สาวราชบุรี เผยกลโกงโครงการเราชนะ หลังย่า ชาวบ้าน โดนสวมสิทธิ





สาวราชบุรี เผยกลโกงโครงการเราชนะ หลังย่า ชาวบ้าน โดนสวมสิทธิ พบ ร้านเจ๊เอก ทิพย์ ตั้งร้านแต่ไม่มีร้านอยู่จริง สงสัยปมเอาบัตรประชาชนสวมสิทธิ

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 14 มิถุนายน 2564 นางเบี่ยง ทองเกิด อายุ 84 ปี ชาว ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พร้อมด้วย น.ส.ฐิติมา ทองเกิด อายุ 26 ปี หลานสาว และญาติ เดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สภ.เขาดิน อ.โพธาราม เพื่อสอบถามความคืบหน้า กรณีถูกสาวประเภทสองชาว จ.สุพรรณบุรี สวมสิทธิ์โครงการเราชนะ

น.ส.ฐิติมา หลานสาว เปิดเผยว่า คุณย่าของตนได้ไปสมัครเข้าร่วมโครงการเราชนะของรัฐบาล แต่เนื่องจากไม่มีสมาร์ทโฟน จึงใช้วิธีสมัครด้วยบัตรประชาชนผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาโพธาราม

โดยเงินรอบแรกได้เข้ามาในช่วงวันที่ 9 เมษายน ผ่านไปจนถึงวันที่ 22 เมษายน คุณย่าจึงใช้สิทธิ์ไปซื้อของเป็นครั้งแรก กระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม คุณย่าได้ไปใช้สิทธิ์เป็นครั้งที่ 2 ก็สังเกตเห็นว่ายอดเงินเริ่มหายไป

จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน แล้วติดต่อไปยังธนาคารกรุงไทย สาขาโพธาราม ทำให้ทราบเบื้องต้นว่ามีการใช้สิทธิ์ของคุณย่าผ่าน “ร้านเจ๊เอก” ซึ่งตั้งอยู่ ต.ดอนกำยาน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จนรอบเงินก้อนสุดท้ายที่รัฐโอนให้ ก็ปรากฏว่าเงินดังกล่าวได้ถูกใช้สิทธิ์ไปแล้ว ตนกับคุณย่าจึงเข้าไปที่ธนาคารอีกครั้ง เพื่อขอทราบรายละเอียด พบว่ามีการใช้จ่ายสิทธิ์กับ “ร้านเจ้เอก” ในวันที่ 14 เม.ย.64 เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท วันที่ 15 เม.ย.64 จำนวน 1,000 บาท วันที่ 30 เม.ย.64 จำนวน 897 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,897 บาท

ต่อมา ตนได้พยายามติดต่อกับผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ดอนกำยาน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แล้วเดินทางไปหา เพื่อให้ช่วยเหลือนำไปร้านคู่กรณี หวังจะเจรจาของเงินคืน แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะคู่กรณีไม่อยู่บ้าน

แต่ก็ทำให้ทราบว่า “ร้านเจ๊เอก ที่ยื่นสมัครเป็นร้านค้าเข้าร่วมโครงการเราชนะ ไม่มีอยู่จริง” และก่อนหน้านี้มีชาว จ.สงขลา อายุ 93 ปี โดนลักษณะเดียวกัน เดินทางมาที่บ้านและเจอตัวเจ๊เอก ซึ่งเจ๊เอกไม่พูดอะไรมาก คืนเงินให้ทันที 2,000 บาท พร้อมค่ารถ นอกจากนั้น ยังพบว่า ยังมีชาวบ้านใน จ.ราชบุรี ที่ อ.สวนผึ้ง 3 ราย และอ.ปากท่อ ประมาณ 50 ราย ที่ถูกสวมสิทธิ์จากร้านเดียวกันอีกด้วย

สำหรับกลโกงเราชนะ น.ส.ฐิติมา เปิดเผยว่า เนื่องจากตนก็เปิดร้านขายของชำและลงสมัครเข้าร่วมเป็นร้านค้าในโครงการเช่นกัน จึงทำให้รู้ว่า คนร้ายจะนำบัตรประชาชนของผู้ไม่ได้รับสิทธิ์โครงการฯ มาสแกนหน้าบัตร

ซึ่งโปรแกรมจะแจ้งเตือนว่า หมายเลขบัตรประชาชนดังกล่าวไม่ได้รับสิทธิ์ จากนั้นจะทำการเปลี่ยนหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของเหยื่อเข้าไปแทน พร้อมสุ่มรหัสผ่าน 6 หลัก ไปเรื่อยๆ โดยข้อสังเกต ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุจะนิยมใช้รหัสผ่าน อาทิ 000000 หรือ 111111 เพื่อง่ายต่อการจดจำ หากคนร้ายสุ่มถูกก็จะสามารถดึงเงินของเหยื่อไปใช้ได้อย่างง่ายดาย

ด้านของคดี ทางพนักงานสอบสวนจะได้ทำหนังสือยื่นเรื่องไปยังธนาคารกรุงไทย สาขาโพธาราม เพื่อขอข้อมูลรายละเอียดการใช้สิทธิ์เราชนะของ นางเบี่ยง ทองเกิด ว่ามีผู้ใด หรือถูกนำไปใช้ ณ ที่แห่งใด เมื่อใด จำนวนกี่ครั้ง เป็นเงินจำนวนเท่าใด พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการสอบสวนต่อไป

น.ส.ฐิติมา กล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสงสัยว่า คนร้ายรายนี้มีเลขที่บัตรประชาชนของคุณย่า และชาวบ้านคนอื่นๆ ไปก่อเหตุสวมสิทธิ์ได้อย่างไร มีผู้ร่วมขบวนการคนอื่นอีกหรือไม่

ซึ่งที่ตนออกมาเรียกร้องทวงสิทธิ์นี้ให้กับคุณย่าในครั้งนี้ เนื่องจากเวลานี้ทุกคนก็ลำบากจากสถานการณ์โรคโควิด 19 เงินที่รัฐบาลให้มา ถึงแม้ว่าจะไม่มาก แต่สำหรับคนที่เขาไม่มีจะกิน เงินก้อนนี้จะช่วยใช้ประทังชีวิตต่อไปได้

 

ข่าวจาก : ข่าวสด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: