในตลาดต่างประเทศขยายตัว ขณะที่การอ่อนค่าของเงินบาทที่ระดับ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสนับสนุนภาคการส่งออก และอยากให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ไม่แข็งค่าหรืออ่อนค่ามากเกินไป เพราะไม่เป็นผลดีขีดความสามารถในการแข่งขัน

นายสุพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส.อ.ท. ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐให้เร่งตรวจเชิงรุกในกลุ่มพื้นที่สีแดงเข้ม เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากกลุ่มที่ไม่ติดเชื้อ ควบคู่กับการใช้มาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งเตรียมความพร้อมด้านระบบสาธารณสุขในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ และขอให้ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนให้แก่แรงงาน ม.33 เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานประกอบการ รวมทั้งรักษาศักยภาพในการผลิตและภาคส่งออกของประเทศ

ขณะเดียวกัน สนับสนุนให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในสถานประกอบการ พร้อมนำระบบแจ้งเตือนผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่พัฒนาขึ้นโดย Google และ Apple มาใช้ เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดลดการติดเชื้อและเสียชีวิต ให้ภาครัฐดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: