สัญญาณระลอกสี่! ‘หมอนิธิพัฒน์’ เผย ‘ศิริราช’ พบผู้ป่วยสายพันธุ์เดลตาเกิน 50%





“หมอนิธิพัฒน์” แจ้งถึงวันนี้ ศิริราช พบ”สายพันธุ์เดลตา” เกินครึ่งไปแล้ว ชี้สายพันธุ์นี้จะแพร่ได้ง่ายไปสู่ทั้งเด็ก คนท้อง และคนชรา เกิดปอดอักเสบได้เร็ว แรงกว่าสายพันธุ์เดิมๆ สัญญาณบ่งชี้การระบาดระลอกสี่

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความระบุ Officially COVID-ICU attending physician from June 28 to July 4, 2021

เป็นวันแรกของเดือนนี้ ที่กลับมาเป็นอาจารย์ประจำการหอผู้ป่วยไอซียูโควิดแห่งแรกของศิริราชรวม 7 เตียง ขณะนี้กิจการเราดีมากจึงขยายไปอีกสองที่ ที่ละ 6 เตียง รวมทั้งหมดจึงเป็น 19 เตียง ซึ่งเต็มมาเกือบตลอดเดือนนี้ และคาดว่าจะเป็นแบบนี้ในเดือนหน้าอีกทั้งเดือน ถ้าเป็นเชิงพาณิชย์สงสัยอัตราการเติบโตของมูลค่าเพิ่มนับว่าก้าวกระโดด

ข้อมูลจากการสุ่มตรวจ เมื่อราวสิบวันก่อน ในศิริราชพบสายพันธุ์เดลต้าประมาณ 30% ถ้าถึงวันนี้น่าจะเกินครึ่งไปแล้ว สัปดาห์นี้จะลองส่งตรวจในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดูว่า จะพบคิดเป็นสัดส่วนเท่าไร สายพันธุ์นี้นอกจากจะแพร่ได้ง่ายไปสู่ทั้งเด็ก คนท้อง และคนชรา ยังอาจจะเกิดปอดอักเสบได้เร็ว และได้แรงกว่าสายพันธุ์เดิมๆ ที่เราคุ้นเคย นี่เป็นตัวแปรหนึ่ง ที่ทำให้เรียกการระบาดช่วงนี้ เป็นระลอกสี่ และเป็นตัวชี้ขาดหนึ่งในความยากง่ายของการควบคุมโรค ภายหลังเริ่มใช้มาตรการต่างๆ ที่เผยโฉมให้ชัดเจนวันนี้ คงต้องลุ้นกันตัวโก่ง เหมือนบอลยูโรที่มาได้ครึ่งทางของรอบ 16 ทีมแล้ว

ในบรรดาผู้ป่วยทั้ง 7 ราย ที่ดูแลอยู่ตอนนี้สองในเจ็ด น่าจะมาจากสายพันธุ์เจ้าปัญหา วันนี้ย้ายผู้ป่วยเก่าได้สองราย และนำรายใหม่เข้ามาแทน คาดว่าเจ้าตัวร้ายคงกลายเป็นขาใหญ่ของที่นี่แทนคือ 4 จาก 7 ราย ที่น่าสนใจคือผู้ป่วย 3 ราย เป็นอาจารย์อาวุโสของผมเอง ทุกท่านแม้อยู่ในวัยเกือบ หรือเกิน 80 แล้ว แต่ยังแข็งแรงดี และไม่มีโรค หรือภาวะเสี่ยงชัดเจน ที่สำคัญคือทั้งหมดหาต้นตอคนนำเชื้อมาให้ได้ไม่ชัดเจน แสดงถึงมีการลุกลามของเชื้อเข้าไปในชุมชนวงกว้าง ซึ่งเป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ของการระบาดระลอกสี่ ภาวนาให้เหล่าครูทุกท่านได้รับผลดีของการดูแลรักษาโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหรือเรื้อรัง นี่ช่วยตอกย้ำอีกครั้งว่า วัคซีนที่กำลังจะได้มาในเดือนหน้า จะต้องเร่งฉีดให้กับผู้สูงอายุและผู้มีโรคเรื้อรังเป็นอันดับต้นๆ

กองทัพเดินด้วยท้องฉันใด ทีมของเราหลังจากตรวจเยี่ยมผู้ป่วยกันเรียบร้อยแล้ว วันนี้งานไม่ยุ่งมากจึงสั่งพิซซ่าและโค้ก มาปลุกขวัญลูกทีม เรามีแพทย์ 7 คน กับพยาบาล 12 คน สำหรับดูแลผู้ป่วย 7 ราย แต่ในโรงพยาบาลที่พร้อมน้อยกว่าเรานั้น ปริมาณงานเท่ากันนี้เขาอาจใช้คนแค่ครึ่งเดียวของเราหรืออาจไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ คิดดูแล้วกันว่ามันจะหนักหนาสาหัสขนาดไหน แล้วอย่างนี้จะใจดำไม่ควบคุมโรคจริงจังให้กับพวกเขาพอจะได้มีโอกาสผ่อนคลายบ้างเลยหรือ

ในยามที่กรุงเทพกำลังจะถูกข้าศึกโควิด สายพันธุ์ภารตะตีแตก ได้มีการระดมทหารใหม่ที่เพิ่งสำเร็จการฝึกฝนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาเสริมทัพ พวกเขาเหล่านี้ถูกส่งตัวจากหัวเมืองมาร่ำเรียนในเมืองหลวง เพื่อหวังกลับไปเป็นกำลังสำคัญดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัด การกะเกณฑ์เขามาช่วยงานก่อนส่งตัวกลับที่ตั้ง ควรเป็นไปโดยความยินยอมของทั้งตัวเขา หัวหน้างานเขา และที่สำคัญประชาชนในพื้นที่เขาหากสถานการณ์โควิดที่นั่นยังเบาบางอยู่ วอนผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายอย่ารานน้ำใจผู้น้อยมากไปนักเลย

สายงานแพทย์เราใช้ระบบอาวุโสและคุณธรรมในการร้อยรัดพวกเราเข้าด้วยกันไว้ มากกว่าการใช้อำนาจสั่งการตามระดับบังคับบัญชาเหมือนวิชาชีพอื่น อย่าปล่อยให้เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นไฟไหม้ฟางก่อความบาดหมางใจกันโดยใช่เหตุ ที่จริงเราน่าจะช่วยกันประสานเสียงว่า การแก้ไขหลักของสถานการณ์ในกรุงเทพต้องเน้นการควบคุมโรคให้อยู่หมัด มากกว่าการขยายเตียงโควิดในโรงพยาบาลต่อไปไม่ที่สิ้นสุด

 

ข่าวจาก : thebangkokinsight

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: